สำหรับผู้ใส่ใจในการรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

ศิลปะการนวดแบบโฮชิโนบำบัด

โฮชิโนบำบัด(Hoshino Therapy)
เป็นระบบการกดจุดที่นำเอาศิลปะการนวดเข้ามารวมไว้กับศาสตร์ด้านการฝังเข็มด้วย พื้นฐานของโฮชิโนบำบัดคือการค้นหาความชราวัย หรือความไร้ชีวิตชีวาในเนื้อเยื่อที่อ่อนนุ่ม ที่เกิดจากการทำงานอย่างไม่ถูกต้องเหมาะสมของกลไกทางชีววิทยาของร่างกาย

ลักษณะเด่นของวิธีการโฮชิโนบำบัด อยู่ตรงที่การประเมินในเชิงป้องกัน โดยใช้ประโยชน์จากจุดสำหรับกด 250 จุด ในการประเมินกลไกการทำงานของร่างกายในด้านชีววิทยา และสำรวจหาบริเวณที่ชำรุดทรุดโทรม เทคนิคพิเศษของโฮชิโนจะกระตุ้นจุดพวกนี้ทำให้เนื้อเยื่อที่อ่อนนุ่มมีชีวิตชีวาขึ้นมาใหม่ ช่วยฟื้นฟูการเคลื่อนไหวของส่วนต่างๆ ของร่างกายให้ประสานกลมกลืนกัน โฮชิโนบำบัดจะมีการออกกำลังกายแบบพิเศษช่วยเสริมการรักษาด้วย

ศาสตราจารย์โตเมโซ โฮชิโน(Tomezo Hoshicno) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการฝังเข็มชาวญี่ปุ่น ได้เป็นผู้ที่พัฒนาโฮชิโนบำบัดขึ้นมา เขาเกิดที่เมืองอัตสุกิ ประเทศญี่ปุ่น ครอบครัวของเขาเป็นหมอฝังเข็มและประกอบวิชาชีพด้านการแพทย์แผนโบราณของทางตะวันออกมาหลายรุ่น เมื่ออายุ 16 ปีเขาก็ตาบอดหลังจากที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ และเขาก็ได้ศึกษาการนวดกล้ามเนื้อตามแบบญี่ปุ่นแผนโบราณที่เรียกว่า ฮัมมะ(hamma) หลังจากประสบอุบัติเหตุครั้งแรกได้ 18 เดือน เขาก็ได้ประสบอุบัติเหตุอีกครั้งด้วยการชนเข้ากับกำแพงทำให้หมดสติไป และเมื่อฟื้นขึ้นมาเขาก็สามารถมองเห็นได้อีก

หลังจากนั้น โฮชิโนได้อพยพย้ายไปทำงานในไร่ปศุสัตว์แห่งหนึ่งในอาร์เจนตินา อีก 6 ปีต่อมาเขาก็ได้ล้มป่วยเป็นโรคนิวราลเจีย(neuralgia) และได้เดินทางกลับไปยังประเทศญี่ปุ่น สาเหตุของการเกิดโรคนิวราลเจีย มาจากความระคายเคืองหรือความบอบช้ำที่ประสาท ทำให้มีอาการปวดรุนแรงเป็นระยะๆ เขาได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงบริเวณประสาทตามาหลายหน และได้กลับมาให้ลุงของเขารักษาด้วยการฝังเข็มและโดยใช้กายภาพบำบัดจนกระทั่งหายดี

ลุงของโฮชิโนบอกกับเขาว่า โฮชิโนมีมือพิเศษ และได้สนับสนุนให้เขาศึกษาวิชาการฝังเข็ม ในปี ค.ศ.1935 โฮชิโนก็ได้เริ่มศึกษาวิชาการฝังเข็ม ในปี 1939 ก็ได้เริ่มการศึกษาวิชาการฝังเข็มจนได้รับประกาศนียบัตร และเดินทางกลับไปยังอาร์เจนตินา

ที่บัวโนส แอเรส โฮชิโนได้เริ่มแสวงหาวิธีการที่จะรักษาโรคอาร์โธรซิส(arthrosis)หรืออาการที่เส้นเอ็น กล้ามเนื้อ และพังผืดแข็งตัวหมดความยืดหยุ่น ในอาร์เจนตินาไม่ยอมรับในเรื่องของการฝังเข็ม เขาจึงได้ทำงานเป็นหมอรักษาเท้า(pedicurist) เมื่อเกิดเป็นโรคเบอร์ไซทิสที่ไหล่ (bursitis หรือการอักเสบที่กล้ามเนื้อหรือเอ็นพันข้ามกระดูก หรือพาดข้ามกล้ามเนื้ออีกมัดหนึ่ง) เขาก็ได้กลับไปรักษาตัวที่ญี่ปุ่นอีกครั้งหนึ่ง

