สำหรับผู้ใส่ใจในการรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

โรคพยาธิตัวตืด(Taeniasis)

พยาธิตัวตืดหรือพยาธิตัวแบน มักพบเป็นมากในผู้ที่นิยมกินเนื้อดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ เช่น ลาบหมู ลาบเนื้อ ยำเนื้อ พล่าเนื้อ หมูแหนม เป็นต้น ชนิดที่พบได้บ่อยได้แก่ พยาธิตืดตัว กับพยาธิตืดหมู พยาธิตัวแก่จะมีความยาวประมาณ 3 เมตรและมีปล้องอยู่เป็นจำนวนมาก อาศัยอยู่ในลำไส้เล็กของคน ปล้องของพยาธิจะหลุดออกมากับอุจจาระหรือออกมาเอง แล้วแตกออกปล่อยไข่กระจายอยู่บนพื้นดินหรือพื้นหญ้า และเมื่อวัวหรือหมูกินไข่ตัวตืดบนพื้นดินหรือพื้นหญ้าเข้าไปตัวอ่อนจะไปฟักตัวอยู่ในลำไส้และไชเข้ากระแสเลือด ไปอยู่ตามกล้ามเนื้อทั่วร่างกายโดยจะมีถุงหรือซิสต์(cyst) หุ้มเป็นถุงเล็กๆ ขาวๆ คล้ายเม็ดสาคู จึงเรียกว่า เนื้อสาคู หรือหมูสาคู ถ้าคนกินส่วนนี้เข้าไปตัวอ่อนก็จะไปเจริญเป็นตัวแก่ต่อไป

แต่ถ้าคนกินไข่ของตืดหมู่ซึ่งปนเปื้อนตามมือ ผัก หรืออาหาร หรือตัวผู้ป่วยเอง และเกิดการอาเจียนขย้อนเอาไข่ที่อยู่ในปล้องแก่ของพยาธิขึ้นมาอยู่ในกระเพาะอาหาร ตัวอ่อนก็จะฟักตัวออกจากไข่แล้วไชเข้ากระแสเลือดกลายเป็นซิสต์กระจายอยู่ตามเนื้อเยื่อทั่วร่างกาย เรียกว่า โรคซิสต์พยาธิตืดหมู (cysticercosis) หรืออาจเข้าไปอยู่ในกล้ามเนื้อหรือสมองก็ได้ แต่ถ้ากินไข่ของตืดวัวเข้าไปตัวอ่อนที่ฟักออกมาจะตายไปไม่เกิดอันตรายเหมือนกินตืดหมู

อาการ
ผู้ป่วยมักจะไม่มีอาการรุนแรงถ้าเป็นโรคพยาธิตัวตืดในลำไส้โดยทั่วไป เพียงแต่มีปล้องพยาธิคล้ายเส้นบะหมี่หรือก๋วยเตี๋ยวหลุดออกมาเป็นท่อนๆ เมื่อถ่ายอุจจาระ หรืออาจมีอาการหิวบ่อย กินจุแต่ผอม อ่อนเพลีย น้ำหนักลด ปวดท้อง ท้องอืด คลื่นไส้อาเจียน หรือถ่ายอุจจาระบ่อย และจะพบไข่ของพยาธิตัวตืดเมื่อตรวจอุจจาระด้วยกล้องจุลทรรศน์ หรืออาจมีอาการแพ้ เป็นลมพิษได้ในบางราย

แต่จะเกิดมีตุ่มซิสต์ขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียวกระจายอยู่ใต้ผิวหนังทั่วร่างกายถ้ากินไข่ของตืดหมูเข้าไป ถ้าไปอยู่ในตา เรียกว่า โรคซิสต์พยาธิตืดหมูในตา อาจทำให้เกิดการอักเสบของเยื่อตาขาว ม่านตา ประสาทตา และอาจทำให้ตาบอดได้ หรืออาจทำให้มีอาการชักแบบลมบ้าหมู แขนขาเป็นอัมพาต มีอาการทางจิตประสาท หรือปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียนได้ถ้าไข่ของพยาธิตืดหมูเข้าไปอยู่ในสมอง เรียกว่า โรคซิสต์พยาธิตืดหมูในสมอง

ภาวะแทรกซ้อน
อาจทำให้ผู้ป่วยตาบอด หรือมีความผิดปกติของสมองเกิดขึ้นได้ เช่น โรคลมชัก อัมพาต โรคจิตประสาท เป็นต้น ถ้ากลายเป็นโรคซิสต์พยาธิตืดหมูในตาหรือในสมอง

