สำหรับผู้ใส่ใจในการรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

ไคโรแพร็คทิค หรือการจับกระดูก(Chiropartic)

เป็นระบบการบำรุงสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างข้อกระดูกสันหลังและระบบประสาท ซึ่งมีปรัชญาว่า การที่คนเราจะประสบกับความสงบ มีชีวิตชีวาและมีสุขภาพดีได้จะต้องมีการไหลเวียนอย่างไม่มีการติดขัดของสัญญาณประสาทจากสมองผ่านประสาทไขสันหลังและส่งต่อออกไปยังทุกส่วนของร่างกาย

สามารถเกิดสภาพที่ไม่เรียงตัวเป็นแนวอย่างถูกต้องได้ต่อกระดูกสันหลัง เนื่องจากเหตุผลต่างๆ ที่ทำให้เกิดสภาพแบบนี้ขึ้นบ่อยๆ เช่น ท่าในการยืน-นั่ง ฯลฯ ที่ไม่ถูกต้อง กล้ามเนื้อไม่มีความแข็งแรงยืดหยุ่นที่เหมาะสม มีความบาดเจ็บและเพราะความเครียด ความไม่เรียงตัวกันเป็นแนวถูกต้องของกระดูกสันหลังอย่างที่เรียกกันว่า ซับลักเซชั่น(subluxation) เป็นสาเหตุให้เกิดการแทรกแซงในการส่งสัญญาณของประสาทจากสมองไปยังอวัยวะต่างๆ และเนื้อเยื่ออื่นๆ ของร่างกาย ไม่ให้เป็นไปอย่างราบรื่นดี

แม้จะสามารถแก้ไขได้เองด้วยการเคลื่อนไหวตามปกติของร่างกายในความไม่เป็นแนวเป็นแถวส่วนใหญ่ แต่บางแบบบางส่วนก็ยังต้องได้รับการแก้ไข เวลาที่การส่งสัญญาณประสาทไปยังอวัยวะหรือส่วนใดของร่างกายเกิดการสะดุดชักงักเป็นเวลานานๆ ก็จะเป็นสาเหตุให้การทำงานของร่างกายบกพร่อง เป็นผลให้เกิดอาการเจ็บและไม่สบาย

ไคโรแพร็คติคมิได้วินิจฉัยโรคหรือรักษาโรคภัยไข้เจ็บใดๆ การบำบัดมิใช่การรักษาโรค แต่เป็นการนำพลังงานในร่างกายมนุษย์ที่มีอยู่ตามธรรมชาติมาช่วยฟื้นฟูรักษาให้ร่างกายมีสุขภาพที่สมบูรณ์ เมื่อไม่มีโรคภัยไข้เจ็บก็จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

เทคนิคนี้เป็นระบบการรักษาสุขภาพชนิดปลอดยา ไม่มีการผ่าตัด ที่ใหญ่โตที่สุดในโลกตะวันตก และเป็นศิลปะการเยียวยารักษาร่างกายตามธรรมชาติที่อยู่นอกระบบการแพทย์ในปัจจุบันที่ใช้กันมากที่สุดในสหรัฐฯ ในอเมริกาเหนือก็เป็นระบบการบำรุงสุขภาพที่ใช้กันกว้างขวางเป็นอันดับที่สอง รองจากการแพทย์แบบปกติ

มีกำเนิดของหลักการไคโรแพร็คทิค หรือการจับกระดูกมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล และก่อนสมัยคริสตการเป็นเวลานานแล้วที่แพทย์โบราณในอินเดีย กรีซ จีน อียิปต์ และโรม ต่างก็รู้ถึงผลกระทบในทางลบที่เกิดจากกระดูกสันหลังคดงอ ในตำราเล่มหนึ่งฮิปโปเครตีสเคยระบุบอกไว้ว่า “จงดูกระดูกสันหลังให้จงดี เพราะโรคภัยไข้เจ็บมากมายมีกำเนิดอยู่ที่ความคลาดเคลื่อนของข้อกระดูกสันหลัง”

