สำหรับผู้ใส่ใจในการรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

ยาแก้ประจำเดือนไม่ปกติ ขับน้ำคาวปลา

ตัวยาสมุนไพรมีอยู่ 3 ชนิดคือ ไพล ว่านชักมดลูก และเจตมูลเพลิง

ไพล(Zingiber montanum หรือ Zingiber cassumunar)
ในตำรับยาประสะไพลซึ่งเป็นตำรับยาแผนโบราณในบัญชียาหลักแห่งชาติ จะมีไพลเป็นตัวยาหลัก ใช้แก้อาการจุกเสียด แก้ระดูไม่ปกติ ช่วยขับน้ำคาวปลา การศึกษาทางเภสัชวิทยาพบว่า น้ำสกัดจากไพลสามารถลดการบีบตัวของมดลูก ลำไส้ และกระเพาะอาหารส่วนต้นได้ สามารถต้านฤทธิ์นี้ได้ด้วยสารเซอโรโทนิน(serotonin) และอะเซทิลโคลีน(acetylcholine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่มีฤทธิ์กระตุ้นให้กล้ามเนื้อเรียบหดตัวได้ และในไพลยังมีสารดี(D) ที่มีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อมดลูกด้วย ระยะการตั้งครรภ์จะทำให้สารดี(D) ตอบสนองต่อมดลูกต่างกันออกไป โดยความไวของการตอบสนองต่อสาร D จะสูงสุดในระยะหลังการฝังตัวของตัวอ่อน ฤทธิ์ของการคลายกล้ามเนื้อมดลูกนี้ เมื่อมดลูกหดตัวขณะมีประจำเดือนจะช่วยบรรเทาอาการปวดท้องลงได้

ว่านชักมดลูก(Curcuma comosa)
มีอยู่ 2 ชนิดคือ Curcuma xanthorrhiza พบมากในแถบอินโดนีเซีย มาเลเซีย ส่วนอีกชนิดหนึ่งคือ Curcuma comosa พบมากในประเทศไทย มีสรรพคุณแก้มดลูกพิการ ช่วยให้มดลูกเข้าอู่ได้เร็วขึ้น และประจำเดือนมาอย่างเป็นปกติ มักจะใช้ประโยชน์จากส่วนหัวหรือเหง้า

ว่านชักมดลูกชนิด Curcuma xanthorrhiza ไม่มีรายงานการวิจัยฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่มีต่อมดลูก แต่ว่านชักมดลูกชนิด Curcuma comosa พบว่ามีฤทธิ์สร้างฮอร์โมนเพศหญิงได้ ซึ่งพบจากการทดลองตัดรังไข่ของหนูออกทั้งสองข้าง สามารถเพิ่มน้ำหนักของมดลูกได้ และทำให้เยื่อบุผิวช่องคลอดของหนูขาวเพศเมียหนาตัวขึ้นได้ และพบว่าสารสกัดจากเหง้ากับแอลกอฮอล์ 95% มีฤทธิ์ลดการหดตัวของกล้ามเนื้อมดลูก และยังช่วยลดไขมันจากการได้รับอาหารที่มีไขมันสูงอีกด้วย แต่ยังไม่ทราบถึงความปลอดภัยของการใช้ว่านชักมดลูกในระยะยาว ดังนั้นจึงไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน และในว่านชักมดลูกจะมีสารที่กระตุ้นการบีบตัวของถุงน้ำดี ผู้ที่มีปัญหาทางเดินน้ำดีอุดตัน หรือเป็นนิ่วในถุงน้ำดีจึงต้องใช้อย่างระมัดระวังด้วย

สมุนไพรในตำรับยาสามัญประจำบ้านที่มีสรรพคุณขับน้ำคาวปลา และมีฤทธิ์กระตุ้นการหดตัวของมดลูก คือ

รากเจตมูลเพลิงแดง(Plumbago indica) มีตัวยาในตำรับยาไฟห้ากอง และยาไฟประลัยกัลป์ที่สำคัญ มีสารที่มีฤทธิ์กระตุ้นการบีบตัวของมดลูก ขับประจำเดือน ขับน้ำคาวปลา ช่วยให้มดลูกเข้าอู่ คือ สารพลัมบาจิน(plumbagin) และ 3-คลอโรพลัมบาจิน(3-chloroplumbagin) สตรีมีครรภ์ไม่ควรใช้ เพราะอาจทำให้แท้งได้

ที่มา:จากหนังสือวิทยาศาสตร์ในการแพทย์แผนไทย
โดยอาจารย์ ดร.อัญชลี จูฑะพุทธิ
หัวหน้างานวิจัย กลุ่มงานพัฒนาวิชาการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร สถาบันการแพทย์แผนไทย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก

↑ กลับสู่ส่วนบนของหน้า