สำหรับผู้ใส่ใจในการรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

วารีบำบัดรักษาโรค

วารีบำบัด(Hydrotherapy)
คำว่า ไฮโดรเธราพี มาจากคำว่า ฮิวดอร์(hudor) ในภาษากรีก ซึ่งแปลว่าน้ำ กับคำว่า เธราเพอติคอส(therapeutikos) ซึ่งแปลว่าดูแลหรือรักษา ไฮโดรเธราพี จึงเป็นการใช้น้ำเพื่อวัตถุประสงค์ในการรักษาโรค มีทั้งแบบใช้น้ำร้อน น้ำเย็น น้ำจืด และน้ำแร่

การรักษาโรคโดยการใช้น้ำ เป็นวิธีที่มีมานานนับพันๆ ปีแล้ว ซึ่งมีความเก่าแก่พอๆ กับมนุษยชาติ ตั้งแต่สมัย 4000 ปีก่อนคริสตกาลการใช้น้ำเป็นยาภายในและภายนอกก็มีบอกไว้ในภาษาสันสกฤต ชาวอียิปต์บาลีโลนและชาวครีต เคยใช้น้ำเพื่อรักษาโรคกันอย่างกว้างขวางมาตั้งแต่สมัยก่อนที่ชาวโรมันจะนิยมอาบแช่กันเสียอีก จากการค้นพบซากปรักหักพังของโบสถ์โรมันกับขวานยุคทองแดงที่บ่อน้ำแร่ที่เมืองเลนค์ ในเทือกเขาแอลป์ที่อยู่ในเขตของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ก็ทำให้รู้ว่า ที่นี่เคยมีการใช้ประโยชน์จากน้ำแร่กันแล้วตั้งแต่สมัยประมาณ 1200 ปีก่อนคริสต์กาล แพทย์ชาวกรีก ชื่อ กาเลน เป็นผู้มีชื่อเสียงเป็นกล่าวขวัญถึงกันมาก ได้สนับสนุนให้แช่น้ำประกอบกับการนวดและการออกกำลังกายเพื่อเป็นการรักษาโรค

เพื่อสร้างความแข็งแรงบึกบึนและสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้กับทารกชาวสปาร์ตาแห่งกรีซ มักจะนำทารกแรกเกิดจุ่มลงในน้ำเย็นเสียก่อน และในชาวจีน ฮินดู และฮีบรู ต่างก็มีวิธีการรักษาโรคด้วยน้ำกันทั้งนั้น

การอาบน้ำหมดความนิยมลงไปด้วยเหตุผลต่างๆ ในยุโรปสมัยกลาง อาจเป็นเพราะว่ามีการระบาดของกาฬโรคอยู่ ในอเมริกาเหนือ ชนพื้นเมืองในทวีปนี้บางเผ่ามีกรรมวิธีการอาบน้ำเพื่อรักษาโรค โดยอาบไอน้ำในห้องก่อนแล้วตามมาด้วยการจุ่มตัวลงในแม่น้ำที่เย็นจัด หรือหิมะ

คำว่า “การอาบน้ำแบบตุรกี” (เตอร์กิช บาธ หรือ Turkish bath ซึ่งบางแห่งนำมาใช้กิจกรรมเชิงบริการด้านอาบน้ำ โดยมีบริการด้านเพศสัมพันธ์ประกอบด้วย แต่จริงๆ แล้ว หมายถึง การนั่งแช่น้ำที่ร้อนจัดก่อนจะได้รับการนวด แล้วปิดท้ายด้วยการแช่หรือว่ายน้ำที่เย็นจัด) ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ได้รับการพัฒนาขึ้นในคอนสแตนติโนเปิ้ลในสมัยศตวรรษที่ 15 และจอห์น เวสลีย์ ผู้ก่อตั้งคริสตจักรนิกายเมโธดิสต์เชิร์ช(Methodist Church) ได้ใช้การอาบน้ำเย็นเพื่อรักษาโรคต่างๆ ในช่วงปลายศตวรรษที่ 18

ตั้งแต่สมัยกลางทศวรรษที่ 1800 วารีบำบัด ได้รับความนิยมมากในยุโรป โดยมีพระชาวเยอรมัน ชื่อ หลวงพ่อเซบาสเตียน คไนพ์(Sebastian Kneipp) ได้แสวงหาทางรักษาโรคหลังจากที่ป่วยเป็นวัณโรค และได้ค้นพบการรักษาโรคด้วยน้ำเย็น ซึ่งเรื่องนี้มีบรรยายไว้ในหนังสือสมัยศตวรรษที่ 18 เล่มหนึ่ง ซึ่งเขียนโดยโจฮันน์ ซิกมันด์ ฮาห์น หลวงพ่อคไนพ์หายจากโรค หลังจากที่ได้จุ่มตัวลงในแม่น้ำดานูบที่เย็นจัดเป็นเวลา 1 นาที โดยทำเช่นนี้เพียงสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เป็นเวลาไม่กี่สัปดาห์

ในเวลาต่อมาหลวงพ่อคไนพ์ ได้รับการยกย่องว่าเป็น “หมอน้ำ” ผู้ยิ่งใหญ่ และได้พัฒนาวิธีการบำบัดรักษาโดยใช้น้ำขึ้นมาอีกหลายวิธี รวมทั้งการแช่น้ำเย็นและร้อนจัด และการอาบน้ำเย็น ประกอบกับการใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นห่อหุ้ม ความรุนแรงและเวลาที่ใช้ในการรักษาตามแบบของคไนพ์จะมีน้อยกว่าวิธีของฮาห์น

