สำหรับผู้ใส่ใจในการรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

สิ่งแวดล้อมกับสุขภาพและคุณภาพชีวิตของคนไทย

ดูหัวเรื่องแล้วสะท้อนถึงคุณภาพของสิ่งแวดล้อมในบ้านเมืองเรา ที่มีอิทธิพลต่อสุขภาพของคนไทย และเป็นผลส่งไปถึงคุณภาพชีวิตความ เป็นอยู่ของเรา ปัจจัย 4 อันเป็นความจำเป็นในการดำรงชีวิตขั้น พื้นฐานให้ดีที่สุด เหมาะกับโบราณกาล ซึ่งสังคมไม่ยุ่งเหยิงอย่างปัจจุบันนี้ เพราะสมัยก่อนนํ้า อากาศ ป่า ดิน ยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ เรียกว่า เป็นป่าดินพรมจารีย์ อากาศก็บริสุทธิ์กว่า อาหารก็ไม่มีสารปน เปื้อน สถานที่อยู่อาศัยก็อาศัยธรรมชาติช่วยอย่างมาก อยู่ง่ายๆ กินง่ายๆ ยาก็เป็นยาขอและหมอวาน มะเร็งจึงไม่เป็นที่รู้จักกันในหมู่ของคนไทย เมื่อ 50 ปีก่อน ชาวบ้านอยู่กันแบบเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน ไม่มี พิษเป็นภัย อากาศก็เย็นสบายไม่ร้อนอย่างเช่นทุกวันนี้ เรียกว่าคุณภาพชีวิตค่อนข้างจะดี ปัจจุบันการเจริญทางวัตถุมีมากขึ้น ประชากรมากขึ้น จึงมีมลพิษเพิ่มขึ้นทั้งจากภาคเศรษฐกิจและสังคม และอากาศเป็นพิษ

ทุกคนมีส่วนรับผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของตนเอง กล่าวคือ ทุกคนทุกอาชีพหนีการหายใจเอาควันพิษไม่ทัน โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ แม้ในต่างจังหวัดก็หนีไม่ทันควันพิษจากการเผาป่า เผาไร่นา พ่นยาฆ่า แมลง กินอาหารผลไม้ที่เต็มไปด้วยสารพิษนาๆ ชนิด เช่น ดื่มนํ้าไม่บริสุทธิ์ อาบน้ำสกปรกปนเปื้อนจากแม่น้ำลำคลอง สูดหายใจเอาอากาศจากการเน่าเสียจากแหล่งนํ้าเสียและไอควันจากโรงงานอุตสาหกรรม ต่างๆ ซึ่งทำให้คาร์บอนไดออกไซด์สูงขึ้น ชั้นโอโซนถูกทำลายไป แสงรังสีอุลตร้าไวโอเลต ก็ส่องสู่โลกมากขึ้น เหล่านี้ส่งเสริมให้มีอากาศร้อน หิมะละลายลงสู่มหาสมุทรทำให้ระดับนํ้าสูงขึ้นท่วมแผ่นดิน แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด พายุใหญ่ ภัยแล้ง อุทกภัยเป็นต้น เหล่านี้พลอยทำให้คุณภาพชีวิตเลวลง หงุดหงิด ใจร้อน ขาดความยั้งคิด อิจฉาริษยา แย่งอำนาจด้วยโมหจริต แทนคัมภีรภาพ ยิ่งบ้านเราเป็น เขตร้อนก็ยิ่งทำให้คุณภาพเลวลงกว่าชาติเมืองหนาว คนจนจะยิ่ง เลวร้ายลงไปอีก แต่ท่านที่มีฐานะดีก็จะเดือดร้อนน้อย ในเรื่องความสะดวกสบาย แต่ท่านก็หนีความสบายใจไม่ได้ เพราะท่านจะอยู่ในแวดวงของสิ่งแวดล้อมที่เลว อยู่ท่ามกลางคนจน อยู่ท่ามกลางสลัม ความสกปรกของบ้านเมือง ความเน่าเปื่อยที่ไม่น่าอภิรมย์ และควันพิษ และความเกรงกลัวต่อโจรผู้ร้าย ต้องนอนในกรงเหล็ก แม้ท่านจะมีอาหารที่คิดว่าอุดมด้วย หมู เห็ด เป็ด ไก่ อาหารระดับฮองเฮา นั้นก็คือท่านกำลังทำลายชีวิตตัวเองด้วยโรคร้ายในอนาคตอันใกล้และท่านกลับอายุจะสั้นกว่าคนจนเสียอีก

