เป็นการอักเสบของผิวหนังเป็นผลจากการตอบสนองต่อตัวกระตุ้น ซึ่งมีมากมาย ทั้งภายนอกและภายในร่างกาย ลักษณะทางคลินิกจะแสดงออกคล้ายคลึงกัน ไม่ว่าตัวกระตุ้นนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม แบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่
1. ระยะเฉียบพลัน (Acute stage) ในระยะนี้จะพบว่าผิวหนังมีลักษณะ edema, erythema, papule, macule และ vesicle โดยอาจจะอยู่ร่วมกันเป็น patch หรือกระจายกันก็ได้ เมื่อ vesicle แต่ก็จะมีน้ำ เหลืองไหลเยิ้ม (oozing or weeping)
2. ระยะรองเฉียบพลัน (Subacute stage) ลักษณะของ edema และ erythema ลดน้อยลง vesicle แต่ก็หมด และมักจะเห็นน้ำเหลืองเป็นคราบ (crust) คลุมอยู่
3. ระยะเรื้อรัง (Chronic stage) ผิวหนังจะหนาขึ้น (lichenification) และมี scale ปกคลุม
อาการสำคัญของโรคนี้คือ อาการคัน ซึ่งจะพบในทุก stage ของโรค
การรักษา
ที่สำคัญคือ ต้องพยายามหลีกเลี่ยงสาเหตุ หรือตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการ ส่วนการรักษาแบ่งออกเป็น 2 ระยะคือ
1. ระยะเฉียบพลัน
1.1 รักษาโดยการหา wet dressing บ่อยๆ อาจจะใช้น้ำสะอาด น้ำด่างทับทิม normal saline หรือน้ำยา Burrow’s solu¬tion โดยทำครั้งละ 15 นาที วันละ 3-4 ครั้ง ส่วนใหญ่อาการจะดีขึ้นภายใน 2-3 วัน น้ำเหลืองจะแห้งลง
1.2 หลังทำ wet dressing แล้วใช้ steroid cream ทา
1.3 ถ้ามี secondary infection ร่วมด้วย ให้ antibiotics ชนิดทาหรือชนิดกิน
1.4 ยาลดอาการคัน เช่น antihistamine, tranguilizer
1.5 ในรายที่มีอาการรุนแรง อาจให้ systemic steroid เช่น prednisolone ในระยะเวลาสั้นๆ
2. ระยะเรื้อรัง
2.1 ทาด้วย steroid cream
2.2 ในรายเรื้อรังที่มีผิวหนังหนา อาจต้องให้ keratolytic agent เช่น salicylic acid ร่วมด้วย
2.3 ยาลดอาการคันเช่นเดียวกับในระยะเฉียบพลัน
ที่มา:อารียา เทพชาตรี