สำหรับผู้ใส่ใจในการรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

ตาเข(Strabismus)

เนื่องจากมีภาวะผิดปกติที่ทำให้การเคลื่อนไหวลูกตาทั้ง 2 ข้างขาดการประสานงานเช่นคนปกติ ตาทั้งสองข้างมักจะไม่อยู่ในแนวตรง มีลักษณะการเขเข้าด้านใน เขออกนอก เฉียงขึ้น หรือเฉียงลงของตาข้างใดข้างหนึ่งตาเข

พบโรคนี้ได้ในคนทุกวัย แต่พบได้บ่อยในทารกและเด็กเล็ก

สาเหตุ
1. อาจมีอาการตาเขได้บ้างในทารกแรกเกิดที่สายตายังเจริญไม่เต็มที่ แต่ถือว่ามีความผิดปกติถ้ายังมีอาการตาเขอยู่อีกเมื่ออายุเลย 6 เดือนไปแล้ว ซึ่งอาจมีสาเหตุมาแต่กำเนิดจากสายตาสั้น สายตายาว กล้ามเนื้อกลอกลูกตามีความพิการ หรือมะเร็งลูกตาในเด็ก

2. มักจะเกิดจากกล้ามเนื้อกลอกลูกตาเป็นอัมพาตจากสาเหตุต่างๆ เช่น อุบัติเหตุ ศีรษะได้รับบาดเจ็บ เนื้องอกสมอง เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เบาหวาน ไมแอสทีเนียเกรวิส ทริคิโนซิส โบทูลิซึม เป็นต้น ถ้ามีอาการตาเขเกิดขึ้นภายหลังจากพ้นวัยเด็กเล็กไปแล้ว

อาการ
เด็กมักจะไม่มีอาการอะไรนอกจากตาเขถ้าเป็นมาตั้งแต่กำเนิด แต่ตาข้างที่เขอาจเกิดสายตาพิการได้ถ้าปล่อยทิ้งไว้ไม่รีบรักษาหรือแก้ไข เพื่อหลีกเลี่ยงการเห็นภาพซ้อนเด็กจะใช้ตาข้างที่ดีเพียงข้างเดียวในการมอง และจะไม่ใช้ข้างที่เข เมื่อหยุดใช้ตาข้างที่เขนานๆ เข้าสายตาก็จะลดลงไปเรื่อยๆ เรียกภาวะนี้ว่า ตาขี้เกียจ จนทำให้ตาบอดในที่สุด

มักจะมีอาการเห็นภาพซ้อน หรือเห็นภาพ 2 ภาพร่วมด้วยในรายที่เป็นตาเขตอนโต และอาจมีอาการปวดศีรษะ มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน จากโรคที่เป็นสาเหตุเกิดขึ้นได้

การรักษา
1. ควรเฝ้าติดตามดูอาการไปเรื่อยๆ ถ้าพบอาการตาเขเป็นครั้งคราวในทารกอายุต่ำกว่า 6 เดือน เมื่ออายุได้ 6 เดือนอาการตาเขจะหายไปได้เองถ้าไม่มีสาเหตุผิดปกติ แต่ควรปรึกษาจักษุแพทย์ถ้าอายุเกิน 6 เดือนไปแล้วก็ยังไม่หาย

2. ควรแนะนำให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลโดยเร็วถ้าพบทารกอายุมากกว่า 6 เดือนมีอาการตาเขตลอดเวลา เพราะอาจเกิดภาวะตาขี้เกียจทำให้ตาบอดได้ถ้าปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้รับการแก้ไขหรือรักษาให้ถูกต้อง

ในการรักษา ผู้ป่วยต้องปิดตาข้างที่ดีเพื่อฝึกใช้ตาข้างที่เขให้ทำหน้าที่บ้าง ให้ทำวันละหลายๆ ชั่วโมง

ควรตัดแว่นตาใส่ถ้ามีภาวะสายตาสั้นหรือสายตายาว เด็กบางคนอาจหายจากอาการตาเขได้ในไม่กี่เดือนจากการรักษาด้วยวิธีนี้

อาจต้องแก้ไขด้วยการผ่าตัดถ้ารักษาด้วยวิธีอื่นไม่ได้ผลหรือตาเขมากๆ

จะทำให้การมองเห็นกลับคืนสู่สภาพปกติได้สูงถ้าให้การรักษาอาการตาเขและตาขี้เกียจในเด็กอายุ 3-5 ปี หรืออาจต้องใช้เวลารักษานานขึ้นถ้าอายุ 5-7 ปีแล้ว แต่การรักษาอาการตาขี้เกียจมักไม่ได้ผลถ้าอายุเลย 7 ปีไปแล้วเพราะอาจเกิดสายตาพิการอย่างถาวรจนยากที่จะแก้ไขได้

3. ควรส่งปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและให้การรักษาตามสาเหตุที่พบถ้าสงสัยว่าจะมีสาเหตุจากโรคอื่นๆ จากอาการตาเขในเด็กโตหรือผู้ใหญ่ ส่วนใหญ่อาการตาเขมักจะหายได้หลังจากให้การรักษาโรคตามสาเหตุที่พบแล้ว แต่อาจต้องใส่แว่นหรือทำการแก้ไขด้วยการฉีดสารโบทูลินหรือผ่าตัดถ้าให้การรักษาด้วยวิธีอื่นแล้วยังไม่หาย

ข้อแนะนำ
1. ทารกอายุตั้งแต่ 2-3 เดือนทุกคนควรได้รับการตรวจกรองอาการตาเขเป็นระยะๆ

2. ควรนึกไว้เสมอว่าอาจมีสาเหตุผิดปกติซ่อนเร้นอยู่จากอาการตาเขที่พบในทารกและเด็กเล็ก ก่อนเด็กจะมีอายุได้ 3-5 ปี ควรได้รับการรักษาหรือแก้ไข อย่าคิดว่าเมื่อเด็กโตขึ้นจะหายได้เอง เพราะอาจจะทำให้เด็กตาเขและสายตาพิการอย่างถาวรได้

↑ กลับสู่ส่วนบนของหน้า