สำหรับผู้ใส่ใจในการรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

ประเพณีการรักษาอาการป่วยแบบชามาน

ชามาน(Shamanism)
เป็นแนวปฏิบัติในเชิงจิตวิญญาณที่ลึกซึ้ง เพื่อใช้รักษาโรคและทำให้เกิดความสุขสบาย ชามานหรือเชมันนี้ เป็นวัฒนธรรมประเพณีชนเผ่าทั่วโลก มีพื้นฐานตั้งอยู่บนความเชื่อที่ว่า ในการเยียวยารักษาอาการป่วยทุกอย่างล้วนมีมิติของจิตวิญญาณรวมอยู่ด้วย และอาการป่วยทุกอย่างก็ย่อมมีเรื่องจิตเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน

วัฒนธรรมต่างๆ ได้อาศัยการลองผิดลองถูกมาจนถึงผลลัพธ์สุดท้ายอย่างเดียวกัน ซึ่งวิธีการแบบชามานก็มีหลักพื้นฐานเหมือนกันทั่วโลก

วิธีการเยียวยาอาการป่วยที่เก่าแก่ที่สุดในโลกแบบชามาน ในหมู่ชนเอเชียเหนือ แถบอูราล-อัลไต และชนชาติแถบพาลีโอ-เอเชียน แล้ว ชามานมีประวัติย้อนหลังไปถึง 40,000 ปี หรืออาจจะเก่าแก่กว่านั้นก็ได้

คำว่า “ชามาน” ได้มาจากคำในภาษาตุงกุส-แมนจูเรีย(Tungusu-Manchurian) แปลว่า “รู้” คำนี้ ชนเผ่าตุงกุส ซึ่งใช้ชีวิตแบบพรานและเก็บของป่าอย่างคนยุคหินในไซบีเรียก ใช้เรียกพระผู้รักษาโรคประจำเผ่าของตน

ในวัฒนธรรมของชาวอเมริกันพื้นเมือง หรือที่เรียกว่า อินเดียนแดง ทั้งในทวีปอเมริกาเหนือและใต้ รวมทั้งในเอเชียกลาง แอฟริกา หมู่เกาะแปซิฟิค ออสเตรเลียและทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของอินเดีย ก็พบว่ามีการใช้วิธีปฏิบัติตามแบบชามาน หรือใกล้เคียงกับชามานนี้

คนสมัยโบราณที่ยังชีพและเอาตัวรอดด้วยการล่าสัตว์ เก็บของป่า จับปลา เป็นสิ่งที่ต้องทำกันอยู่ทุกวัน ในชนเผ่าต่างๆ มีบทบาทและการเรียกชื่อของชามานที่แตกต่างกันออกไป จะเหมือนกันก็ตรงที่หัวหน้าชนเผ่าจะได้รับความเคารพยกย่องและมีส่วนร่วมในการปฏิบัติหน้าที่หรือพิธีกรรมต่างๆ มากมายในชนเผ่า ชามานส่วนใหญ่มักจะทำหน้าที่เป็นผู้นำทางศาสนา เป็นหมอ เป็นผู้รักษาโรค เป็นปราชญ์ หรือเป็นผู้รู้ที่คอยตอบข้อข้องใจจากผู้ที่ไปถาม เป็นผู้พยากรณ์อนาคต รวมถึงสภาพดินฟ้าอากาศ ปริมาณฝนและความแห้งแล้ง เป็นผู้ทำนายฝัน และอื่นๆ อีกมากมาย

ชามานจะเป็นผู้กำหนดพิธีกรรม เช่น การร้องเพลง การสวดมนต์ การเต้นตามจังหวะ การเล่านิทาน พิธีกรรมที่เกี่ยวกับศิลปะ โดยที่พรานและผู้เก็บของป่าจะนำพิธีกรรมเหล่านี้มาใช้เพื่อหาแหล่งของสัตว์ที่ต้องการล่าและหาอาหาร ช่วยในการเดินทางที่ลึกลับเมื่อยามที่จะต้องตาย และช่วยรักษาคนป่วย

ชามานคือคนที่ได้ค้นพบและใช้พืชเป็นยา หรือใช้สมุนไพร ด้วยการสังเกตสิ่งที่สัตว์กินและใช้การทดลองแบบลองผิดลองถูกกับผู้ป่วย ทำให้พบพืชที่มีคุณสมบัติในการเยียวยา และด้วยวิธีเช่นนี้ ชามานก็ได้ค้นพบพืชที่มีคุณสมบัติในเปลี่ยนความคิดจิตใจ และได้นำมาใช้ในพิธีกรรมบางครั้งด้วย

