สำหรับผู้ใส่ใจในการรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

การยืดเส้นยืดสายในปีคลอดบุตร(Bodywork for the Childbearing Year)

เป็นวิธีการนวดที่ช่วยเหลือสตรีที่ตั้งครรภ์ตลอดทั้งปี ด้วยการให้ออกกำลังกายและศึกษาการเคลื่อนไหว ระหว่างการเจ็บครรภ์ คลอด หลังคลอด หรือกับทารกในขวบปีแรก ก็สามารถนำวิธีการนี้มาใช้ได้

วิธีการนี้มีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไปมากมาย เช่น การนวดยามตั้งครรภ์ การนวดเวลาเจ็บครรภ์ การนวดหลังคลอด และการนวดทารก เป็นต้น

มิใช่แนวคิดใหม่เกี่ยวกับเรื่องการยืดเส้นยืดสายสำหรับปีคลอดบุตร เรื่องนี้พวกผู้หญิงคงจะริเริ่มมาตั้งแต่กำเนิดอารยธรรม จากการค้นคว้าในด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และมานุษยวิทยา ได้แสดงให้เห็นว่า ในช่วงตั้งครรภ์การยืดเส้นยืดสายยังคงเป็นส่วนสำคัญเด่นของอารยธรรมต่างๆ มากมายหลายแห่ง

เกี่ยวกับประโยชน์ของการสัมผัสในช่วงระยะเวลาการตั้งครรภ์นี้ การวิจัยในปัจจุบันกำลังวางพื้นฐานให้มีการนำเอาแนวคิดเก่าที่เกี่ยวกับการคลอดบุตรมาให้สังคมเทคโนโลยีได้รู้จักกัน

การสัมผัสถูกนำมาใช้อย่างกว้างในวัฒนธรรมอินเดีย และโพลีนีเซีย การนวดทารกก็เป็นอาชีพที่ได้รับความเคารพนับถือในสังคมอินเดียด้วยเช่นกัน ซึ่งจากการวิจัยได้พบว่า วัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญกับการสัมผัสในช่วงตั้งครรภ์และในวัยเด็กตอนต้นมากเพียงใด วัฒนธรรมนั้นก็จะมีความสันติมากขึ้นเพียงนั้น

ผู้รับผิดชอบสำคัญต่อการทำคลอดในหลายๆ ประเทศทั่วโลกอย่างหมอตำแย จะมีทักษะในเรื่องการนวด/การรักษาด้วยการนวดอย่างสูง โดยในช่วงตั้งครรภ์ เจ็บครรภ์ จะนำทักษะเหล่านี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ และใช้กับทารกหลังจากที่คลอดออกมาแล้ว ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีทั่วโลกถึงประสิทธิผลของงานประเภทนี้

ในปี ค.ศ.1980 ได้มีการเริ่มพัฒนาวิธีการนวดสำหรับใช้กับโปรแกรมการฝึกในปีคลอดบุตร โดย เคต จอร์แดน(Kate Jordan) และแคโรล ออสบอร์น-ชีตส์(Carole Osborne-Sheets) ในตอนนั้นทั้งสอง ได้เป็นครูสอนวิชาชีพที่เกี่ยวกับการนวดในซานดิเอโก แคลิฟอร์เนีย และต่างก็กำลังตั้งครรภ์ด้วยกันทั้งคู่

จอร์แดนตั้งครรภ์บุตรคนที่สอง และยังสำรวจหาทางที่จะใช้การนวดและการยืดเส้นยืดสายให้เกิดประโยชน์ในช่วงกำลังตั้งครรภ์ แม้ว่าจะเคยมีประสบการณ์ในการดูแลตัวเองและนวดเป็นการส่วนตัวแล้วก็ตาม

ส่วนออสบอร์น-ชีตส์เพิ่งตั้งครรภ์เป็นครั้งแรกในปีนั้น เธอพบว่าเพื่อนของเธออีก 13 คน และสตรีที่มีครรภ์มากมายต่างต้องการมารับการนวด เพื่อต้องการให้การตั้งครรภ์เป็นประสบการณ์ทางบวกแก่ร่างกาย และอารมณ์ของตัวเองกันทั้งนั้น จึงเป็นสิ่งที่ได้กระตุ้นให้ออสบอร์น-ชีตส์ นำการนวดมาปรับใช้สำหรับช่วงตั้งครรภ์ขึ้น

