เป็นการบำบัดรักษาโรคที่มีจำนวนที่ชวนให้พิศวงงุนงงทั้งในแง่ของปริมาณและความหลากหลาย รวมถึงการแก้ไขความบกพร่องของร่างกายกับอาการอื่นๆ มากมายนับร้อยๆ อย่าง
เอ็ดการ์ เคซี ได้การบำบัดรักษาพวกนี้มาจากการอ่านจิต 8,976 คราว ที่ทำกับคนหลายพันคนที่มีโรคทางกายต่างๆ กันไป
เอ็ดการ์ เคซี เกิดเมื่อวันที่ 18 มีนาคม ค.ศ.1977 ที่เมืองฮ็อฟคินสวิลล์ รัฐเคนตั๊กกี้ สหรัฐอเมริกา เขาออกจากฮ็อพคินสวิลล์มาตั้งแต่ยังหนุ่มๆ เพื่อมาทำงานเป็นเสมียนอยู่ในร้านขายหนังสือในลุยสวิลล์ เมื่อออกจากร้านขายหนังสือ ก็ไปเป็นเซลล์แมนและตัวแทนขายประกัน มีการเดินทางไปทั่วย่านตะวันตกของเคนตั๊คกี้
ต่อมาเคซีมีอาการเสียงแหบ และเบาลงๆ จนเหลือเพียงเสียงกระซิบแผ่วๆ เขามีอาการอยู่เช่นนี้เป็นเดือนๆ หมอในฮ็อพคินวิลล์ก็ไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้ เขาจึงคิดว่าอาการของเขาไม่อาจเยียวยาได้ และคงไม่มีวันพูดได้ดังไปกว่านี้อีกแล้ว เขาได้ไปฝึกงานกับช่างภาพคนหนึ่งเมื่อไม่สามารถจะเป็นเซลล์แมนได้อีกต่อไปแล้ว
มีนักสะกดจิต ชื่อ ฮาร์ต(Hart) ได้เดินทางไปเปิดการแสดงในฮ็อพคินสวิลล์ในช่วงนี้ ได้ข่าวเรื่องอาการเสียงแหบของเคซี จึงได้รับอาสาแก้ ด้วยเห็นว่าเป็นสิ่งที่ท้าทาย ฮาร์ตบอกว่าจะรักษาเคซีให้หายโดยจะคิดเงิน 200 ดอลลาร์ แต่ถ้ารักษาไม่หายก็จะไม่เอาเงิน เคซีจึงลองรับการสะกดจิต ในระหว่างที่อยู่ในภวังค์สะกดนั้นเขาพูดได้ชัดเจนดี แต่ก็ไม่รับคำสั่งการสะกดจิตของฮาร์ตเมื่ออยู่นอกภวังค์สะกด เขาเสียงแหบอย่างเก่าเมื่อพ้นภวังค์สะกด และมีนักสะกดจิตอีกคนหนึ่ง ที่ชื่อ ดร.แคว็กเคนบอส(Quackenboss) จากนิวยอร์ค ก็ได้สะกดจิตเคซีให้หลับลึกมากอยู่นานถึง 24 ชั่วโมง แต่ก็ยังไม่ทำให้เคซีหายจากอาการเสียงแหบ
ต่อมา ดร.แคว็กเคนบอส ก็เสนอให้ลองหาคนมาซักถามให้เคซีบอกสภาพอาการของตัวเองในระหว่างที่อยู่ในภวังค์สะกด เทคนิคนี้เคยใช้กันมาหลายปีก่อนหน้านี้แล้วในฝรั่งเศส และผู้ป่วยก็ได้แสดงให้เห็นถึงอำนาจในการหยั่งรู้ของตนเองได้ เคซีจึงตัดสินใจทดลองตามที่ ดร.แคว็กเคนบอสเสนอ โดยไปขอความช่วยเหลือจากนักสะกดจิตที่ชื่อ แอล เลน(Al Layne)มาทำหน้าที่นี้
