เป็นระบบการนวดที่สมบูรณ์ที่ส่งผลถึงร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ของเราพร้อมๆ กันไปทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นที่เนื้อเยื่อ การหายใจ ท่าการทรงตัว การเคลื่อนไหว ทัศนะ ความคิดและความรู้สึก เพื่อระบายความติดขัดและความตึงที่สั่งสมอยู่ในร่างกายจิตใจ
ดร.แจ็ค ดับบลิว.เพนเทอร์(Jack W. Painter) คือผู้ที่ได้พัฒนาพอสทูรัล อินทีเกรชั่นขึ้นมา เพนเทอร์ได้ใช้เวลาหลายปีในการสำรวจหาวิธีการบำบัดแบบทางเลือกด้วยตัวเอง ทั้งในเรื่องการนวด การฝังเข็ม การบำบัดตามวิธีของเกสตัลท์ ของไรค์ และโรลฟิ่ง
ดร.เพนเทอร์ เกิดในปี ค.ศ.1933 เติบโตมาในเทนเนสซีตะวันออก และเรียนจบจากมหาวิทยาลัยอีมอรี ในเมืองแอตแลนต้า รัฐจอร์เจีย ของสหรัฐอเมริกา และเขาก็ยังได้ไปศึกษาที่ประเทศเยอรมนี ฝรั่งเศสและโปแลนด์ด้วย
เขาเป็นศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยไมอามี และเป็นอาจารย์ประจำที่สถาบันวิลเฮล์ม ไรค์ ในเม็กซิโกในระหว่างปี 1962-1971 และเขาก็เป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของไอดา รอล์ฟ ด้วย
กระบวนการนี้จะใช้การนวดชนิดที่เคลื่อนย้ายเนื้อเยื่อพังผืดฟาสเซีย(fascia) ชั้นที่ติดขัดอยู่ลึกๆ และจัดระบบกล้ามเนื้อเสียใหม่ ในขณะเดียวกันก็เปิดและปลดปล่อยอารมณ์และความคิดที่ดื้อรั้นมากที่สุดที่ถูกขังอยู่ภายในให้ออกมา
ระบบฟาสเซีย เป็นแผ่นเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่ร้อยประสานกันอย่างหนาแน่น มันจะล้อมรอบ แทรก จัดแนวและปกคลุมกล้ามเนื้อเกือบทุกส่วน ทั้งกระดูก ประสาท เส้นโลหิตแดงและเส้นโลหิตดำ รวมทั้งอวัยวะภายในทุกชิ้น รวมทั้งหัวใจ ปอด สมองและเส้นประสาทสันหลัง เพื่อสร้างรูปทรงให้กับร่างกายและยึดมันเข้าไว้ด้วยกัน
เนื้อเยื่อฟาสเซียเป็นโครงสร้างหนึ่งที่ยืดขยายจากตอนบนสุดของศีรษะไปจนถึงปลายนิ้วเท้า ไม่ใช่เป็นเพียงระบบของสิ่งที่ปกคลุมโดยแยกกัน บทบาทสำคัญของมันคือ การค้ำจุนร่างกาย ในเนื้อเยื่อฟาสเซียจะประกอบไปด้วยเส้นใย 2 ชนิด คือ เส้นใยชนิดที่เป็นเส้นเอ็นที่เหนียว และมีความสามารถในการยืดได้เพียงเล็กน้อย กับเส้นใยชนิดยืดหยุ่นที่สามารถเหยียดยืดออกไปได้มาก
เนื้อเยื่อฟาสเซียจะผ่อนคลายและมีความสามารถในการเคลื่อนไหวโดยไม่มีขีดจำกัดขณะที่อยู่ในภาวะที่มีสุขภาพปกติ แต่เนื้อเยื่อฟาสเซียจะสูญเสียความยืดหยุ่นไปมีการหนาตัวและแข็งขึ้นเรื่อยๆ การเคลื่อนไหวก็จำกัดขึ้น เกิดความเจ็บปวดและหมดอิสระในการเคลื่อนไหวร่างกาย หากร่างกายต้องประสบกับท่าการทรงตัวที่ไม่ดีจนเป็นนิสัย ประสบกับโรค ได้รับบาดเจ็บทางกาย มีแบบแผนการใช้ร่างกายอย่างซ้ำซาก ผ่านการผ่าตัดมา เกิดความหดหู่ทางอารมณ์ และปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้เกิดการสั่งสมผลกระทบนั้นไว้ที่เนื้อเยื่อฟาสเซีย
