เป็นเนื้องอกที่เกิดจากเส้นประสาทหูซึ่งอยู่ชิดกับสมองภายในกะโหลกศีรษะ เป็นเนื้องอกภายในกะโหลกศีรษะที่พบได้บ่อยที่สุด และเป็นชนิดที่ไม่ร้ายแรง
เนื้องอกประสาทหูมีอยู่ 2 ชนิด คือ ชนิดไม่ทราบสาเหตุ และชนิด นิวโรไฟโบรมาโทซิส
สาเหตุ
เนื้องอกประสาทหูชนิดไม่ทราบสาเหตุ ไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจนของการเกิดโรค แต่เชื่อว่าอาจเกิดจากการอยู่ในที่ที่มีเสียงดังเป็นเวลาที่ยาวนาน
เนื้องอกประสาทหูนิวโรไฟโบรมาโทซิส มีสาเหตุเกิดจากการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์
อาการ
เนื้องอกประสาทหูกว่าจะเริ่มปรากฏอาการอาจต้องใช้เวลาเป็นปีๆ เพราะจะมีลักษณะโตช้า ผู้ป่วยจะมีอาการหูตึงขึ้นทีละน้อย หรือเกิดขึ้นอย่างฉับพลันก็ได้ ร่วมกับมีเสียงดังรบกวนในหู และอาจมีอาการเวียนศีรษะ บ้านหมุน รู้สึกโคลงเคลงร่วมด้วย ซึ่งเป็นอาการในระยะแรก
อาการหูตึงจะเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่องเป็นแรมเดือนแรมปี จนทำให้เกิดอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อใบหน้าและมีอาการชาที่ใบหน้าซีกเดียวกัน จากก้อนเนื้องอกที่โตไปกดเบียดสมองและประสาทข้างเคียง หรืออาจมีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน เดินเซได้ในบางราย
สิ่งตรวจพบ
อาจตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติชัดเจนในระยะแรก แต่จะพบว่ากล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรงแบบอัมพาตเบลล์ ใบหน้าชา ปฏิกิริยาสะท้อนของกระจกตาลดลง และอาจพบอาการเดินเซเกิดขึ้นได้ในระยะต่อมา
ภาวะแทรกซ้อน
อาจทำให้เกิดภาวะความดันสูงในกะโหลกศีรษะเนื่องจากเนื้องอกโตกดเบียดสมอง ซึ่งถือเป็นภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญของโรคนี้
อาจกลายเป็นมะเร็งและแพร่กระจายไปยังสมองและส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้ในรายที่กลายเป็นชนิดนิวโรไฟโบรมาโทซิส
การรักษา
ถ้าพบผู้ป่วยมีอาการหูตึงและมีเสียงดังรบกวนในหู และอาจมีอาการบ้านหมุนร่วมด้วย และเป็นนานต่อเนื่องเกิน 1 สัปดาห์ หากสงสัยว่าจะเกิดโรคควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยด่วน ส่วนใหญ่แพทย์มักจะตรวจสมรรถภาพของการได้ยิน หรือถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อทำการวินิจฉัย
อาจต้องทำการรักษาด้วยการผ่าตัด ในกรณีที่ก้อนเนื้องอกโตหรือกดประสาทหลายส่วน แต่มักจะให้การรักษาตามอาการและติดตามอาการเปลี่ยนแปลงเป็นระยะถ้าก้อนเนื้องอกมีขนาดเล็กไม่มีการกดประสาทข้างเคียง หรือพบในผู้สูงอายุที่มีข้อห้ามในการผ่าตัด
ส่วนใหญ่มักจะได้ผลดีหลังจากให้การรักษา ที่กลายเป็นมะเร็งก็อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งซึ่งมักพบได้เป็นส่วนน้อย
ข้อแนะนำ
โรคนี้จะมีอาการคล้ายหูชั้นในอักเสบเฉียบพลันในระยะแรก แต่จะค่อยๆ เป็นมากขึ้นเรื่อยๆ นานเป็นเดือนเป็นปี ผู้ป่วยจึงควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือส่งตรวจพิเศษเพิ่มเติมถ้าให้การดูแลรักษาแบบหูชั้นในอักเสบเฉียบพลันแล้วไม่ดีขึ้นใน 1-2 สัปดาห์