ในปี ค.ศ. 1890 หลังจากที่หลวงพ่อคไนพ์ได้รับรักษาโรคมานานกว่า 30 ปี ก็ได้ตีพิมพ์หนังสือที่มีชื่อเรื่องว่า “การรักษาด้วยน้ำของข้าพเจ้า”(My Water Cure) ออกเผยแพรในลอนดอน และมีสถานที่หลายแห่งในสหรัฐฯ ที่เปิดบริการรับรักษาโรคด้วยน้ำตามแบบของคไนพ์ในราวช่วงเปลี่ยนศตวรรษ

ในสหรัฐฯ นายแพทย์จอห์น ฮาร์วีย์ เคลล็อก เป็นผู้หนึ่งซึ่งดำเนินงานมากมายเพื่อส่งเสริมการใช้วารีบำบัด เขาได้เปิดสถานตากอากาศแบบบำรุงสุขภาพขึ้นที่แบ็ตเทิ้ล ครีก(Battle Creek) ในมิชิแกนในปี ค.ศ.1876 เพื่อรักษาโรคภัยไข้เจ็บโดยใช้อาหาร น้ำ และวิธีการอื่นๆ ชนิดที่ไม่ต้องใช้ยา และเขาก็ได้ตีพิมพ์ผลงานสำคัญซึ่งมีความหนาถึง 1,100 หน้า มีชื่อเรื่องว่า วารีบำบัดตามหลักเหตุผล(Rational Hydrotherapyขึ้นในปี ค.ศ.1900

วิธีการรักษาโรคต่างๆ ที่ใช้น้ำเพื่อให้เกิดประโยชน์มีอยู่มากมายแทบจะไม่มีที่สิ้นสุดในทุกวันนี้ เช่น ในการอดอาหารและเพื่อช่วยระบายและกำจัดของเสียออกจากร่างกายก็ใช้วิธีการดื่มน้ำ การว่ายน้ำที่ให้ประโยชน์ในแง่ของการรักษาโรคเป็นการออกกำลังกายที่ไม่ก่อให้เกิดความตึงเครียดกับร่างกาย การกระตุ้นการหมุนเวียนโลหิตด้วยการแช่น้ำอุ่นซึ่งเป็นการเพิ่มออกซิเจนให้กับเนื้อเยื่อและกำจัดของเสีย ความอุ่นที่ได้มาระหว่างการนวดใต้น้ำหรือการพยุงตัวลอยอยู่ใต้น้ำตามหลักยิมนาสติกการแพทย์ถือเป็นเรื่องที่ไม่สามารถจะทำสำเร็จได้ด้วยวิธีอื่น

ในหลายๆ ส่วนของสหรัฐฯ ได้พบน้ำพุที่เกิดขึ้นมาเองตามธรรมชาติอย่างเช่น น้ำพุร้อนที่อยู่ในฮ็อต สปริงส์, อาร์คันซอส์ และคาลิสโตก้า รัฐแคลิฟอร์เนีย และในที่อื่นๆ ทั่วโลกก็อาจพบได้เช่นกัน ความเป็นเลิศของวารีบำบัด คือ น้ำพุที่ซึ่งมีน้ำร้อนหรือที่มีปริมาณแร่ธาตุสูง(โซเดียม แคลเซียม โปตัสเซียม แม็กนิเซียม ซัลเฟอร์) ซึ่งในทางทฤษฎีแล้ว ปริมาณแร่ธาตุต่างๆ ในน้ำที่มีอยู่อย่างละนิดละหน่อยจะเข้าสู่ผิวหนังหรือเยื่อบุที่เป็นมูก จึงทำให้ร่างกายปลอดโรค และทำให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้นด้วย

วารีบำบัดมีประโยชน์มากมาย ซึ่งในน้ำที่มีปริมาณของซัลเฟอร์หรือกำมะถันสูง จะช่วยผู้ป่วยที่เป็นโรคข้ออักเสบได้มาก และยังรักษาปัญหาโรคผิวหนัง เช่น เอ็กซีม่า(eczema) โรคเรื้อนกวาง ได้ด้วย ความอุ่นของน้ำจะช่วยส่งเสริมการหมุนเวียนของโลหิตและช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ในขณะที่น้ำเย็นก็ช่วยลดความเจ็บปวดและลดอาการบวม และสามารถทำให้กระชุ่มกระชวยและเพิ่มพลังวังชาได้มากจากการเอาเท้าแกว่งในอ่างน้ำเย็นหรือการอาบน้ำเย็นๆ จากฝักบัว

วารีบำบัดกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในทุกวันนี้ ตามสโมสรสุขภาพต่างๆ ก็มีอ่างน้ำวนสมัยใหม่อย่าง จากุสซี ให้บริการกันอยู่ทั่วไป ตลอดจนสถานที่พักฟื้นบำรุงสุขภาพ สถานตากอากาศ และตามบ้านส่วนตัวมากมายทั่วไปก็มีระบบนี้อยู่

เพื่อลดผลกระทบจากการใช้ร่างกายอย่างหนักหน่วงในนักกีฬาอาชีพ พวกเขาจะต้องใช้สระน้ำวนหลังจากที่เสร็จจากการแข่งกีฬามา สำหรับคนทั่วไปหากได้นั่งอยู่ในอ่างน้ำวนก็จะทำให้รู้สึกผ่อนคลายและลดความเครียดได้

เรียบเรียงโดย:สุวิชญ์ ปรัชญาปารมิตา

↑ กลับสู่ส่วนบนของหน้า