การรักษา
1. ให้กินยาถ่ายพยาธิ เช่น มีเบนดาโซล นิโคลซาไมด์ อัลเบนดาโซล หรือพราซิควานเทล ถ้าพบปล้องของพยาธิตัวตืดหลุดปนมากับอุจจาระ หรือตรวจพบไข่พยาธิตัวตืดในอุจจาระ

ถ้าสงสัยเป็นโรคพยาธิตืดหมู เพื่อเร่งการขับพยาธิออกทางลำไส้และป้องกันการขย้อนเอาไข่ในปล้องแก่ของพยาธิขึ้นมาที่กระเพาะอาหาร หลังจากกินยาถ่ายพยาธิได้ 2 ชั่วโมงแล้ว ควรให้กินยาถ่ายดีเกลือ 2 ช้อนโต๊ะผสมน้ำ 2-3 ช้อนโต๊ะตามไปด้วย

2. ควรส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาลทันทีถ้าพบตุ่มขนาดเมล็ดถั่วเขียวอยู่ใต้ผิวหนังทั่วร่างกาย หรือมีอาการทางสมอง เช่น อัมพาต ชัก ปวดศีรษะมากหรือมีอาการทางจิต หรือมีอาการทางตา เช่น ตาแดง ตามัว แพทย์อาจต้องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง ตรวจคลื่นสมอง ทำการทดสอบทางน้ำเหลือง ตัดชิ้นเนื้อที่มีตุ่มตรงใต้ผิวหนังไปตรวจหาตัวพยาธิ หรือตรวจพิเศษอื่นๆ ต่อไป

แต่ไม่ต้องให้การรักษาอย่างใดถ้าซิสต์พยาธิมีลักษณะเป็นหินปูนและผู้ป่วยไม่มีอาการผิดปกติ แต่มักจะให้ยาฆ่าพยาธิพราซิควานเทล หรืออัลเบนดาโซล ถ้าผู้ป่วยมีอาการทางสมอง และตรวจพบว่าในเนื้อสมองมีซิสต์พยาธิที่ยังมีชีวิตอยู่ เนื่องจากจำเป็นต้องให้ยาสตีรอยด์ขนาดสูงร่วมด้วยกับการใช้ยาที่กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายที่รุนแรง และจะไม่ให้ยารักษาถ้าพบซิสต์พยาธิในตาหรือไขสันหลังเพราะอาจเกิดผลเสียหายมากขึ้นได้

แพทย์มักให้การรักษาไปตามอาการที่พบ เช่น ให้ยากันชักถ้ามีอาการชักเกิดขึ้น หรืออาจต้องผ่าตัดสมองเพื่อถ่ายเทเอาน้ำในสมองและไขสันหลังออกมานอกสมองในกรณีที่มีการอุดกั้นของทางไหลเวียนของน้ำในสมองและไขสันหลังจนทำให้เกิดภาวะโพรงสมองคั่งน้ำ แต่มักไม่นิยมทำการผ่าตัดเพื่อนำซิสต์ของพยาธิออกจากสมองเพราะอาจทำลายถูกเนื้อสมองใกล้เคียงได้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ยากถ้าจะทำ

ข้อแนะนำ
อาจเกิดจากพยาธิตืดหมูก็ได้ในผู้ป่วยที่มีอาการชักแบบลมบ้าหมู โดยเฉพาะถ้าพบอาการชักครั้งแรกในคนที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป หากไม่แน่ใจหรือสงสัยควรรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลด่วน

การป้องกัน
1. ควรได้รับการตรวจจากสัตวแพทย์ว่าเนื้อหมู เนื้อวัวที่ใช้กินเป็นอาหารไม่เป็นเนื้อสาคู

2. ไม่ควรกินเนื้อหมูเนื้อวัวที่ดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ เช่น ยำ พล่า แหนม เป็นต้น ก่อนกินต้องปรุงให้สุกเสียก่อน

3. ก่อนกินผักผลไม้ควรล้างให้สะอาดเสียก่อน

4. ควรถ่ายอุจจาระลงในส้วมที่ถูกสุขลักษณะ

5. ก่อนกินอาหาร และหลังจากถ่ายอุจจาระควรล้างมือด้วยน้ำและสบู่ให้สะอาดทุกครั้ง

↑ กลับสู่ส่วนบนของหน้า