สำหรับผู้ใส่ใจในการรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

มะเร็งโพรงหลังจมูก (Nasopharyngeal cancer)

พบมะเร็งชนิดนี้ในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง พบมากในช่วงอายุ 30-50 ปี เป็นมะเร็งที่พบได้บ่อย

สาเหตุ
สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคยังไม่ทราบแน่ชัด พบว่าเป็นโรคนี้ได้มากในผู้ที่ปัจจัยเสี่ยง เช่น การติดเชื้ออีบีวี (Ebstein-Barr virus/EBV) การบริโภคอาหารที่มีสารไนโตรซามีนซึ่งมักมีอยู่ในเนื้อสัตว์รมควัน หมักดอง เนื้อเค็ม ปลาเค็ม เป็นต้น หรือเกิดจากการระคายเคืองเรื้อรัง เช่น กำยาน ควันธูป ควันไฟจากการเผาไหม้หรือหญ้า หรืออาจมีความสัมพันธ์กับเชื้อชาติที่มักพบในคนเชื้อชาติจีนมากกว่าคนไทย

อาการ
ผู้ป่วยมักไม่มีอาการแสดงชัดเจนให้เห็นในระยะแรก แต่ต่อมาจะมีอาการคัดแน่นจมูกข้างหนึ่ง มีน้ำมูกปนเลือด มีเลือดกำเดาไหลบ่อย หูอื้อข้างหนึ่งเนื่องจากก้อนมะเร็งอุดกั้นท่อยูสเตเชียน มีก้อนแข็งข้างคอขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางมากว่า 1 ซม.เมื่อมะเร็งลามไปที่ต่อมน้ำเหลืองข้างคอ ชา และเสียวที่แก้มข้างที่เป็นมะเร็ง ตาเข เห็นภาพซ้อนจากกล้ามเนื้อกลอกลูกตาเป็นอัมพาตจากมะเร็งที่ลุกลามกดเบียดเส้นประสาท และมักมาพบแพทย์ในระยะที่มีการลุกลามนี้เกิดขึ้นแล้ว

อาการอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ป่วยได้ด้วยเช่นกัน คือ ปวดศีรษะ มีไข้ต่ำๆ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด สำลักน้ำขึ้นจมูก อ้าปากไม่ขึ้น เป็นต้น และมะเร็งอาจจะแพร่กระจายไปที่ปอด ตับ กระดูก ไขกระดูกในระยะท้ายของโรค

การรักษา
หากไม่แน่ใจหรือสงสัย ควรส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาลทันที แพทย์มักวินิจฉัยด้วยการใช้กระจกเล็กๆ หรือกล้องส่องเข้าไปในโพรงหลังจมูกและตัดชิ้นเนื้อออกมาพิสูจน์ พร้อมกับตรวจเลือดเพื่อดูภูมิคุ้มกันต่อไวรัสอีบีวีเพื่อช่วยในการวินิจฉัยและติดตามผลภายหลังการรักษา และตรวจชิ้นเนื้อต่อมน้ำเหลืองข้างคอ อาจทำการตรวจพิเศษเพื่อดูการแพร่กระจายของมะเร็งด้วยการถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เอกซเรย์ปอด หรือสแกนกระดูก และฉายรังสีเพื่อการรักษา

ผู้ป่วยมักจะหายขาดจากโรคได้ถ้าให้การรักษาในระยะเริ่มแรกที่เป็นโรค แต่อาจต้องให้เคมีบำบัดร่วมด้วยถ้าเป็นในระยะที่มีการลุกลามแล้ว

↑ กลับสู่ส่วนบนของหน้า