สำหรับผู้ใส่ใจในการรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

การรักษาโรคด้วยดีเอ็มเอสโอ(DMSO Therapy)

เป็นการรักษาโรคด้วยการใช้สารเคมีที่มีชื่อว่า ไดเม็ทธิลซัลโฟไซด์(dimethyl sulfoxide) ซึ่งใช้ตัวย่อว่า DMSO ในด้านประโยชน์ของดีเอ็มเอสโอในทางเภสัชกรรม แพทย์ที่มีความรู้จะสามารถนำมันมาปรับใช้กับการรักษาปัญหาสุขภาพได้อย่างมากมาย

ยาดีเอ็มเอสโอ แพทย์อาจจะให้ในรูปของยาฉีด โดยฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือฉีดเข้าเส้นเลือดของผู้ป่วยในขนาดที่แตกต่างกัน แล้วแต่อาการของผู้ป่วยที่รักษา

ในปี ค.ศ.1866 อเล็กซานเดอร์ ไซต์เซฟ(Alexander Saytzeff) นักเคมีชาวรัสเซีย ได้เป็นผู้สังเคราะห์ ไดเม็ทธิล ซัลโฟไซด์ขึ้นเป็นครั้งแรก นอกจากจะมีประโยชน์ทางด้านการแพทย์แล้ว ดีเอ็มเอสโอยังมีคุณสมบัติในการกำจัดเนื่องจากเป็นตัวทำละลายที่ดีเยี่ยม เช่น ล้าง-ลอก สีและน้ำยาเคลือบเงา สามารถละลายพลาสติคได้หลายชนิด และยังถูกนำมาใช้ในการผลิตใยสังเคราะห์ด้วย เพราะไม่มีผลกระทบต่อสารธรรมชาติอย่างฝ้าย ขนสัตว์หรือหนัง

ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นักเคมีได้ให้ความสนใจดีเอ็มเอสโอกันมาก ในตอนปลายศตวรรษที่ 1950 บริษัท คราวน์ เซลเลอร์แบช คอร์ปอเรชั่น(Crown Zellerbach Corporation) ในคามาซ(Camas) วอชิงตัน ซึ่งเป็นบริษัทผลิตกระดาษรายใหญ่ โดยนักเคมีคนหนึ่งในบริษัทฯ ได้รับการขอร้องให้คิดหาทางที่จะนำเอาผลพลอยได้จากการผลิตเยื่อไม้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในทางพาณิชย์ ซึ่งผลพลอยได้นี้ก็คือ ไดเม็ทธิล ซัลโฟไซด์ หรือดีเอ็มเอสโอ

โรเบิร์ต เฮอร์สชเลอร์(Robert Herschler) นักเคมีของบริษัท เซลเลอร์แบช ได้สังเกตเห็นในระหว่างสำรวจหาทางใช้ประโยชน์จากดีเอ็มเอสโอในทางเกษตรว่า สารปฏิชีวนะและยาฆ่าเชื้อราในพืชเมื่อนำมาผสมเข้ากับดีเอ็มเอสโอ ก็จะทำให้เข้าสู่ระบบการหมุนเวียนของพืชได้เร็วยิ่งขึ้นและลึกมากขึ้น เขายังสังเกตด้วยว่า เวลาที่มีดีเอ็มเอสโออยู่ในมือ เขาจะรู้สึกถึงรสชาติแปลกๆ คล้ายๆ กับหอยเกิดขึ้นในปาก และทำให้เฮอร์สชเลอร์คิดว่าเขาได้พบสิ่งสำคัญแล้วจากการสังเกตุพบคุณสมบัติที่น่าสนใจอย่างอื่นๆ ของดีเอ็มเอสโออีกหลายอย่าง

เฮอร์สชเลอร์ได้ตระหนักว่า เขาจำเป็นต้องหาใครมาช่วยทดสอบดีเอ็มเอสโออย่างเป็นงานเป็นการเสียแล้ว เมื่อผู้ใหญ่ที่บริษัท เซลเลอร์แบช ไม่สนใจกับการค้นพบของเขา และเขาก็โชคดีที่ได้พบกับ นายแพทย์สแตนลีย์ จาค็อบ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ในสาขาวิชาศัลยกรรมของศูนย์สุขภาพศาสตร์(Health Sciences Center)ของโอเรกอน

ดร.จาค็อบ เริ่มทดลองความสามารถของดีเอ็มเอสโอ ในทศวรรษที่ 1960 เกี่ยวกับเรื่องการพาสารต่างๆ เข้าไปในร่างกาย รวมทั้งสภาพความเป็นพิษและผลข้างเคียงที่จะเกิดกับสัตว์ทดลอง นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ดีเอ็มเอสโอก็กลายเป็นเครื่องมือในการเยียวยารักษาโรคได้อย่างน่าทึ่ง จากผลงานการศึกษาจำนวนนับพันๆ ที่ได้ปรากฏและตีพิมพ์ในสิ่งพิมพ์ด้านวิทยาศาสตร์มากมาย และยังมีหลักฐานอีกมากมายเช่นกันที่เขียนในเชิงขบขันล้อเล่น และจากการวิจัยที่ได้เผยแพร่ออกมาเมื่อไม่นานมานี้ได้แสดงให้เห็นว่า สามารถระงับหรือชะลอการเติบโตของมะเร็งหลายชนิดได้ด้วยดีเอ็มเอสโอ

