สำหรับผู้ใส่ใจในการรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

ไรเคียนเธราพี หรือการบำบัดแบบไรค์(Reichian Therapy)

การบำบัดวิธีนี้เรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า ไรเคียน รีลิส เธราพี(Reichian Release Therapy) เป็นวิธีการนวดที่เอาการวิเคราะห์จิตเข้ามาประกอบด้วย โดยการใช้เทคนิคดั้งเดิมของมันที่มีอยู่ในการละลายเกราะกล้ามเนื้อที่ยึดพลังงานทางเพศและอารมณ์ในร่างกายเอาไว้ และเข้าไปแทรกแซงการไหลเวียนของพลังงานตามธรรมชาติอย่างเสรี

การบำบัดแบบไรค์ มีแง่มุมที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ การพัฒนาความสามารถของบุคคลในการสร้างและปลดปล่อยพลังงานออกมาอย่างเต็มที่ ในขณะที่ถึงจุดสุดยอดทางเพศ ความสามารถในอันที่จะบรรลุถึงสิ่งที่เรียกกันว่า “ความสามารถในการทำหน้าที่ทางเพศอย่างเต็มที่” คือสิ่งที่เป็นแกนหลักของการบำบัดแบบไรค์ โดยที่ไรค์กับฟรอยด์เชื่อเช่นเดียวกันว่า สาเหตุของโรคประสาทคือ พลังงานทางเพศที่ถูกเก็บกดเอาไว้

การแสดงออกในทางเพศและเรื่องราวที่เกี่ยวกับเพศอย่างเปิดเผยไม่ได้รับการสนับสนุนหรือให้อภัยในสังคมของเรา การต้านทานแรงกระตุ้นทางเพศตามธรรมชาติที่มีมาครั้งบุพกาลพวกนี้จำเป็นต้องมีการ “รั้ง” หรือ “หุบ” ซึ่งส่งผลต่อร่างกายทั้งหมด เรื่องนี้ชักนำไปสู่ความเจ็บปวดและคับข้องใจและจำเป็นที่จะต้องเกร็งเพื่อเก็บกดเอาไว้มากขึ้นไปอีก การยับยั้งเหล่านี้จะกลายเป็นสิ่งที่ฝังลึกลงไปยิ่งขึ้น ทำให้ยิ่งกลายเป็นคนเคร่งเครียด หม่นหมอง ไร้ชีวิตชีวา ลดความเปิดเผย ความตื่นตัว อย่างที่เคยมีในสมัยเด็กลงไปมาก จะเกิดความตึงที่กล้ามเนื้ออย่างเรื้อรังจนกลายเป็นคนที่มี “เกราะ” ปกปิดตัวเองเอาไว้

ความรู้สึกในทางลบ จากการใส่เกราะควบไปกับความรู้สึกผิดหรืออาย ฯลฯ จะเป็นตัวขัดขวางมิให้มีการปลดปล่อยอย่างเต็มที่เมื่อถึงจุดสุดยอดในการร่วมเพศ(orgasm) เมื่อพลังงานจากออแกสซึ่มที่ไม่เต็มที่ยังคงเหลือค้างอยู่ในร่างกาย “แอ่ง” รวมของพลังงานที่ถูกยับยั้งเอาไว้นี่เองที่ก่อให้เกิดอาการทางประสาทชนิดต่างๆ เนื่องจากไม่มีทางระบายออกในทางอื่น

สาเหตุของการสร้างเกราะจนกลายเป็นนิสัย จะทำให้มีการเกร็งกล้ามเนื้ออย่างเรื้อรัง ทำให้เกิดการกระตุก ความเจ็บปวด และการทำงานของร่างกายที่ผิดปกติแบบอื่นๆ กล้ามเนื้อที่อยู่ในภาวะที่ตึงเกร็งนี้ไม่สามารถที่จะผ่อนคลายได้เอง อารมณ์และความทรงจำที่ถูกระงับยับยั้งเอาไว้จะทับถมอยู่บนกล้ามเนื้อเหมือนแคปซูลพลังงาน เป็นตัวการทำให้เกิดการสร้างเกราะเพิ่มเติมเข้าไปอีก และวงจรนี้ก็จะดำเนินต่อไปโดยไม่ขาดตอน

นักวิเคราะห์จิตชาวออสเตรีย ชื่อ ดร.วิลเฮล์ม ไรค์ ได้ชื่อว่าเป็นบิดาแห่งการบำบัดที่มุ่งไปทางร่างกายมากที่สุด ซึ่งเป็นวิธีการที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ดร.ไรค์เรียนจบจากมหาวิทยาลัยเวียนนา และได้ไปทำงานเป็นผู้ช่วยในด้านคลินิกของซิกมันด์ ฟรอยด์ ที่โพลีคลินิกการวิเคราะห์จิตในเวียนนาอยู่ 6 ปี