การจับกระดูกในการรักษาโรคปวดหลัง และความเจ็บไข้ได้ป่วย ชนชาวอเมริกันพื้นเมือง หรือชาวอินเดียแดงไม่ว่าจะเป็นเผ่าซูส์ ครีก หรือไวบาโก ก็ใช้เหมือนกับที่ชาวอินคา มายัน และชาวแอสเท็คส์เคยใช้กันมา ในปี ค.ศ.476 เมื่อจักรวรรดิโรมันล่มสลาย และช่วงต่อมาที่เรียกว่ายุคมืดนั้น ในยุโรปได้มีการหยุดชะงักของพัฒนาการจับกระดูกสันหลังไปเพราะเชื่องมงายในผีสางไสยศาสตร์ แต่ในประเทศเยอรมนีในปัจจุบันก็มีแพทย์ที่ไม่ได้ผ่านสถาบันการศึกษามารักษาผู้ป่วยกันมาก แถบหมู่เกาะโพลีนีเชียน ชนพื้นเมืองมักจะให้เด็กๆ เหยียบหลังผู้ใหญ่ที่ป่วยเพื่อดัดกระดูกและลดอาการบวม ซึ่งมีความเชื่อกันว่าจะส่งผลเสียต่อการทำงานตามปกติของร่างกาย

ในช่วงปลายยุคมืดการจับกระดูกสันหลังได้ปรากฏเปิดเผยขึ้นมาใหม่ และได้รับความนิยมในยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ หรือยุคเรเนซองส์ ถือกันว่าผู้ที่มีพรสวรรค์ในการรักษาโรคต่างๆ กว้างขวางด้วยการจับกระดูกให้เข้าที่คือนักจับกระดูกยุคแรกๆ การจับกระดูกได้แพร่กระจายไปทั่วยุโรปเมื่อถึงสมัยศตวรรษที่ 18 แต่เพิ่งมาเป็นที่นิยมในทวีปอเมริกาหลังจากที่มีการขยายอิทธิพลออกมาทางตะวันตกในศตวรรษที่ 19

แดเนียล เดวิด พาลเมอร์ สนใจเรื่องการรักษาโรคภัยไข้เจ็บมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งเขามักจะเอาสัตว์ตัวเล็กๆ ที่ขาหักพิการกลับมาบ้านอยู่บ่อยๆ เขาเป็นลูกครึ่งอังกฤษ-เยอรมัน เป็นชาวเมืองพอร์ตเพอร์รี่ ใกล้ออนทาริโอ ในประเทศแคนาดา

พาลเมอร์กับน้องชายที่ชื่อทอม ได้ย้ายจากออนทาริโอมาอยู่ในสหรัฐฯ ในปี ค.ศ.1865 เขาได้พบกับ พอล คาสเตอร์ ผู้ที่รับรักษาโรคโดยใช้แม่เหล็ก ที่เมืองเบอร์ลิงตัน รัฐไอโอว่า และได้สมัครเป็นลูกศิษย์ของเขา พาลเมอร์ได้ค้นพบพรสวรรค์ในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บที่เคยมีในวัยเด็กอีกครั้งหนึ่ง และต่อมาก็ได้เปิดสำนักงานของตนเองขึ้นมา พาลเมอร์ได้อ่านหนังสือที่เกี่ยวกับสรีรวิทยาและกายวิภาคศาสตร์ที่เน้นเรื่องกระดูกสันหลังมากมายหลายเล่มตลอด 9 ปี ที่รับรักษาโรคด้วยแม่เหล็ก และได้สรุปว่า กระดูกสันหลังที่คดงออาจเป็นสาเหตุของโรคได้

พาลเมอร์ได้สร้างประวัติศาสตร์ขึ้นมาในวันหนึ่งของเดือนกันยายน ปี ค.ศ.1895 ที่เมืองดาเวนพอร์ต ไอโอเวอร์ ดี.ดี. โดยเขาได้พบศาสตร์ที่ว่าด้วยการจับกระดูกเนื่องจากมีภารโรงชื่อ ฮาร์วีย์ ลิลลาร์ด ซึ่งทำงานอยู่ที่สำนักงานของเขาได้อธิบายว่ามีอาการหูหนวกมาได้ 17 ปีแล้ว อาการนี้เกิดมาตอนที่เขาออกแรงในขณะที่กำลังก้มหลังคู้ตัวอยู่และมีอะไรสักอย่างที่หลังเกิดพลิก เมื่อพาลเมอร์ตรวจร่างกายภารโรงคนนั้นก็ได้พบว่า กระดูกสันหลังข้อหนึ่งของเขาไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ปกติ เมื่อได้จับให้มันกลับเข้าที่เช่นเดิมภารโรงผู้นั้นก็กลับมีหูดีขึ้นมาในไม่ช้า