จอร์แดนกับออสบอร์น-ชีตส์ ร่วมกันค้นคว้าถึงชนิดของเทคนิคการยืดเส้นยืดสาย และการนวดประเภทต่างๆ ที่ใช้อยู่กับคนที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ว่าจะนำมาประยุกต์ใช้กับการตั้งครรภ์ได้อย่างไร

ออสบอร์น-ชีตส์ จะมีความชำนาญในเรื่องเนื้อเยื่อส่วนลึกๆ และโครงสร้างของใบหน้า ส่วนจอร์แดน ก็เป็นคนที่จัดการส่วนที่เกี่ยวกับการระบายน้ำเหลือง กายภาพบำบัดบริเวณเท้า กล้ามเนื้อประสาท และเส้นเอ็น

หลังจากที่ทั้งสองคลอดบุตรแล้ว ความรู้ที่ได้จากแพทย์ก็เป็นสิ่งที่นำมาเสิรมความรู้ และเริ่มมีการสอนเทคนิคการนวดทารกให้แก่บรรดาพ่อแม่ และผู้ประกอบวิชาชีพที่เกี่ยวกับการบริบาลทารก ในโรงพยาบาลต่างๆ ในเขตซานดิเอโก

ในปี 1982 คนทั้งสองได้มองเห็นว่าการสอนนวดสำหรับปีคลอดบุตรในซานดิเอโก เป็นหนทางหนึ่งที่เป็นคุณแก่สุขภาพและเป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับมนุษยชาติ

การยืดเส้นยืดสายสำหรับปีที่ตั้งครรภ์ แบบที่ใช้กันทั่วไป ได้แก่ การบีบนวดเนื้อเยื่อลึกๆ การนวดแบบสวีเดน การระบายน้ำเหลือง กายภาพบำบัดที่ข้อต่อ กายภาพบำบัดในแต่ละส่วนของร่างกาย การนวดเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน การบำบัดแบบกระตุ้นจุด การนวดทารกและอื่นๆ ซึ่งเป็นผลการรวบรวมลักษณะปลีกย่อยต่างๆ มากมาย แต่ละอย่างถูกเลือกมาก็เพราะว่ามันใช้ได้ผลสำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะอย่าง

สตรีที่ตั้งครรภ์ปกติ ไม่มีความยุ่งยากและมีอัตราเสี่ยง ก็สามารถนำวิธีการยืดเส้นยืดสายสำหรับปีคลอดบุตรไปใช้ประโยชน์ได้ แต่รายที่มีความเสี่ยงก็จะต้องมีการพิจารณาทบทวนกันก่อน จะกระทำได้ก็ต่อเมื่อมีแพทย์คอยดูแลเท่านั้น แต่สำหรับสตรีมีครรภ์ไม่ว่ากรณีใดๆ ก็จำเป็นต้องให้แพทย์ของตนพิจารณาเสียก่อนทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการรับการนวด ออกกำลังกาย ยืดเส้นยืดสาย ฯลฯ

ประโยชน์ของการยืดเส้นยืดสายสำหรับปีตั้งครรภ์ จะช่วยให้มีการหมุนเวียนของเหลวในร่างกายเพิ่มขึ้น อาการบวดลดลง ป้องกันเส้นโลหิตขอดโป่ง ลดความตึงที่ข้อต่อส่วนที่รับน้ำหนัก และกล้ามเนื้อ เอ็น และใบหน้า ลดความปวดที่คอ และหลังที่เป็นผลมาจากท่ายืน นั่ง เดิน ที่ไม่ถูกต้อง กล้ามเนื้ออ่อนแอที่เนื่องมาจากความเครียด ความรับรู้ของร่างกายเพิ่มสูงขึ้น เป็นการเตรียมกล้ามเนื้อที่ต้องใช้ในการคลอด