โฮชิโนไปขอความช่วยเหลือจากอดีตเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่สถาบันฝังเข็ม แต่ก็ไม่สามารถรักษาให้หายได้ เขาจึงไปยังยอดเขาแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นและตั้งปณิธานว่าจะไม่กลับลงมาจนกว่าจะรักษาตัวเองให้หาย ต่อมาอีก 1 เดือน เขาก็ทำให้อาการที่ไหล่หายไปได้ ด้วยการใช้มือของเขาอังให้ความอบอุ่นและกด เมื่อกลับลงมาจากเขาก็ไม่มีความเจ็บปวดแล้ว และได้รู้ว่าตัวเขาเองหาวิธีการรักษาโรคอาร์โธรซิสได้แล้ว

โฮชิโนได้กลับไปอาร์เจนตินาอีกครั้งหนึ่ง และเริ่มต้นให้การรักษาด้วยวิธีการใหม่นี้ จนประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวง ในปี ค.ศ. 1950 รัฐบาลอาร์เจนตินาได้ยอมรับวิธีการรักษาของเขา โดยจัดให้เป็นวิธีการรักษาในระบบอย่างเป็นทางการ

มีจุดสำคัญๆ อยู่ 250 จุด ที่เกี่ยวข้องกับกลไกการทำงานทางชีววิทยาของร่างกายตามหลักโฮชิโนบำบัด ซึ่งจุดเหล่านี้จะตั้งอยู่เหนือกล้ามเนื้อ เอ็นและพังผืดโดยตรง การใช้แรงกดจากนิ้วมือพร้อมกับอาศัยความอบอุ่นจากมือของผู้บำบัดซึ่งเป็นผู้กดลงที่จุดสำคัญ จะทำให้เนื้อเยื่อที่มีปัญหานั้นหายแข็งกระด้างได้

โรคที่สร้างความทุกข์ทรมานต่างๆ หลายอย่าง เช่น กระดูกข้อต่ออักเสบ เบอร์ไซทิส เอ็นอักเสบ ความผิดปกติที่หมอนรองกระดูก และไซแอทิก้า(sciatica) รวมทั้งอาการที่มีสาเหตุไม่แน่ชัด เช่น ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ เครียด อ่อนเพลีย คลื่นไส้ ชา เวียนศีรษะและปวดหลัง สามารถนำโฮชิโนบำบัดมาใช้รักษาได้

มีโปรแกรมการออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วยในการใช้โฮชิโนบำบัด ซึ่งเป็นการออกกำลังกายที่ไหล่ ที่เข่า การออกกำลังกายด้วยการบิด และการออกกำลังกายที่อก เพื่อมุ่งบำรุงรักษากลไกการทำงานด้านชีววิทยาของร่างกาย และช่วยป้องกันอาการเดิมๆ ไม่ให้เกิดขึ้นมาอีกหลังจากที่ได้รักษาจนหายแล้ว

นับเป็นเวลาหลายปีที่ศาสตราจารย์โฮชิโนได้มาดำเนินงานวิจัยและบริหารงานคลินิกที่รับรักษาโรคอยู่ในโบคา ราตัน(Boca Raton) ในรัฐฟลอริดา ของสหรัฐอเมริกา การสอนการฝึกผู้ให้การรักษาด้วยวิธีโฮชิโนบำบัดในปัจจุบันมีทำอยู่ที่คลินิคโฮชิโนบำบัดในไมอามี

โปรแกรมการฝึกโฮชิโนบำบัดขั้นก้าวหน้า มีการเปิดรับนักวิชาชีพด้านสุขภาพทั่วไป ที่ประกอบไปด้วยโปรแกรมการเรียนการสอน 2 ปี เวลาเรียนทั้งสิ้น 400 ชั่วโมง ผู้ที่จบการศึกษาตามโปรแกรมนี้จะได้รับประกาศนียบัตรรับรองคุณวุฒิด้วย

เรียบเรียงโดย:สุวิชญ์ ปรัชญาปารมิตา

↑ กลับสู่ส่วนบนของหน้า