ไรค์แยกทางจากฟรอยด์และขบวนการวิเคราะห์จิตเพราะความแตกต่างในด้านทฤษฎีตอนปลายทศวรรษที่ 1920 ความขัดแย้งกันในเรื่องที่เกี่ยวกับความจำของมนุษย์ในการที่จะต้องควบคุมพลังผลักดันทางเพศเพื่อประโยชน์ของสังคม จากนั้นไรค์ก็เริ่มคิดจัดวางทฤษฎีที่เป็นเรื่องถกเถียงกันมาก และทำงานที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อนในการโยงโรคประสาทเข้ากับพื้นฐานทางด้านสรีระ

ไรค์ได้พัฒนาการรักษาและเทคนิคแปลกใหม่ขึ้นมาโดยใช้กายภาควิทยาเป็นหลัก ซึ่งตรงกันข้ามกับวิธีของฟรอยด์ที่ใช้คำพูดเป็นหลัก

ไรค์กล่าว่า พลังผลักดันทางเพศเป็นแหล่งพลังงานชีวิตในร่างกายของมนุษย์ โดยเขาเรียกพลังงานนี้ว่า ออร์กอน(Orgone) เขาต้องการแก้ปัญหาทางกาย และอาการที่เป็นมาเรื้อรัง ด้วยการฟื้นฟูให้ร่างกายมีการไหลเวียนของพลังงานนี้อย่างเสรี

ไรค์เป็นคนที่ล้ำหน้าในยุคสมัยของเขา ซึ่งเขาเป็นทั้งนักเขียน นักคิด และนักวิจัยที่เปรื่องปราชญ์ ซึ่งเขาก็โชคร้ายที่หลายครั้งหลายหนได้ถูกบังคับให้ต้องย้ายจากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่งในทวีปยุโรปเพราะเนื้อหาที่เกี่ยวกับเพศในคำบรรยายของเขากับการทดลองในห้องแล็บที่ทำเกี่ยวกับพลังงานชีวิต ไม่เป็นที่สบอารมณ์ของสาธารณชนและประสบปัญหามากมายจนตลอดชีวิต

เขาได้เดินทางมายังสหรัฐอเมริกาเพื่อรับตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ของสถาบัน New School for Social Research และไรค์ก็ได้ก่อตั้งสถาบันออร์กอนขึ้นใน ค.ศ. 1939 ที่นิวยอร์คซิตี้ เขาเชื่อว่าออร์กอน หรือ พลังงานชีวิต ที่เขาได้เริ่มทำงานกับมันอยู่สามารถจัดการกับปัญหาสุขภาพได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาการป่วยที่เป็นมาเรื้อรัง

ในการทดลองและสร้างเครื่องมือต่างๆ สำหรับนำเอาพลังงานออร์กอนมาใช้ประโยชน์ไรค์ได้ใช้เวลานานกว่า 10 ปี เขาได้คิดทำกล่องที่ใหญ่พอที่จะรองรับตัวคนได้ทั้งคน ซึ่งจะสั่งสมและรวมเอา “พลังงาน” นี้เอาไว้ เขาเชื่อว่าคนที่อยู่ในกล่องนี้สามารถได้รับการเยียวยาให้หายจากโรคได้ด้วยการฟื้นฟูการไหลเวียนของออร์กอนในร่างกายตามธรรมชาติ

นอกจากนี้เขายังได้คิดทำผ้าห่มซึ่งประกอบด้วยวัสดุที่เป็นสารอินทรีย์และอนินทรีย์หลายชั้น ที่บรรจุออร์กอนอยู่ โดยอ้างว่ามันจะป้องกันและรักษาโรคหวัด รูมาติซั่ม และอาการป่วยอื่นๆ ได้

กิจกรรมของไรค์ ซึ่งสมาคมแพทย์อเมริกันไม่ใคร่จะชอบเขานักและพยายามที่จะยับยั้ง ไรค์ถูกองค์การอาหารและยาจับกุมในข้อหาขายอุปกรณ์ออร์กอน ในปี ค.ศ.1954 โดยที่ทางฝ่ายรัฐบาลมีหมายสั่งออกมาและกำหนดให้เขางดเว้นจากการทำงานต่อไป ด้วยเหตุผลที่ว่า ออร์กอนเป็นสิ่งที่ไม่มีจริง แต่เขาไม่ยอมปฏิบัติตามหมายสั่งจึงถูกตั้งข้อหาว่าทำผิดกฎหมายที่ว่าด้วยอาหารและยาบริสุทธิ์(Pure Foods and Drugs Act)ในปี 1956 และถูกพิพากษาให้จำคุกเป็นเวลา 2 ปี ในเรือนจำสำหรับนักโทษที่ทำผิดในคดีอุกฉกรรจ์ของสหพันธ์ ในปี ค.ศ.1957 ไรค์ถึงแก่ความตายในระหว่างที่ถูกจำคุกอยู่ที่เพนซิลวาเนีย

งานของไรค์ก่อนที่จะเป็นข่าวสร้างความเกรียวกราวเรื่องออร์กอนในระยะแรกๆ จะเกี่ยวข้องกับเทคนิคในการเยียวยารักษา ซึ่งเขาเรียกว่า “เวจเจ็ตโทเธราพี(vegetotherapy) ซึ่งมาจากคำว่า เวเจเททีฟ(vegetative) ในภาษาเยอรมันแปลว่า ระดับการทำงานดั้งเดิมโดยไม่รู้สึกตัวในด้านชีววิทยา การขจัดความตึงอย่างเรื้อรังของกล้ามเนื้อและปลดปล่อยพลังงานชีวิตของบุคคลโดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังงานทางเพศให้เป็นอิสระ คือความคิดที่อยู่เบื้องหลังเทคนิคเวจเจ็ตโทเธราพี

