เป็นกระบวนการเยียวยารักษากายและจิตที่นำเอาจิตวิทยาแนวจิตวิญญาณเข้ามาใช้เพื่อปลดปล่อยความทรงจำในทางลบของเซลล์ ช่วยบรรเทาความผิดปกติทางอารมณ์และสรีระ โดยจะส่งต่อระดับสรีระ ความคิด อารมณ์ จิตวิญญาณ และอีเธอร์(etheric)หรือตัวกลางการแพร่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในทฤษฎีแสง)
อาร์เธอร์ เอช. มาร์ติน(Arthur H. Martin) ใช้เวลาถึง 25 ปี ในการหาทางเยียวยารักษาปัญหาด้านสรีระของเขาเอง โดยที่แพทย์แผนปัจจุบันบอกกับเขาว่ากระดูกสันหลังกำลังเสื่อมลงเรื่อยๆ เขาคงต้องลงเอยด้วยการนั่งเก้าอี้เข็นและแพทย์ก็ไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าปัญหาสรีระของเขาเกิดจากสาเหตุอะไร
มาร์ตินได้ศึกษาและแสวงหาวิธีการของการแพทย์นอกระบบเพื่อต่อสู้กับโรค แต่ก็ยังไม่สามารถหาคนที่เข้าใจถึงปัญหาของเขา หรือช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดของเขาได้เลย
มาร์ตินคิดว่าศาสตร์แขนงนี้อาจจะมีคำตอบเนื่องจากเขาเป็นนักจิตวิทยา แต่จิตวิทยาแบบแผนเดิมจะพอใจกับการกล่าวโทษว่าปัญหานั้นอยู่ที่ตัวใครสักคน หรืออยู่ที่ปัจจัยที่ไม่มีใครทราบสักอย่างหนึ่ง และต่อมาเขาก็ได้ศึกษากับพอล โซโลมอน(Paul Solomon) ซึ่งมีข้อพิจารณาจิตวิทยาจากมุมมองในเชิงจิตวิญญาณแบบองค์รวม ซึ่งแตกต่างไปจากเดิม แต่มันก็มิได้ช่วยเยียวยาอาการป่วยที่ร่างกายของเขาได้แม้ว่ามันจะช่วยตอบคำถามบางประการที่เกี่ยวกับการสื่อสารโดยส่วนตัวกรับร่างกายของเขาเอง และทำให้สามารถมองสภาพการณ์ได้ลึกลงไปก็ตาม
ในปี ค.ศ. 1978 การสัมมนาเชิงปฏิบัติการกับโรนัลด์ บีสลีย์(Ronald Beasley)ช่วยให้เขาได้มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับลักษณะการที่ร่างกายของเขาเก็บความทรงจำของเซลล์เอาไว้ กับหลักพื้นฐานสำหรับการกำจัดความทรงจำดังกล่าว ก็เท่ากับว่าเขามีเครื่องมือที่จะประสานเอาจิตวิทยาเชิงจิตวิญญาณเข้าไปรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับการเยียวยารักษาร่างกาย/ความคิดจิตใจได้ด้วยความรู้ใหม่อันนี้ เพื่อที่จะได้นำมาใช้เป็นพื้นฐานสำหรับการให้คำปรึกษาแก่คนทั้งหลาย
ในขณะที่ไม่มีใครทราบถึงสาเหตุของความผิดปกติที่สรีระแต่มันก็ปรากฏออกมาให้เห็นได้ชัดเจน มาร์ตินจึงตระหนักว่า ระบบความเชื่อของเขาที่มีประสบการณ์ทางอารมณ์ในด้านลบที่เก็บกดเอาไว้มาตั้งแต่สมัยเด็กเป็นสาเหตุของปัญหาทางสรีระของเขา ซึ่งมีน้อยคนที่ทราบถึงอาการแบบนี้ จนกระทั่งได้มีการเสนอแนวคิดที่เกี่ยวกับครอบครัวที่ผิดปกติและความเป็นเด็กที่ยังอยู่ในจิตใจในห้วงลึกขึ้นมาของ จอห์น แบรดชอว์(John Bradshaw)
กระบวนการนี้ในสมัยก่อนปี ค.ศ.1988 ได้ถูกเรียกขานว่าการจัดแบบแผนของเซลล์ใหม่ และต่อมา มาร์ตินก็ได้ค้นพบว่า เทคนิคของเขาสามารถลบแบบแผนที่ระบบประสาทเคยใช้ในการกักกันกล้ามเนื้อที่ได้รับบาดเจ็บให้พ้นจากประสบการณ์ทางอารมณ์ในด้านลบในอดีตได้
