สำหรับผู้ใส่ใจในการรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

เยื่อตาขาวอักเสบจากไวรัส(Viral conjunctivitis)

สามารถติดต่อได้ง่ายและระบาดได้รวดเร็วในโรคนี้ จึงนิยมเรียกว่า โรคตาแดงระบาด พบได้ประปรายตลอดปี เป็นได้ในคนทุกวัย แต่มักพบในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ตาแดง

สาเหตุ
กลุ่มไวรัสอะดิโนซึ่งมีอยู่หลายชนิดย่อยเป็นเชื้อไวรัสที่พบได้บ่อยที่สุด เช่น

-ไวรัสอะดิโนบางชนิด เช่น ชนิด 3 และ 7 เรียกว่า ไข้เยื่อตาขาวและคอหอยอักเสบ ทำให้เกิดอาการไข้และอักเสบของเยื่อตาขาวร่วมกับคอหอย ติดต่อได้จากการสัมผัสโดยตรง หรือสัมผัสถูกมือหรือสิ่งของเครื่องใช้ที่แปดเปื้อนเชื้อ หรืออาจติดต่อได้จากการไอ จาม หรือสัมผัสถูกสิ่งคัดหลั่งในช่องปากของผู้ป่วย ระยะฟักตัวของโรคประมาณ 5-12 วัน

-ไวรัสอะดิโนบางชนิด เช่น ชนิด 8, 19 และ 37 เรียกว่า เยื่อตาขาวและกระจกตาอักเสบชนิดระบาด ทำให้มีการอักเสบของเยื่อตาขาวร่วมกับกระจกตา และระบาดได้รวดเร็ว ติดต่อจากการสัมผัสโดยตรง หรือสัมผัสถูกสิ่งของเครื่องใช้ และอาจติดต่อจากการเล่นน้ำในสระหรือว่ายน้ำในที่มีเชื้อปนเปื้อน ระยะฟักตัวของโรคประมาณ 5-12 วัน

ไวรัสอีกกลุ่มหนึ่ง คือ กลุ่มไวรัสพิคอร์นา ก็เป็นสาเหตุสำคัญของโรคนี้ ชนิดที่สำคัญคือ ไวรัสเอนเทอโรชนิด 70 และไวรัสค็อกแซกกีเอชนิด 24 ที่ทำให้เยื่อตาขาวอักเสบร่วมกับเลือดออกใต้เยื่อตาขาว เรียกว่า “Acute hemorrhagic conjunctivitis” ติดต่อโดยการสัมผัสโดยตรงหรือสัมผัสถูกสิ่งของเครื่องใช้ ระยะฟักตัว 1-2 วัน มีการระบาดได้เช่นกัน

อาการ
ผู้ป่วยมักจะมีอาการตาแดง เคืองตา กลัวแสง น้ำตาไหล มีขี้ตาเล็กน้อย อาจมีอาการหนังตาบวม ลืมตาไม่ค่อยขึ้น

จะมีไข้ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามตัวร่วมด้วยในรายที่เป็นไข้เยื่อตาขาวและคอหอยอักเสบ

มักมีอาการปวดตาและสายตาพร่ามัวในรายที่มีการอักเสบของกระจกตารุนแรงร่วมด้วย

มักจะเริ่มเป็นที่ตาข้างหนึ่งก่อนในอาการตาแดงตาอักเสบแล้วจึงค่อยลามไปอีกข้างหนึ่ง

อาการมักจะทุเลาภายในไม่กี่วัน และจะหายได้เองภายใน 1-3 สัปดาห์เป็นส่วนใหญ่

สิ่งตรวจพบ
มักตรวจพบว่าผู้ป่วยมีอาการตาแดง หนังตาบวม ต่อมน้ำเหลืองที่หน้าหูโต หรืออาจตรวจพบไข้ 38-40 องศาเซลเซียส คอหอยแดงเล็กน้อยในบางราย หรือที่ใต้เยื่อตาขาวอาจพบมีเลือดออกเป็นจุดเล็กๆ จุดใหญ่ๆ หรือเป็นปื้นแดง