ตอนที่ยังเด็กเคซีมักจะหลับ โดยหนุนศีรษะไว้กับหนังสือเรียน เขาได้พัมนาความจำแบบที่เหมือนกับจำลองภาพถ่าย ซึ่งทำให้เขาจำเนื้อหาของหนังสือไว้ได้ ในทำนองเดียวกับการเห็นในภาพถ่ายในสมอง คือ จำได้เหมือนกับมองภาพถ่ายอยู่ คนที่มีความจำแบบจำลองภาพถ่ายนี้ จะจำได้โดยไม่ต้องเข้าใจ เช่น เมื่อจำตัวหนังสือในหน้าหนังสือหน้าหนึ่งที่เขียนในภาษาอื่นที่อ่านไม่ออก คนที่มีความจำเป็นแบบจำลองภาพถ่ายนี้จะสามารถเขียนข้อความในหนังสือหน้านั้นได้ทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจเลย อาจจะรู้เฉพาะภาษาอังกฤษหรือภาษาอะไรที่ตัวพยัญชนะเหมือนกันเพียงแค่นั้น
แต่นักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อได้ให้คำยืนยันว่า ความจำแบบจำลองภาพถ่ายนั้นไม่มีจริง ไม่มีใครจะมีความจำแบบนี้ได้ มันเคยมีในนิยายวิทยาศาสตร์ แต่ไม่เคยปรากฏเป็นความจริง แต่คนก็มักจะเชื่อกันว่า คนมีความจำอย่างนี้มีจริงๆ แต่จริงๆ แล้วเป็นไปในทำนองอุปมาอุปมัยเวลาที่พูดถึงคนฉลาดปราดเปรื่อง มีเหมือนกันที่เขาจะพูดกันว่า คนนั้นคนนี้มีความจำแม่นราวกับมี photographic memory ทีเดียว กรณีนี้มักจะเป็นความจำอย่างพวกแผนภูมิกราฟ ฯลฯ
เคซีได้สะกดจิตตัวเองให้หลับ อย่างที่เคยทำในสมัยเด็กเวลาจะท่องจำตำราในวันที่ 31 มีนาคม ค.ศ.1901 โดยให้แอล เลน มาอยู่ด้วยเพื่อคอยตั้งคำถาม เมื่อแอล เลน เห็นว่าเขาหายใจลึกๆ และร่างกายผ่อนคลายเหมือนหลับไปแล้ว เขาจึงบอกให้เคซีดูร่างกายตัวเองแล้วบรรยายถึงปัญหาที่คอหอยของเขา และบอกให้พูดด้วยเสียงปกติ
เคซีเริ่มพูดพึมพำฟังไม่ถนัดหลังจากที่เลนบอกสักสองสามนาที เขากระแอมเพื่อให้คอโล่ง แล้วเริ่มพูดด้วยเสียงที่ชัดเจนเป็นธรรมชาติว่า “ครับ เราเห็นร่างแล้ว” แล้วก็บรรยายถึงปัญหาพร้อมกับวิธีแก้ไขด้วย หลังจากนั้น เอ็ดการ์ เคซี ก็พูดได้ดีเหมือนอย่างเก่า แล้วเริ่มอาชีพในการเป็นคนอ่านจิต หรือนั่งทางใจ(clairvoyant)
เคซีให้การวินิจฉัยโรคโดยมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรไว้กว่า 30,000 ครั้งหลังจาก 43 ปีที่ผ่านมา และในวันที่ 3 มกราคม 1945 เขาก็ได้ถึงแก่กรรมลง บันทึกของเขาเกี่ยวกับการวินิจฉัยโรคก็ได้ถูกจัดส่งไปให้กับสมาคม Association for Research and Enlightenment(A.R.E.) ในเวอร์จิเนีย บีช มลรัฐเวอร์จิเนีย
นอกจากนั้นแล้วยังมีรายงานฉบับสมบูรณ์ที่มีคำยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรของผู้ป่วยกับรายงานของแพทย์ที่ยืนยันความถูกต้องในการวินิจฉัยโรคของเคซีอีกจำนวนหลายร้อยฉบับ และได้เป็นพื้นฐานของการบำบัดรักษาโรคตามแบบของเอ็ดการ์ เคซี หรือเคซีบำบัด
