สำหรับผู้ใส่ใจในการรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

ช่องคลอดอักเสบจากเชื้อรา

เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในผู้หญิงที่กินยาปฏิชีวนะอย่างพร่ำเพรื่อ กินยาคุมกำเนิด ใส่ห่วงคุมกำเนิด และในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ป่วยเอดส์ ผู้ป่วยเบาหวาน เป็นต้น

สาเหตุ
เกิดจากเชื้อราชนิดเดียวกับที่ทำให้ลิ้นเป็นฝ้าขาว ที่ชื่อว่า แคนดิดาอัลบิแคนส์ เชื้อราชนิดนี้มักมีอยู่ช่องคลอดของผู้หญิงทั่วไปโดยไม่แสดงอาการอักเสบ เนื่องจากมีการควบคุมไม่ให้เชื้อราเจริญแพร่พันธุ์ด้วยแบคทีเรียที่อยู่ช่องคลอดเป็นประจำจะคอยสร้างกรดควบคุมไว้ แต่ถ้าแบคทีเรียเหล่านี้ถูกทำลายก็จะทำให้เชื้อเจริญได้ เช่น การกินยาปฏิชีวนะเป็นเวลานานๆ หรือการสวนล้างช่องคลอด เป็นต้น และอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภายในช่องคลอดทำให้เชื้อราเจริญได้เช่นกันจากการใส่ห่วงคุมกำเนิดหรือการตั้งครรภ์

อาการ
ผู้ป่วยจะมีตกขาวลักษณะข้นขาวคล้ายแป้งเปียกหรือคราบนม คันในช่องคลอด หรือรอบๆ ปากช่องคลอดอย่างมาก ขณะร่วมเพศจะมีอาการปวดแสบ ปัสสาวะบ่อยและปวดแสบปวดร้อน หรืออาจมีผื่นแดงรอบๆ ปากช่องคลอดหรือบริเวณขาหนีบในบางราย

การรักษา
ควรรีบไปโรงพยาบาลหากเกิดความสงสัยว่าจะเกิดโรค แพทย์อาจตรวจหาเชื้อราที่เป็นสาเหตุจากการตรวจภายในช่องคลอด และนำตกขาวไปตรวจส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์

แพทย์มักให้การรักษาด้วยการให้ยาฆ่าเชื้อราแบบเหน็บช่องคลอด เช่น ยาเหน็บช่องคลอดนิสแตติน ชื่อการค้าคือ ยาเหน็บช่องคลอดไมโคสแตติน ขนาด 100,000 ยูนิต เหน็บตอนเช้าและก่อนนอน ครั้งละ 1 เม็ด ติดต่อกันนาน 14 วัน หรือเหน็บครั้งเดียวก่อนนอนด้วยยาเหน็บช่องคลอดโคลไตมาโซล ขนาด 500 มก. หรือจะใช้ขนาด 100 มก.เหน็บก่อนนอนวันละครั้ง ติดต่อกันนาน 6 วัน หรือให้กินยาฆ่าเชื้อราคีโตโคนาโซล ขนาด 400 มก. วันละครั้ง นาน 5 วัน

ควรให้สามีสวมถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันการติดเชื้อถ้าต้องการจะหลับนอนกับสามี

ข้อแนะนำ
1. โรคนี้จะทำให้มีอาการคันในช่องคลอดรุนแรงจนทำให้เสียบุคลิกภาพในบางครั้ง แต่ไม่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงแต่อย่างใด

2. ถ้ามีประวัติชัดเจนเมื่อหลังกินยาปฏิชีวนะแล้วทำให้เกิดอาการ หรือไม่สามารถให้แพทย์ตรวจภายในช่องคลอดได้ ก็อาจให้ยาเหน็บช่องคลอดไปได้เลย แต่ควรไปตรวจเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลหากภาย 2 สัปดาห์อาการยังไม่ดีขึ้น

3. ควรเลิกกินยาคุมกำเนิดและใช้วิธีการคุมกำเนิดแบบอื่น ถ้ามีอาการของโรคนี้แบบเป็นๆ หายๆ เนื่องจากกินยาเม็ดคุมกำเนิด

4. ควรตรวจน้ำตาลในปัสสาวะหรือในเลือด เพราะอาการช่องคลอดอักเสบอาจเป็นอาการแทรกซ้อนของผู้ที่เป็นเบาหวานแบบไม่รู้ตัวมาก่อนก็ได้

การป้องกัน
เชื้อราอาจเจริญได้ง่ายจากการสวมใส่กางเกงในที่ทำจากไนล่อน หรือใยสังเคราะห์ที่มักทำให้เกิดอาการอับชื้นขึ้นจึงควรหลีกเลี่ยงเสีย หากไม่จำเป็นไม่ควรกินยาปฏิชีวนะหรือสวนล้างช่องคลอด

↑ กลับสู่ส่วนบนของหน้า