เนื้อเยื่อฟาสเซียจะมีโครงสร้างคล้ายกับวุ้น เป็นสิ่งที่ไร้รูปร่าง เมื่อมีพลังงานมากระทบมันก็จะสามารถจัดรูปตัวเองเสียใหม่ได้ และเมื่อพลังงานถูกกำจัดออกไปเนื้อเยื่อฟาสเซียก็จะแข็งตัวและเปลี่ยนรูปใหม่ต่อไป
ผู้ให้การบำบัดจะใช้มือ นิ้ว และต้นแขน ในการรีดและกระจายเนื้อเยื่อฟาสเซียที่เข้ามารวมตัวกันเป็นมัดๆ และไม่เป็นระบบเสียใหม่ระหว่างการให้การบำบัด เพื่อทำให้กล้ามเนื้อที่ยืดมากเกินไปได้หดตัว และกล้ามเนื้อที่หดเกร็งมากเกินไปได้ผ่อนคลาย กล้ามเนื้อก็จะได้รับการฟื้นฟูให้กลับมาสู่ภาวะที่สมดุล โครงกระดูกจะกลับคืนสู่แนวตั้งตรงโดยไม่ต้องบังคับ สามารถกระจายน้ำหนักของร่างกายออกไปได้สม่ำเสมอยิ่งขึ้น ก่อให้เกิดการวางท่าทางที่ยืดหยุ่นได้ใหม่ทำให้พลังงานมีการไหลเวียนได้อย่างเสรีทั่วร่างกาย
ระหว่างการบำบัดผู้บำบัดจะแนะนำให้ลูกค้าหายใจสบายๆ อาจจะสนทนากับลูกค้าเพื่อสร้างความกระจ่างเรื่องความรู้สึกและความคิดเพื่อให้แสดงอารมณ์และความคิดที่ปิดกั้นไว้ออกมา
ในบางขณะการกดที่เบาเกินไปก็จะไปกระตุ้นให้เกิดอะไรใหม่ขึ้นมา และแรงกดที่รุนแรงเกินไปก็จะทำให้กล้ามเนื้อที่ตึงอยู่ยิ่งแข็งขัดมากขึ้นได้ ผู้ให้การบำบัดจึงต้องรู้ว่าควรจะใช้แรงกดดันมากเท่าไรในเวลานั้นๆ
วิธีการนี้จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางบวกที่แปลกพิเศษขึ้นได้ต้องอาศัยความเต็มใจของลูกค้ากับผู้ให้การบำบัด ต้องคำนึงถึงร่างกาย จิตใจและอารมณ์ของลูกค้าในขณะที่ทำให้ร่างกาย อารมณ์และการรับรู้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับกระบวนการนวด
กระบวนการบำบัดวิธีนี้ต้องใช้เวลาครั้งละ 75 นาที เป็นจำนวนทั้งหมด 10 ครั้ง แต่บางคนก็อาจใช้เวลามากกว่านี้ โดยใน 7 ครั้งแรกจะเป็นการระบายส่วนขา เชิงกราน ลำตัว แขนและศีรษะอย่างถี่ถ้วยและลึกซึ้ง ส่วน 3 ครั้งหลัง จะเป็นการทำให้ทุกส่วนเหล่านี้กลับมาสู่สภาพที่มีความสัมพันธ์กันอย่างประสานกลมกลืน
มีหนังสืออยู่ 2 เล่ม ที่ ดร.เพนเตอร์เป็นผู้แต่ง ซึ่งมีชื่อเรื่องว่า การนวดอย่างลึกกับพัฒนาการโดยส่วนตัว, การสร้างความประสานกลมกลืนกันของร่างกาย อารมณ์และความคิด(Deep bodywork and Personal Development, Harmonizing Our Bodies, Emotions, and Thoughts) กับเรื่อง คู่มือเทคนิคการนวดแบบองค์รวม, ลึก (Technical Manual of Deep Wholistic Bodywork)
เรียบเรียงโดย:สุวิชญ์ ปรัชญาปารมิตา