วิธีการบำบัดรักษาโรคตามแบบของเคซีนั้น ใช้วิธีการต่างๆ มากมาย ตั้งแต่การดัดตน การดัด-ดึงกระดูกข้อต่อ การนวด การออกกำลังกาย การใช้อาหารและหลักโภชนาการแบบพิเศษ วารีบำบัดทุกรูปแบบ การอบความร้อน การอบควัน การฉีดชำระล้างลำไส้ใหญ่ การใช้สิ่งต่างๆ มาประคบ การใช้ไฟฟ้าบำบัด และกระทั่งการใช้ยาและการผ่าตัดตามหลักการแพทย์แผนปัจจุบัน
นอกจากนี้เขายังใช้สมุนไพรมากชนิด รวมทั้งใช้สารเคมีธรรมดาสามัญ เช่น กำมะถัน ครีม ออฟ ทาร์ทาร์ น้ำมันนานาชนิด แสงสว่าง สี รวมทั้งสิ่งประดิษฐ์ที่เขาคิดทำขึ้นมาเอง
ปรัชญาเกี่ยวกับสุขภาพของเคซี ยึดหลักองค์รวมโดยแท้ นั่นคือ การทำให้คนสบายดีและหาสาเหตุของความเจ็บไข้ได้ป่วย มิใช่แค่เพียงรักษาอาการต่างๆ ที่ปรากฏออกมาให้มันหายไปเท่านั้น แต่เป็นการรักษาร่างกายทั้งหมดให้ดี การอ่านจิตหรือนั่งทางในมีข้อแนะนำมากมายที่เกี่ยวข้องกับการบำบัดรักษาโรคชนิดที่ผู้ป่วยเข้ารับผิดชอบในเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
การบำบัดรักษาอื่นๆ เช่น การนวดหรือการจับเส้น ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความช่วยเหลือจากคนอื่นก็อาศัยการช่วยให้ร่างกายช่วยตนเอง การบำบัดรักษาตามแบบของเอ็ดการ์ เคซี เกี่ยวข้องกับวิธีการที่คนเราจะสามารถนำไปใช้ในการสร้างความมั่นคงสมดุลทางกาย ความคิดและจิตวิญญาณได้
ทุกวันนี้ในฟีนิกซื รัฐอาริโซน่า มีคลินิก เออาร์อี.(A.R.E.) ที่ใช้แนวคิดในการรักษาเยียวยาจากตำราของเอ็ดการ์ เคซี มาเสริมการรักษาตามหลักการแพทย์แผนปัจจุบัน การจะใช้วิธีการของเอ็ดการ์ เคซี ในการรักษาตัวเองนั้นแนะนำให้อ่านหนังสือที่ดีเยี่ยมที่มีชื่อเรื่องว่า The Edgar Cayce Handbook for Health Through Drugless Therapy ของ ดร. ฮาโรลด์ เจ. ไรล์ลี(Harold J. Reilly) ของสำนักพิมพ์ A.R.E. Press ซึ่งตีพิมพในปี 1975 และที่สำนักงานใหญ่ของเออาร์อี ที่เวอร์จิเนีย บีช ยังมีสถาบันแมสโซเธราพี(Massotherapy) ของไรล์ลี ตั้งอยู่ด้วย
ดร.ไรล์ลี เป็นนักกายภาพบำบัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดคนหนึ่งในโลก และยังเป็นผู้สนับสนุนการบำบัดรักษาโรคแบบธรรมชาติโดยไม่ใช้ยาด้วย เป็นเวลา 15 ปี ที่เขารักษาผู้ป่วยที่เอ็ดการ์ เคซี ส่งมาให้ด้วยตนเอง จนกระทั่งเคซีถึงแก่กรรม เขาใช้วิธีการรักษาแบบของเคซีต่อมาอีก 30 ปีที่คลินิกของเขาในนิวยอร์ค จนกระทั่งเกษียณอายุจากงาน
ข้อมูลที่มีค่าของเคซีที่บันทึกเอาไว้นับพันๆ ชิ้น ได้รับการแยกแยะและจัดทำดัชนีค้นเรื่องเอาไว้แล้ว ซึ่งมีให้อ่านที่เออาร์อี. ในเวอร์จิเนีย บีช
เรียบเรียงโดย:สุวิชญ์ ปรัชญาปารมิตา