ภาวะแทรกซ้อน
มักจะไม่มีภาวะแทรกซ้อนและผู้ป่วยจะหายได้เองเป็นส่วนใหญ่ แต่อาจจะมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนหรือสายตาพร่ามัวเนื่องจากกระจกตาอักเสบ ซึ่งอาจเป็นนานหลายสัปดาห์หรือเป็นแรมปี ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่อาจพบได้

อาจมีรอยแผลเป็นที่เยื่อตาขาวหรือการติดกันของเยื่อตาขาวกับลูกตาในบางราย

อาจทำให้เกิดไขสันหลังอักเสบเฉียบพลันแทรกซ้อนจนทำให้มีแขนขาอ่อนแรงได้ในรายที่เกิดจากเชื้อไวรัสเอนเทอโรชนิด 70 มักเกิดหลังจากตาอักเสบได้ 5 วันถึง 6 สัปดาห์ มักพบพบในคนอายุ 20 ปีขึ้นไป แต่พบได้เป็นส่วนน้อย

การรักษา
เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดตา อาจให้ยาพาราเซตามอล ประคบด้วยความเย็น เป็นต้น ให้ยาหยอดตา เช่น ยาหยอดตาฮิสตาออป เพื่อลดการอักเสบ หรือเพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนให้ใช้ยาป้ายตาหรือหยอดตาที่เข้ายาปฏิชีวนะทุก 2-4 ชั่วโมง

ควรนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลหากผู้ป่วยมีอาการรุนแรง เช่น ปวดตารุนแรง กระจกตามีลักษณะขุ่นมัวหรือเป็นแผล มีการติดกันของเยื่อตาขาวกับลูกตา แขนขาอ่อนแรง หรืออาการยังไม่ดีขึ้น ใน 1 สัปดาห์ แพทย์มักจะให้การรักษาตามอาการหรือภาวะแทรกซ้อนที่พบว่าเป็นสาเหตุ

แพทย์อาจพิจารณาให้ยาหยอดตาสตีรอยด์ ถ้าพบว่ามีการอักเสบของเยื่อตาขาวอย่างรุนแรง หรือมีการอักเสบของกระจกตาจนทำให้สายตามัวลงอย่างมาก ผลข้างเคียงของยานี้อาจทำให้โรคเริมที่แฝงอยู่กำเริบได้จึงต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง

ข้อแนะนำ
1. หากไม่แน่ใจหรือสงสัยควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งโรคนี้มักจะหายได้เองภายใน 1-3 สัปดาห์ ส่วนใหญ่มักจะมีอาการเพียงเล็กน้อย ไม่มีภาวะแทรกซ้อนและอาการจะไม่รุนแรงในรายที่มีกระจกตาอักเสบร่วมด้วย แต่ก็อาจจะกลายเป็นกระจกตาอักเสบแบบเรื้อรังได้

2. เพื่อป้องกันไม่ให้มีการแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่น ผู้ป่วยควรล้างมือด้วยสบู่บ่อยๆ หรือหยุดเรียน หยุดทำงาน นาน 2 สัปดาห์

3. ผู้ป่วยไม่ควรตรากตรำทำงานหัก หรือออกกำลังหักโหมเกินไป ควรจะได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ

การป้องกัน
ควรหลีกเลี่ยงการเล่นน้ำในสระว่ายน้ำขณะที่มีการระบาดของโรค ควรป้องกันไม่ให้เกิดโรคโดยไม่สัมผัสกับผู้ป่วย ล้างมือด้วยสบู่บ่อยๆ ไม่ขยี้ตา ไม่คลุกคลี หรือใช้ของร่วมกับผู้ป่วย เป็นต้น

↑ กลับสู่ส่วนบนของหน้า