ในช่วงการตั้งครรภ์การเรียนรู้เทคนิคการเคลื่อนไหวที่เหมาะสมก็มีความสำคัญมากเช่นเดียวกัน วิธีการใช้ร่างกายอย่างถูกต้องระหว่างการใช้ชีวิตปกติ เช่น สามารถป้องกันไม่ให้เกิดอาการเคล็ด-ขัดโดยไม่จำเป็นได้เมื่อมีการยกเก้าอี้ หรืออุ้มเด็ก

ในปี ค.ศ.1972 การศึกษาที่จัดทำอย่างมีหลักวิชาการที่ มหาวิทยาลัย พิตสเบิร์ก ได้แสดงให้เห็นว่า ผู้หญิงที่อยู่ในช่วงสองสามเดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ หากได้รับการสัมผัสอย่างรักใคร่ และทนุถนอม จะสัมผัสบุตรของตนอย่างรักใคร่ มีความละเอียดอ่อนบ่อยครั้งกว่าสตรีที่ไม่ได้รับการสัมผัส

ในปี 1992 มีการวิจัยค้นคว้าที่ได้ตีพิมพ์ แสดงให้เห็นว่า ระหว่างที่สตรีเจ็บครรภ์หากได้รับการสัมผัสด้วยความรักและถนอมจะทำให้การคลอดดำเนินไปอย่างสะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น เมื่อสตรีได้รับการสัมผัสอย่างเหมาะสมเพียงอย่างเดียว ระหว่างการคลอดความจำเป็นที่จะต้องใช้คีมคีบศีรษะเด็กออกมาจะลดลงไปกว่า 50%

การนวดหลังจากคลอดแล้ว ยังสามารถช่วยฟื้นฟูร่างกายให้กลับคืนสู่สภาพก่อนตั้งครรภ์ด้วยการช่วยกำจัดของเหลวส่วนเกิน ชำระล้างของเสียจากการเผาผลาญของร่างกายเพราะการเจ็บครรภ์ ช่วยฟื้นฟูความตึงของผิวที่ท้อง ฟื้นฟูการทำงานของกล้ามเนื้อและอื่นๆ ที่เนื่องมาจากความเปลี่ยนแปลงที่จุดศูนย์ถ่วงของร่างกาย มารดาที่ผ่าคลอดทางหน้าท้องก็ยังได้ประโยชน์จากการนวดนี้ด้วย

การยืดเส้นยืดสายสำหรับปีคลอดบุตร ยังมีการสอนนวดทารก และการนวดชนิดที่ส่งเสริมการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ และทารกด้วย

ระหว่างการนวด สตรีจะนอนในท่าตะแคง หรือในท่าเอน สวมเสื้อผ้าบางส่วน และมีผ้าคลุมอย่างเหมาะสมบนเตียงนวด ใช้หมอนหรือเบาะพิงเพื่อให้อยู่ในท่าที่ถูกต้องระหว่างการนวด และไม่แนะนำให้จัดท่านอนหงาย หรือนอนคว่ำ

ขณะนี้มีการฝึกนวดสำหรับปีคลอดบุตร ที่ประกอบด้วยโปรแกรมฝึกเข้ม 32 ชั่วโมง ในระยะเวลา 4 วัน ที่ประกอบไปด้วยกายภาพวิทยา สรีรวิทยา อาการแทรกซ้อน เทคนิคจำเพาะ และลำดับขั้นตอนที่ถูกต้องเหมาะสม

ก่อนที่จะเข้าฝึกเข้มตามโปรแกรม นักศึกษาควรฝึกนวด 500-1,000 ชั่วโมงหรือกว่านั้น เมื่อจบโปรแกรมแล้วก็จะมีการสอบข้อเขียนและปฏิบัติ เมื่อสอบผ่านก็จะได้รับประกาศนียบัตร ตามสถานที่ต่างๆ หลายแห่งทั่วสหรัฐฯ และที่สมาคมผู้บำบัดรักษาด้วยการนวดระหว่างตั้งครรภ์แห่งชาติ ได้จัดให้มีโปรแกรมฝึกขึ้น หากผู้ใดมีความสนใจสามารถติดต่อได้ตามที่อยู่ดังนี้
The National Association of Pregnancy Massage Therpists
P.O. Box 81453
Atlanta, GA 30341
USA.

เรียบเรียงโดย:สุวิชญ์ ปรัชญาปารมิตา

↑ กลับสู่ส่วนบนของหน้า