พืชที่มีคุณสมบัติในการเปลี่ยนความคิดจิตใจ คือพืชที่มีสารส่งผลต่อประสาท ทำให้เกิดความรู้สึกต่างๆ รวมทั้งอาการจิตหลอนด้วย แต่ชาวชนเผ่าจะไม่เรียกว่า อาการจิตหลอน เขาคิดว่าเป็นอาการของการล่วงรู้อนาคต เช่น จะรู้ว่าพบสัตว์ที่จะล่าเป็นอาหารหรือไม่ในวันรุ่งขึ้น หรือในเร็ววัน เป็นต้น

ในชุมชนที่ห่างกา ในป่าลึก ตามเกาะต่างๆ ก็ยังมีพิธีกรรมแบบนี้ใช้กันอยู่

จากชนเผ่าที่เลี้ยงชีพด้วยการเก็บของป่า ล่าสัตว์ จับปลา ได้พัฒนามาเป็นวัฒนธรรมที่ต้องพึ่งพาอาศัยเกษตรกรรม บทบาทของชามานก็เปลี่ยนไป โดยเลิกจากหน้าที่ทางศาสนาในฐานะพระ มาเป็นผู้เยียวยารักษาอาการป่วย

ชามานเป็นรูปแบบหนึ่งของการเยียวยาด้วยการสร้างภาวะจิตใจให้ตกอยู่ในภวังค์ เหมือนการสะกดจิต หรือในระหว่างการเข้าทรง ชามานจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงก็ได้ โดยที่ระหว่างนั้นสามารถติดต่อและใช้พลังลึกลับที่คนทั่วไปมองไม่เห็น

พิธีกรรมที่ทำให้เข้าสู่ภาวะนั้น มีหลายอย่าง เช่น มองลูกแก้ว สวดมนต์พร้อมกันเป็นจังหวะ ตีกลอง หรือใช้สารธรรมชาติที่มีผลต่อจิตประสาท เช่น ชามานของชนเผ่าฮูอิชอล(Huichol) ในแม็กซิโก ใช้ตัวยาที่ได้จากกระบองเพชร ส่วนชามานในไซบีเรีย ก็ใช้เห็ดอมานิตา(amanita)

การประกอบพิธีมักจะทำในตอนกลางคืน โดยอาศัยแสงสว่างจากกองไฟ ตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เช่น บนยอดเขาหรือในถ้ำ โดยผู้เข้ารักษาอาการป่วยจะเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรม ผู้เป็นชามานจะมีองค์ประกอบอย่างอื่นๆ ที่จะใช้ในพิธีด้วย อาจจะเป็นวัสดุสำหรับเขย่าให้เกิดเสียง วัสดุที่เป็นสัญลักษณ์หรือเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายชนิดพิเศษ เวลาของพิธีกรรมอาจเพียงไม่กี่ชั่วโมงหรืออาจกินเวลาเป็นวันๆ ก็ได้

องค์ประกอบหลักของประเพณีชามานมีความเกี่ยวพันกันอย่างแรงกล้าระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ เป็นการดึงเอาพลังมหาศาลมาจากดิน ฟ้า ต้นไม้และสัตว์ทั้งหลายมาเพื่อเยียวยารักษาโรค

การรักษาโรคที่ใช้หลักการเดียวกับชามานมีอยู่ทั่วไปในปัจจุบันนี้ โดยมีรูปแบบต่างๆ กันออกไป ชาวอเมริกันอินเดียนหลายเผ่า รวมทั้งชาวฮาวายก็มีชามานหรือคาฮุนา(Kahuna)ที่ทำพิธีรักษาโรคมานานนับร้อยๆ ปีแล้ว ต่างก็ใช้พืชที่มีคุณสมบัติทางยาเพื่อรักษา และทางฮาวายก็มีการกำจัดสิ่งกีดขวางพลังงานในตัวบุคคลด้วย นับเป็นแนวคิดแบบที่รู้จักกันดีในวงการแพทย์แผนโบราณของทางซีกโลกตะวันออก

ทุกวันนี้ ในชนเผ่าชาวอินเดียแดงหรืออเมริกันพื้นเมืองมากมายได้มีชามานสมัยใหม่ที่เอาวิธีการแบบชามานเข้ามาประสานรวมกับการแพทย์แบบในระบบหรือการแพทย์แผนปัจจุบัน พบว่าวิธีการแบบชามานเหล่านี้ใช้รักษาโรคบางชนิดได้ผลดีที่สุด แต่กับบางโรคก็เหมาะที่จะต้องใช้ยามากกว่า