เทคนิคตามแบบฉบับของการบำบัดของไรค์ หรือไรเคียน เธราพี เพื่อละลายความเป็นเกราะทางอารมณ์กล้ามเนื้อมีไปตามลำดับขั้นตอน แต่เทคนิคนี้ก็มักจะมีการปรับเพื่อให้ตรงกับความต้องการของค้าแต่ละคนด้วย

เทคนิคเวจเจ็ตโทเธราพีของไรค์ มีคร่าวๆ ดังนี้
การหายใจลึกๆ เพื่อเพิ่มออกซิเจนให้แก่ร่างกาย และทำให้มีการระบายอารมณ์ขึ้นมาเองด้วย

การนวดระดับลึก ในบริเวณของร่างกายที่ยึดความเป็นเกราะของกล้ามเนื้อเอาไว้ พร้อมกับการหายใจลึกๆ จะสามารถก่อให้เกิดการพลุ่งพล่านของอารมณ์ที่เก็บกดขึ้นมาได้เอง ลูกค้าจะแสดงออกถึงความเจ็บปวดที่กำลังประสบอยู่ออกมาด้วยการส่งเสียงร้อง หรือแสดงออกทางสีหน้าได้

จัดการกับแรงสะท้อนจากอาการหายใจไม่ออกที่เหมือนมีอะไรมาติดคอ ด้วยการไอ หาว หรือการกระตุกอื่นๆ เพื่อส่งผลในการทำลายเกราะภายในที่อยู่ลึกๆ ให้สลายตัว

การแสดงออกทางสีหน้าหรือการถอดหน้ากาก ทำโดยการเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของใบหน้า เช่น กรอกตาหรืออ้าปาก ทำหน้าทำตาในแบบต่างๆ ในขณะที่สบสายตาอยู่กับผู้บำบัด

กดดันหน้าอกของลูกค้า ในขณะที่เขาส่งเสียงกรีดร้อง หรือขณะที่หายใจออก จะช่วยขจัดสิ่งที่ขัดขวางการระบายสิ่งที่เป็นเกราะที่ขัดขวางการหายใจได้อย่างสมบูรณ์

รักษาท่า หรือการทรงตัวที่ตึงเครียดเอาไว้ จัดท่าทางในแบบต่างๆ เช่น โน้มตัวไปข้างหลังโดยงอเข่าและทำหลังโกง ท่าพวกนี้จะช่วยในการระบายเมื่อคงตัวอยู่ในท่านั้นระยะหนึ่ง

เคลื่อนไหวแบบ “ไบโอเอ็นเนอร์เจติค” เช่น เตะ กระทืบเท้า ทุบ ส่ายหน้า หรือเขย่าแขนขา หรือการเคลื่อนไหวอื่นๆ พร้อมกับการหายใจ การแสดงออกทางสีหน้า และส่งเสียงต่างๆ ออกมา

หลังการมรณกรรมของไรค์ งานของเขาก็ยังมีผู้สืบทอดทำต่อโดยที่ อเล็กซานเดอร์ โลเวน ได้พัฒนาไบโอเอ็นเนอร์เจติค์(Bioenergetics)ขึ้นเป็นการบำบัดแบบไรค์ ในสาขาที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และเป็นที่รู้จักกันมากที่สุดเท่าที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ฮาโคมิ เมธธอด หรือวิธีการฮาโคมิ(Hakomi Method) เป็นจิตบำบัดแบบมุ่งที่ร่างกายอีกแบบหนึ่งที่ รอน เคิร์ตซ์(Ron Kurtz) ได้พัฒนาขึ้น และมีพื้นฐานมาจากงานดั้งเดิมของไรค์เช่นกัน นักจิตบำบัดที่มุ่งใช้ร่างกายนั้นจะรักษาทั้งร่างกายและจิตใจเหมือนเป็นสิ่งเดียวกัน ไม่ได้แยกออกจากกัน

ไม่มีข้อจำกัดใดๆ ในการใช้ชื่อการบำบัดแบบไรค์ หรือไรเคียน เธราพีในปัจจุบันนี้ ไม่ว่าใครก็สามารถนำไปใช้ได้ และไม่มีผู้รับรองได้ว่านักบำบัดคนไหนผ่านการฝึกมาดีหรือไม่ดี

มีหนังสือกว่า 30 เล่มที่วิลเฮล์ม ไรค์ ได้เขียนเอาไว้ รวมทั้งหนังสือที่มีชื่อเรื่องว่า Orgone Accumulator และ Selected Writings: An Introduction to Orgonomy

เรียบเรียงโดย:สุวิชญ์ ปรัชญาปารมิตา

↑ กลับสู่ส่วนบนของหน้า