สำหรับผู้ใส่ใจในการรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

ครรภ์ไข่ปลาอุก(Molar pregnancy/Hydatidiform mole)

หมายถึง การกลายเป็นเนื้องอกผิดปกติจากรกในครรภ์มารดา มักเป็นเนื้องอกชนิดไม่ร้าย ไม่มีอันตรายร้ายแรง ที่อาจจะกลายเป็นเนื้อร้ายหรือมะเร็งเยื่อรก ที่ลุกลามและแพร่กระจายตามกระแสเลือดไปทั่วร่างกายมักพบได้เป็นส่วนน้อยครรภ์ไข่ปลาอุก

มักพบในหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุเกิน 40 ปี หรือน้อยกว่า 18 ปี ในระยะแรกๆ ของการตั้งครรภ์มักจะทำให้เกิดอาการ แต่บางครั้งอาจเกิดจากรกที่ตกค้างอยู่ในมดลูกหลังจากการคลอดบุตรหรือการทำแท้ง พบโรคนี้ได้ไม่บ่อยนัก ซึ่งอาจพบร่วมกับอาการแพ้ท้องรุนแรง หรือครรภ์เป็นพิษได้

อาการ
มักพบมีอาการของมดลูกมีขนาดโตเร็วกว่าปกติ คลำได้ขนาดของมดลูกโตกว่าอายุครรภ์ที่ควรจะเป็นมักมีอาการเกิดขึ้นหลังตั้งครรภ์ใหม่ๆ และพบอาการเลือดออกกะปริดกะปรอยทางช่องคลอดคล้ายการแท้งบุตร ทารกในท้องมักไม่ดิ้น มีอาการแพ้ท้อง หรือคลื่นไส้อาเจียนอย่างรุนแรง อาจมีชิ้นเชื้อลักษณะคล้ายไข่ปลาอุกหลุดมาทางช่องคลอดในบางครั้ง จึงมักเรียกโรคนี้ว่า ครรภ์ไข่ปลาอุก

อาจมีเลือดออกนานเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือนจนทำให้มีอาการซีด อ่อนเพลียในบางราย

เนื่องจากฮอร์โมนเอชซีจีที่รกสร้างขึ้นมามีปริมาณสูงจะมีฤทธิ์อ่อนๆ ไปกระตุ้นให้ต่อมไทรอยด์ทำงานมากกว่าปกติ จนทำให้ผู้ป่วยมีอาการแสดงของภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน เช่น เหนื่อยง่าย ใจสั่น ชีพจรเต้นเร็ว ร่วมด้วย

ภาวะแทรกซ้อน
อาจกลายเป็นโลหิตเป็นพิษจากการติดเชื้อภายในมดลูกได้ หรืออาจมีการตกเลือดมาก และก่อนอายุครรภ์ 5 เดือน อาจพบว่าเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ

การรักษา
ควรส่งโรงพยาบาลหากไม่แน่ใจหรือสงสัยว่าจะเกิดโรค เพื่อตรวจฮอร์โมนเอชซีจีในเลือดและปัสสาวะ หากพบว่ามีขนาดสูงกว่าที่พบในการตั้งครรภ์ปกติก็ถือว่าเป็นโรคนี้ หรืออาจต้องทำการตรวจพิเศษ เช่น อัลตราซาวนด์ หรือตรวจชิ้นเนื้อ

ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้อาจต้องทำการขูดมดลูก และภายหลังจากการขูดมดลูก หรือผ่าตัดมดลูกตามสภาพของผู้ป่วยแล้วควรให้กินยาเม็ดคุมกำเนิดนาน 6 เดือน แพทย์อาจทำการผ่าตัดเอามดลูกออกถ้ามีอายุมากหรือมีบุตรเพียงพอแล้ว

เพื่อสังเกตว่ามีอาการกำเริบหรือกลายเป็นมะเร็งหรือไม่ควรนัดผู้ป่วยมาตรวจระดับเอชซีจีในปัสสาวะ และเอกซเรย์ปอดเป็นระยะ อย่างน้อย 2 ปี

แพทย์จะให้ยารักษามะเร็ง เช่น เมโทเทรกเซต หรือแดกติโนไมซิน ถ้าพบว่าระดับเอชซีจีไม่ลด หรือกลับเพิ่มขึ้น และหลังจากโรคทุเลาลงแล้วควรให้ผู้ป่วยกินยาเม็ดคุมกำเนิดนาน 12 เดือนในรายที่ไม่ได้ตัดมดลูก

แพทย์จะให้ยารักษามะเร็งในรายที่กลายเป็นมะเร็งเยื่อรก ถ้าเชื้อยังไม่แพร่กระจายไปที่อื่นหรือเป็นไม่มากอาจสามารถรักษาให้หายขาดได้

ข้อแนะนำ
1. ควรส่งผู้ป่วยไปตรวจที่โรงพยาบาลให้แน่ใจถ้ามีอาการที่น่าสงสัย เช่น มดลูกโตเร็ว เลือดออกทางช่องคลอดกะปริดกะปรอย หรือแพ้ท้องอย่างรุนแรง ควรแนะนำให้ผู้ป่วยรักษากับแพทย์ตามนัดอย่างต่อเนื่องถ้าเป็นโรคนี้จริงก็มีทางรักษาให้หายขาดได้ถึงแม้จะกลายเป็นมะเร็งเยื่อรกก็ตาม แต่ก็อาจแพร่กระจายไปทั่วตัวเป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้ถ้ากลายเป็นมะเร็งเยื่อรกแล้วไม่ได้รักษาอย่างจริงจัง

2. ผู้ป่วยสามารถมีบุตรได้ใหม่และโอกาสที่จะเป็นโรคนี้ซ้ำอีกมีน้อยมากหลังจากได้รับการรักษาจนหายขาดแล้ว และยังไม่ได้ผ่าตัดมดลูกออก

↑ กลับสู่ส่วนบนของหน้า