แม้ว่าในกว่า 50 ประเทศทั่วโลกจะอนุมัติให้นำดีเอ็มเอสโอมาใช้ในทางการแพทย์ได้ แต่ทางองค์การอาหารและยาของสหรัฐ หรือเอฟดีเอ(FDA) ก็ยังเข้มงวดกับการใช้สารเคมีตัวนี้ในสหรัฐอเมริกามาก ในปัจจุบันมีการอนุมัติจากเอฟดีเอให้ใช้ดีเอ็มเอสโอในทางการแพทย์ได้สถานเดียว คือ รักษาอาการของโรคที่เกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะ ที่เรียกว่า อินเทอร์สทิเทียล ซิสไททิส(interstitial cystitis) หรือการเกิดเส้นใยที่ผิดปกติขึ้นในกระเพาะปัสสาวะ ส่วนการใช้เพื่อรักษาโรคอื่นๆ ยังไม่ได้รับการอนุมัติจากเอฟดีเอให้ใช้ดีเอ็มเอสโอ

ดีเอ็มเอสโอมีประโยชน์ในทางรักษาโรคได้หลายอย่าง โดยจะเข้าไปหยุดยั้งการเติบโตของแบคทีเรียและรา บรรเทาอาการปวดจากสาเหตุต่าง ช่วยลดอาการบวมและอักเสบจากโรคข้ออักเสบ เอ็นอักเสบ และการบาดเจ็บอื่นๆ ที่เกี่ยวกับกระดูกและกล้ามเนื้อ ซึ่งดีเอ็มเอสโอจะเป็นสารที่ช่วยคลายความตึงของกล้ามเนื้อ ช่วยทำให้เนื้อเยื่อที่แผลเป็นนุ่มลง ช่วยบรรเทาบาดแผลไฟลวก ช่วยเพิ่มการหมุนเวียนโลหิตเฉพาะบริเวณด้วยการขยายเส้นโลหิตฝอย ซึ่งมันจะพาเอาตัวยาอื่นๆ เข้าไปในร่างกายโดยไม่ต้องอาศัยเข็มฉีดยา

ดีเอ็มเอสโอ มีอยู่ด้วยกัน 2 เกรด คือ เกรดที่ใช้ในด้านเภสัชกรรม และเกรดที่ใช้เป็นตัวทำละลายในอุตสาหกรรม ซึ่งปัจจุบันนี้มีขายเฉพาะชนิดที่เป็นตัวทำละลายที่ใช้ในอุตสาหกรรมเท่านั้น

มีข้อเขียนจำนวนมากที่ได้รับการตีพิมพ์ออกมาและระบุว่า ดีเอ็มเอสโอเป็นผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย บางครั้งการใช้ดีเอ็มเอสโอ 100% อาจทำให้เกิดการระคายเคืองที่ผิวหนังได้ แต่ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความระคายเคืองที่ผิวได้ถ้าใช้ดีเอ็มเอสโอเพียง 70% อีก 30%เป็นว่านหางจระเข้ ซึ่งจะพบผลิตภัณฑ์นี้ตามร้านจำหน่ายอาหารสุขภาพทั่วไปในปัจจุบัน

การใช้ประโยชน์จากดีเอ็มเอสโอโดยทั่วไป ส่วนใหญ่จะทาลงในบริเวณที่ปวดและอักเสบ ควรใช้อย่างระมัดระวัง เพราะมันสามารถฉุดสารอื่นๆ เข้าไปในร่างกายร่วมกับมันได้ เมื่อจะใช้ดีเอ็มเอสโอทาลงไปต้องแน่ใจว่าผิวสะอาดที่สุดแล้ว ไม่เช่นนั้นฝุ่นละออง แบคทีเรีย และสารที่เป็นโทษอื่นๆ อาจถูกดีเอ็มเอสโอพาเข้าไปในร่างกายได้

มีหนังสืออยู่ 2 เล่ม ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ดีมาก คือ DMSO: The New Healing Power ของมอร์ตัน วอล์คเกอร์(Morton Walker D.P.M.) และ DMSO: The Remarkable Story of Pain Killing Drug ของ แบรี่ ทาร์ชิส(Barry Tarshis)

เรียบเรียงโดย:สุวิชญ์ ปรัชญาปารมิตา

↑ กลับสู่ส่วนบนของหน้า