พาลเมอร์ได้ใช้วิธีการนี้ในการรักษาผู้ป่วยคนอื่นๆ เพราะมีกำลังใจจากความสำเร็จในการรักษาลิลลาร์ด และได้สังเกตพบว่า ความผิดปกติอื่นๆ ก็สอดคล้องกับความผิดปกติของตำแหน่งที่ตั้งของข้อกระดูกสันหลังด้วย เขาจึงปรับเทคนิคของเขาและวางสูตรสรีรวิทยาให้กับศิลปะการรักษาโรคที่เพิ่งค้นพบใหม่ พาลเมอร์ได้เปิดโรงเรียนสอนจับกระดูกแห่งแรกขึ้นที่เมืองดาเวนพอร์ต ในปี ค.ศ.1897 ด้วยการเร่งเร้าของลูกชายที่ชื่อ บาร์ทเล็ท โจชัว พาลเมอร์

ตั้งแต่ปี 1895 การจับกระดูกให้เข้าที่ได้ผ่านการปรับแต่งมาอย่างมากมาย การจับกระดูกหากทำอย่างถูกต้องก็จะมีความปลอดภัยแม้ในขณะตั้งครรภ์ ซึ่งโดยปกติจะไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดใดๆ โรคต่างๆ มากมายที่เกิดจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อ-กระดูก และอาการผิดปกติของสภาพร่างกายก็สามารถเยียวยาหรือบรรเทาได้ด้วยการจับกระดูก

ความผิดปกติของกล้ามเนื้อ-กระดูก ได้แก่ คอเคล็ด เคล็ดขัดยอกบั้นเอวและก้นกบ อาการของโรคข้ออักเสบและการอักเสบที่บริเวณร่องที่อยู่ใต้กระดูกรูปสามเหลี่ยม อาการผิดปกติของสภาพร่างกายประกอบด้วยความดันโลหิตสูง ปวดศีรษะไมเกรน ประสาทอักเสบ ปวดศีรษะ และความผิดปกติต่างๆ ที่เกี่ยวกับเส้นประสาท ซึ่งผู้ป่วยมีตั้งแต่วัยเด็กก่อนเข้าเรียนไปจนถึงผู้ใหญ่ในวัยเกษียณ

ภายใต้เครือข่ายของการจับเส้น มีปรัชญาในเรื่องขอบข่ายของการรักษาโรค และคนที่สนับสนุนปรัชญาทำนองนี้ ปกติแล้วจะถูกจัดประเภทว่าเป็นพวกที่ ตรง กับ ผสม ในแบบตรง จะมีขอบเขตแคบและจับเฉพาะที่กระดูกสันหลัง เพื่อแก้ไขเพียงบางส่วนของกระดูกสันหลัง และฟื้นฟูการทำงานของประสาท ส่วนแบบผสม มีขอบข่ายกว้างขวางและไม่เคร่งครัด เป็นการนำเอาการจับกระดูกแบบตรง มาประสมกับวิธีการรักษาพยาบาลแบบอื่นๆ เป็นการรักษาโรคในแบบองค์รวม และนำประโยชน์จากการรักษาพยาบาลต่างๆ มาประกอบกัน เช่น การนวดคิเนซิโอโลยีประยุกต์ การกดจุด กายภาพบำบัด อัลตราซาวนด์ วิตามินบำบัด โภชนาการบำบัด การใช้น้ำหนักถ่วง และวิธีการอื่นๆ ที่ให้การดูแลสุขภาพในแบบครอบคลุมทั้งหมด

การเรียนจับกระดูก ประกอบด้วยหลักสูตรระดับปริญญาโท 4 ปี ซึ่งมีชั่วโมงเรียนคล้ายกับโรงเรียนแพทย์ สถาบันสอนจับกระดูกในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่กำหนดให้ผู้สมัครเรียนต้องผ่านการเรียนในวิทยาลัยมาแล้วประมาณ 2 ปี โดยเน้นที่วิชาชีววิทยา เคมี ฟิสิกส์ และการจะได้ใบอนุญาตเป็นผู้รักษาด้วยการจับกระดูกจะต้องผ่านการสอบสัมภาษณ์ และข้อเขียนของรัฐ ซึ่งเป็นเขตที่จะประกอบการรักษาโรคด้วยวิธีนี้ กับผ่านการสอบของคณะกรรมการแห่งชาติ สามารถติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้จากองค์การวิชาชีพด้านการจับกระดูก ตามที่อยู่ดังนี้
American Chiropractic Association
1701 Clarendon Boulevard
Arlington, VA 22209
USA.

เรียบเรียงโดย:สุวิชญ์ ปรัชญาปารมิตา

↑ กลับสู่ส่วนบนของหน้า