เซลล์แต่ละเซลล์จะสามารถสร้างตัวเองขึ้นมาใหม่ได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อได้กำจัดสิ่งเลวร้ายที่ปกคลุมพลังงานทางอารมณ์ที่ทำให้เกิดความผิดปกติออกไป ซึ่งโครงสร้างของเซลล์ทุกโครงสร้างจะก่อกำเนิดขึ้นมาใหม่ด้วยลักษณะเช่นนี้
เชื่อกันว่าจะสามารถเยียวยาให้หายจากความผิดปกติได้ในระยะเวลาอันสั้น หากค้นพบสาเหตุหรือเหตุผลที่ทำให้เกิดความผิดปกติแล้วปลดปล่อยสาเหตุความผิดปกตินั้นออกไป
แนวปฏิบัติสำหรับการเยียวยารักษาด้วยการจัดแบบแผนของประสาทกับเซลล์เสียใหม่จะต้องใช้ความรักและการให้อภัยเป็นตัวแบบพื้นฐาน เพื่อให้หายจากโรคภัยทั้งหลายได้ คนที่นำเอาวิธีการนี้มาใช้ประโยชน์คือการเรียนรู้ที่จะทำให้เรารักตัวเองเพื่อให้ได้รับความรัก มิได้เป็นผู้เยียวยารักษา หรือนักบำบัดที่จะนำมาใช้
การจัดแบบแผนของประสาท/เซลล์ใหม่ ทุกวันนี้ใช้เครื่องมือในแขนงของการป้อนกลับทางชีวภาพหรือไบโอฟีดแบ็ค(biofeedback)ในแบบที่แปลผลออกไป คือ ขณะที่ตั้งคำถามที่เหมาะสมนั้น เครื่องมือก็จะช่วยยืนยันถึงการตอบสนองจากจิตใต้สำนึก ทำให้ได้รู้ถึงเหตุการณ์ในอดีตที่เคยสร้างความเจ็บปวดทรมานและสิ่งที่ถูกปิดกั้นเอาไว้
สภาพความเป็นจริงสมัยเด็กถูกสร้างขึ้นมาใหม่เหมือนอย่างที่มันเคยเป็น และจะต้องกำจัดโปรแกรมที่ไม่ถูกต้อง ไม่ถูกครรลองของเหตุผล ซึ่งเป็นตัวสร้างความปราชัยให้กับตัวเอง ทำให้ติดขังอยู่ในความทรงจำของเซลล์ของร่างกายและความคิดจิตใจมาตั้งแต่สมัยวัยเด็ก จึงจะทำให้เปลี่ยนแบบแผนพฤติกรรมที่ผิดปกติทั้งหลายนั้นได้
อุปกรณ์หรือเครื่องมือไบโอฟีดแบ็คที่ใช้จะบันทึกบอกถึงการปลดปล่อยความเจ็บปวดทรมานที่ขังอยู่ระหว่างการบำบัดรักษาด้วยการจัดแบบแผนของประสาทและเซลล์ใหม่นี้ การปลดปล่อยจะทำให้เป็นอิสระจากความหลงเข้าใจผิดหรือการถูกปฏิเสธ การไม่ให้ได้รับสิ่งที่จำเป็นขั้นพื้นฐานสำหรับทุกคน นั่นคือ ความรักตัวเอง และความรู้สึกว่า ไม่เป็นไรแล้ว และเป็นการยากมากที่จะบรรลุถึงความรู้สึกว่าตัวเองมีค่า มีความเคารพตัวเอง ยอมรับตัวเอง และเห็นดีเห็นงามกับความเป็นตัวของตัวเองถ้าขาดสิ่งที่จำเป็นขั้นพื้นฐานสองอย่างนี้ในมนุษย์
อาร์เธอร์ มาร์ตินได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับการเยียวยารักษาและการฟื้นตัวจากความเจ็บป่วยขึ้นมาสองเล่ม มีชื่อเรื่องว่า Recovering Yourself(ฟื้นตนเอง) และ Your Body Tells the Truth(รางกายบอกความจริง) และเขาก็ได้จัดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับการจัดแบบแผนของประสาทและเซลล์ใหม่ในแถบชายฝั่งด้านตะวันตกของสหรัฐฯ ปีละหลายหน
เรียบเรียงโดย:สุวิชญ์ ปรัชญาปารมิตา