ลักษณะทางคลินิก
ผู้ป่วยรู้สึกเหนื่อย แน่น หายใจขัด เวียนศีรษะ ตาลาย ปวดเกร็งกล้ามเนื้อ ชาตามแขนขา และมีอาการหายใจลึกและเร็ว หรือมีอาการ เป็นลม หรือนิ้วมือนิ้วเท้าจีบเข้าหากัน
ในรายที่มาด้วยอาการเป็นลม แต่ผู้ป่วยปฏิเสธอาการหายใจลึกและเร็ว ถ้าสงสัยว่าเป็น Hyperventilation syndrome หรือไม่ อาจให้ผู้ป่วยหายใจลึกๆ เร็วๆ ประมาณ 2-3 นาที ถ้าเกิดความรู้สึกต่างๆ ข้างต้น และมีอาการเป็นลมด้วยแสดงว่าเป็น Hyperventilation syndrome
การวินิจฉัยแยกโรค ต้องแยกจากโรคทางกายอื่นๆ ดังนี้
-โรคปอด เช่น หืด การฟังปอดขณะหอบจะช่วยแยกโรคได้ชัดเจน
-ในรายที่มาด้วยอาการเป็นลม ต้องแยกจากโรคชัก hypoglycemia, vasodepressor syncope, Adams-stokes syndrome และ paroxysmal arrhythmia การซักประวัติละเอียด หรือการให้ผู้ป่วย hyperventilate ดูหรือตรวจ EKG, EEG จะช่วยแยกโรคได้
-ในรายที่มาด้วยอาการชา ต้องแยกจากโรค hypoparathyroid หรือ peripheral neuropathy ซึ่งพวกนี้มักจะชาตลอดเวลาและไม่มีอาการ
อื่นๆ ของ Hyperventilation syndrome
สาเหตุ
ความวิตกกังวลหรือความกลัว ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกแน่น หายใจขัด พยายามหายใจแรงขึ้น มากขึ้น เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสรีระคือ respiratory alkalosis (เนื่องจากร่างกายขับคาร์บอนไดออกไซด์ออกทางการหายใจหอบ) ทำให้มี vasocon¬striction ที่สมอง เกิดอาการ เวียนศีรษะ ตาลายหรือเป็นลม และ ionized cal¬cium ในพลาสม่าลดลงเกิดอาการชา หรือนิ้วมือนิ้วเท้าจีบ
การรักษา
1. ขณะมีอาการ hyperventilate ให้ผู้ป่วยหายใจในถุงที่เจาะรูที่ก้นถุง เพื่อแก้ไขสภาพ respiratory alkalosis ก่อน ผู้ป่วยจะสงบลง และสมองเริ่มรับรู้ หรือรับฟังมากขึ้น
2. อธิบายให้ผู้ป่วยและผู้ใกล้ชิดเข้าใจว่า ความรู้สึกหรืออาการต่างๆ เกิดจากการหายใจลึกและเร็วของผู้ป่วย เพื่อยืนยันคำพูดของแพทย์อาจให้ผู้ป่วยหายใจลึกๆ เร็วๆ สัก 2-3 นาทีดู
3. แนะนำวิธีแก้ไขขณะเกิดอาการหอบ โดยพยายามหายใจช้าลงหรือหายใจในถุงดังข้อ 1 และให้ผู้ป่วยกระทำเช่นนี้ทุกครั้งที่มีอาการ ผู้ป่วยจะรู้สึกมั่นใจขึ้นที่ตนเองสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
4. แก้ไขความวิตกกังวล หรือความขัดแย้งภายในจิตใจ โดยวิธีจิตบำบัด
5. ในรายที่มีอาการมาก การฉีด Diazepam IV ช้าๆ จะช่วยลดอาการ ลงได้ แต่น่าจะใช้วิธีการข้อ 1-4 มากกว่า เพื่อว่าผู้ป่วยจะได้ไม่พึ่งการฉีดยาทุกครั้งที่มีอาการ
ที่มา:ปิยาณี ชัยวัฒนพงศ์
ชาญวิทย์ เงินศรีตระกูล