ความรู้เรื่องชามานแต่ครั้งโบราณมีขบวนการที่พยายามนำเข้ามาสู่โลกอารยะในขณะนี้ ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องมีมาจากนักมานุษยวิทยา เช่น ไมเคิล ฮาร์เนอร์(Michael Harner) และคาร์ลอส คาสทานีดา(Carlos Castaneda) ฮาร์เนอร์ได้เขียนหนังสือที่ดีเยี่ยมออกมาเล่มหนึ่ง ชื่อว่า นางเสือ(Jaguar Woman) ของลินน์ วี.แอนดรูวส์(Lynn V. Andrews) ผู้ซึ่งได้ไปฝึกงานกับชามานหญิงชาวครีอินเดีย(Cree Indian) ชื่อแอ็กเนส วิสเซิลลิ่ง เอล์ค ซึ่งอยากจะถ่ายทอดความรู้ให้

ได้มีความตื่นตัวและสนใจชามานกันมากขึ้นในระยะหลังนี้ โดยเริ่มมีการถ่ายทอดความรู้ที่เคยเป็นความลับเกี่ยวกับการเยียวยารักษาโรคจากชามานชาวอเมริกันพื้นเมืองให้แก่บุคคลภายนอก เช่น ชามานเผ่าเชโรกี ชื่อ โรลลิ่ง ธันเดอร์(Rolling Thunder) และซันแบร์(Sun Bear) ซึ่งเป็นชามานเผ่าชิพพีวา มีส่วนช่วยเผยแพร่คำสอนเกี่ยวกับการเยียวยารักษาอาการป่วยในแบบของวัฒนธรรมของชาวอเมริกันพื้นเมืองเป็นอย่างมาก

มีการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวกับชามานในสหรัฐอเมริกาเพื่อให้เข้าร่วมกันทั่วไปในขณะนี้ ทั้งที่เป็นการรับฟังคำบรรยายอย่างเดียวและแบบที่มีภาคปฏิบัติด้วย เรื่องที่สอนแนวทางหนึ่งจะเน้นถึงความสัมพันธ์ของคนกับโลกโดยเฉพาะ และแบบที่เป็นชามานยุคใหม่ หรือ New Age Shamnaism ซึ่งเป็นวิธีที่ผู้เรียนจะได้ฝึกเทคนิคชามาน เช่น การเดินทางเข้าสู่อีกมิติหนึ่ง คือ ทำให้ตัวเองอยู่ในภาวะที่สามารถเข้าไปสำรวจจักรวาลที่ลึกลับเพื่อรับความรู้ ตอบคำถามส่วนตัว บรรลุเป้าหมายส่วนตัว และสร้างประโยชน์แก่สุขภาพของตัวเอง ของผู้อื่น และของโลก

มีมูลนิธิที่ดำเนินงานเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับชามานอยู่ที่สหรัฐอเมริกา หากมีความสนใจสามารถติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ มูลนิธิ The Foundation for Shamanic Studies และมูลนิธี The Dance of Deer Foundation แต่ขณะนี้องค์การที่จะเป็นตัวแทนของชามานผู้รับรักษาโรคหรือโปรแกรมการศึกษาที่จะเป็นชามานที่ถูกต้องและมีประกาศนียบัตรนั้นยังไม่มี ก่อนจะเข้ารับบริการรับการรักษาจากชามานขอแนะนำว่าให้ศึกษาเรื่องชามานเสียก่อน เพราะยังไม่มีองค์การที่จะคอยตรวจสอบว่าชามานทำงานถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ในปัจจุบันนี้

มีหนังสือหลายเล่มที่เกี่ยวกับเรื่องของชามาน เช่นเรื่อง Healing States ของ Alberto Villoldo และ Stanley Krippner เรื่อง Shamanism: An Expanded View of Reality ของเชอร์ลี นิโคลสัน เรื่อง Entering the Circle ของ Olga Kharitidi และหนังสือของไมเคิล ฮาร์เนอร์ และลิน วี.แอนดรูร์ ดังที่กล่าวไว้แล้ว

ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามเกี่ยวกับเรื่องชามานได้ที่
The Foundation for Shamanic Studies,
P.O.Box 670, Belden Station,
Norwalk, CT 06852,
USA.

หรือที่
Centre for Contemporary Shamanism,
58 Westbere Road,
London NW2 3RU,
England.

เรียบเรียงโดย:สุวิชญ์ ปรัชญาปารมิตา

↑ กลับสู่ส่วนบนของหน้า