เป็นการอักเสบของเนื้อสมอง อาจพบอาการอักเสบของเยื่อหุ้มสมองร่วมด้วยในบางครั้ง เป็นโรคอันตรายร้ายแรง พบได้ประปรายทั้งปี บางครั้งอาจพบว่ามีการระบาด พบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่
สาเหตุ
ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส ที่สำคัญคือ กลุ่มไวรัสอาร์โบ ได้แก่ ไวรัสเด็งกี ซึ่งเป็นสาเหตุของไข้เลือดออกมียุงลายเป็นพาหนะ และไวรัสแจแพนีสบี เป็นต้นเหตุของสมองอักเสบชนิดเจอี เชื้อชนิดนี้มักอาศัยอยู่ในสัตว์ เช่น หมู ม้า วัว แพะ หนู นก เป็นต้น ติดต่อโดยมียุงประเภทคิวเล็กซ์ และเอดีส หรือที่เรียกกันว่ายุงรำคาญบางชนิดเป็นพาหะนำโรค
ไวรัสกลุ่มอื่นๆ ที่เป็นสาเหตุของโรค คือ
-ไวรัสเริม ไวรัสอีสุกอีใส-งูสวัด ไวรัสพิษสุนัขบ้า เชื้อชนิดนี้จะเข้าสมองทางเส้นประสาท
-ไวรัสหัด หัดเยอรมัน คางทูม ไข้ผื่นดอกกุหลาบในทารก โปลิโอ ไวรัสเอนเทอโร ไวรัสไข้หวัดใหญ่ เชื้อนี้จะผ่านทางกระแสเลือดแล้วเข้าสู่สมอง
-ไวรัสเอชไอวี ที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์
-ไวรัสนิพาห์ ซึ่งเชื้อนี้จะอยู่ในหมู ติดต่อสู่คนโดยการสัมผัสจึงพบโรคนี้มากในผู้มีอาชีพเลี้ยงหมู
นอกจากเชื้อไวรัสแล้ว โรคนี้ยังอาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เช่น ไทฟอยด์ สครับไทฟัส เล็ปโตสไปโรซิล ซิฟิลิส วัณโรค เชื้อรา เช่น แคนดิดา คริปโตค็อกคัส เชื้ออะมีบา เช่น Naegleria fowleria เชื้อเหล่านี้มักทำให้มีการอักเสบของเนื้อสมองร่วมกับเยื่อหุ้มสมอง
ยังพบภาวะแทรกซ้อนของมาลาเรีย ที่เรียกว่า มาลาเรียขึ้นสมอง ในโรคนี้ด้วย
โอกาสที่ทำให้เกิดโรคนี้น้อยมากจากผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนป้องกันหัด คางทูม ไข้หวัดใหญ่ และสมออักเสบชนิดเจอี
อาการ
มีอาการไข้สูง ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน อาการที่สำคัญคือ ภายใน 24-72 ชั่วโมง ผู้ป่วยจะซึมลงเรื่อยๆ จนไม่รู้สึกตัว อาจมีอาการชัก สับสน พฤติกรรมหรือบุคลิกเปลี่ยนแปลงคล้ายอาการโรคจิตในบางราย ในเด็กเล็กอาจมีไข้สูง ไม่ดูดนม ซึม อาเจียน
สิ่งตรวจพบ
พบมีอาการไข้สูง ซึม หมดสติ รีเฟล็กซ์ของข้อไวกว่าปกติ อาจมีอาการอัมพาตของแขนขา มือสั่น เดินเซ อาการคอแข็งอาจพบได้ในรายทีมีเยื่อหุ้มสมองอักเสบร่วมด้วย อาจพบกระหม่อมโป่งตึงในเด็กเล็ก
ภาวะแทรกซ้อน
อาจทำให้เกิดความจำเสื่อม โรคลมชัก แขนขาเป็นอัมพาต สมองพิการ หูหนวก พูดไม่ได้ สายตาพิการ อาจหยุดหายใจ หมดสติและตายได้ในรายที่เป็นแบบรุนแรง
การรักษา
ให้รีบนำส่งโรงพยาบาลหากสงสัยว่าจะเกิดโรคนี้ เช่น ถ้ามีอาการชักให้ยาแก้ชัก เช่น ไดอะซีแพม ฉีดเข้าหลอดเลือดดำหรือเหน็บทวารหนัก ถ้ามีภาวะขาดน้ำให้น้ำเกลือไปด้วยระหว่างทาง แพทย์มักจะวินิจฉัยโรคด้วยการเจาะหลังเพื่อนำน้ำไขสันหลังไปตรวจหาชนิดและปริมาณของเม็ดเลือดขาว เพื่อหาเชื้อต้นเหตุ การเปลี่ยนแปลงของระดับโปรตีนและน้ำตาล และอาจทำการตรวจพิเศษอื่นๆ เช่น ตรวจเลือด ทดสอบทางน้ำเหลืองเพื่อหาระดับสารภูมิต้านทานต่อเชื้อไวรัส ตรวจคลื่นสมอง ถ่ายภาพสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นต้น
ให้การรักษาตามอาการที่เกิดขึ้น เช่น ให้ยาลดไข้ ยากันชัก ปรับดุลสารน้ำและอิเล็กโทรไลต์ เจาะคอช่วยหายใจในรายที่หมดสติ ให้อาหารทางสายยางในรายที่กินไม่ได้ และให้ยารักษาเฉพาะตามสาเหตุ เช่น ให้ยาต้านไวรัส อะไซโคลเวียร์ ถ้าเกิดจากเชื้อเริม เชื้ออีสุกอีใส-งูสวัด ให้ยาต้านจุลชีพตามชนิดของเชื้อต้นเหตุหากเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ให้ยาต้านไวรัสเอดส์หากเกิดจากเชื้อเอชไอวี อาจพิจารณาให้ยาสตีรอยด์ร่วมด้วยในบางราย ผลการรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค เช่น ถ้าเกิดจากเชื้อแจแพนีสบี อาจพิการ หรือตายได้ หรืออาจหายเป็นปกติได้ในรายที่เป็นเพียงเล็กน้อย
ข้อแนะนำ
โรคนี้อาจมีสาเหตุมาจากมาลาเรียได้ หากพบคนที่อยู่ในเขตป่าเขาหรือเคยเดินป่าในระยะ 1 เดือนที่ผ่านมาและมีอาการสมองอักเสบ ควรเจาะเลือดตรวจหาเชื้อมาลาเรียและให้การรักษาแบบมาลาเรียขึ้นสมอง
การป้องกัน
อาจป้องกันสมองอักเสบบางชนิดได้โดย
1. ฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคหัด-หัดเยอรมัน-คางทูม และอีสุกอีใส
2. ป้องกันโรคสมองอักเสบจากเชื้อแจแพนีสบีด้วยการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง ระวังอย่าให้ยุงกัด ให้เริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรคนี้ในเด็กอายุ 1 ½ -2 ปี 3 เข็ม 2 เข็มแรกห่างกัน 1-2 สัปดาห์ และเข็มที่ 3 ฉีดเพื่อกระตุ้นอีกเมื่อ 1 ปีต่อมา