ปัจจุบันนี้อันตรายในบ้านของเรามีโรคจากอุบัติเหตุและโรคหัวใจ โรคมะเร็งมากที่สุด โรคเหล่านี้เกิดจากตัวท่านที่เกี่ยวข้องกับงานทั้งนั้น อุบัติเหตุเกิดจากโรคความเครียด ทำให้หงุดหงิด รีบเร่ง เลินเล่อ ต่างๆ ยาม้า ยาเสพติด จิปาถะ มันโยงใยถึงกันทั้งนั้น ส่วนโรคมะเร็งเกิดจากการสูดควันพิษก่อให้เกิดมะเร็งปอด ซึ่งทุกคนมีสิทธิ เพราะการสูดนั้นทุกวันและทั้งวันอยู่แล้ว และจากอาหารก็ได้พิสูจน์กันแล้วว่า อาหารมีสารเคมีปน ก่อให้เกิดมะเร็งโดยเฉพาะในเนื้อสัตว์ใหญ่ๆ ก่อนจะตายเพราะถูกฆ่า มันจะมีความเครียดจะปล่อยสารต้นกำเนิดมะเร็งไว้ในกล้ามเนื้อ ก่อให้เกิดมะเร็งในผู้บริโภค และความเครียดในคนก็เสริมให้เกิดมะเร็ง ได้พิสูจน์กันโดยพบว่าให้หนูกินสารก่อให้เกิดมะเร็งจะเป็นโรค แต่หนูที่ไม่เครียดกินสารมะเร็งเหมือนกัน แต่ไม่เกิดมะเร็ง โรคหัวใจก็ตายกันบ่อยจากอาหารสารไขมัน และความเครียด จึงเห็นว่าอาชีพทุกอาชีพ เกิดความเครียดทุกอย่าง และเป็นแฟคเตอร์ช่วยก่อให้เกิดทั้ง อุบัติเหตุ โรคหัวใจ และมะเร็ง นอกจากนั้นบุคคลที่คลุกคลีกับสารเคมีต่างๆ หรืออาจจะได้รับสารเคมีโดยอ้อมในระยะเวลาหนึ่ง ก็มีผลให้เกิด เป็นพิษและมะเร็งได้ในอนาคต

ทุกวันนี้ คุณภาพชีวิตของคนไทยโดยส่วนรวมยังไม่ค่อยมีความมั่นคงมากนัก โดยเฉพาะลูกจ้าง และอาชีพอิสระระดับล่างพ่อค้าเร่ กลุ่มลูกจ้างรายวัน ส่วนกลุ่มโรงงานส่วนใหญ่จะดีขึ้นบ้าง เพราะสวัสดิการ โรงงานพอครอบคลุมได้ดีกว่าก่อน ยามเจ็บไข้ทั้งในและนอกเวลาทำงานยังมีสวัสดิการคุ้มครองบ้าง แต่กลุ่มพ่อค้าเร่ กรรมกร  ซึ่งความจริงบางกลุ่ม เป็นกลุ่มมีรายได้ดีกว่ากลุ่มลูกจ้างบริษัทแต่ไม่มีองค์กรหรือสภาบันรองรับให้ดีพอจึงรู้สึกว่าถูกทอดทิ้งจากรัฐ ต้องเก็บเงินไว้ตอนเจ็บป่วย ยามชรา ถ้าหากจัดระบบมาครอบคลุมก็คงจะดีขึ้น องค์กรที่จะรองรับคนกลุ่มนี้ได้ก็คือ องค์กรประกันชีวิต สุขภาพและระบบเครดิต และภาษี น่าจะจัดให้คนกลุ่มที่มีทางเลือก เช่นถ้ามีหลักฐานการเสียภาษี รัฐก็จะจัดสวัสดิการให้ เป็นต้น จัดสร้างระบบบัตรเครดิตให้คลุมกลุ่มคนนี้ให้ได้ โดยระบบธนาคารออมสินและธนาคารพาณิชย์ลดเพดานลงมา จะช่วยให้คนรักษาเครดิตตนเอง ใช้ระบบเงิน เชื่อ ซื้อ เช่า ของอุปโภคบริโภคที่จำเป็นได้ ในระยะต้นเมื่อครบระยะเวลาหนึ่ง 5-10 ปี ก็คงสร้างคนให้รู้จักเครดิตและจะมีคุณภาพได้ ถึงเวลานั้น เขาก็สามารถมีบ้าน คอนโดมิเนียม เป็นที่อยู่ของตนเองได้เต็มที่ เป็นการยกระดับคนงานระดับต่ำขึ้นมาได้ พอเป็นประชาชนอาวุโสก็คงมีหลักฐานมั่นคงแล้วไม่เป็นภาระของลูกหลานจน เกินไป จะทำให้คุณภาพชีวิตบั้นปลายดีขึ้น คุณภาพของคนดีขึ้น เพราะระบบเครดิตสร้างคนขึ้นมา สิ่งเหล่านี้พบเห็นในต่างประเทศ เพราะเมื่อแรกไปก็จนกรอบแกรบ เหมือนกัน แต่พอสร้างเครดิตได้ ทุกอย่างก็ทำให้คุณภาพการกินอยู่ดีขึ้นทันตาเห็น

ในฐานะประชาชนรุ่นเริ่มอาวุโสมองเห็นสิ่งที่ช่วยกันได้บ้าง เพื่อชลอการทำลายสิ่งแวดล้อม หรืออนุรักษ์ไว้ให้ลูกเราหลานเราในอนาคตได้พบกับสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น นั้นก็คือการพัฒนาคน สื่อเหล่านี้ต้องเริ่ม ตั้งแต่พัฒนาลูกหลานเราให้ดี อาศัยสื่อมวลชน โทรทัศน์รณรงค์ให้ เยาวชนตั้งแต่ระดับอนุบาลมาทีเดียว ให้เป็นคนที่มีคุณภาพ สื่อที่ผู้ใหญ่สร้างในวันนี้ บ้านเราไม่ค่อยเป็นสื่อสร้างสรรค์ เอาแต่บันเทิงหรือไม่ก็วิชาการ จำมากเกินไป สื่อที่ดีนั้นต้องสร้างสรรค์ สอดแทรกไว้ตลอดเวลา ผู้ใหญ่ต้องคิดเป็นชี้แนะเป็น ผมได้ไปดูภาพยนต์เรื่อง J.F.K อาจมองได้จุดหลายจุด โดยเฉพาะเรื่องการต่อสู้ในทางการเมือง เรื่องการแสวงหาข้อเท็จจริง ความยุติธรรม และสิ่งสำคัญที่ผมมองเห็นคือ เขาจะแทรกความสำนึกของผู้ใหญ่ต่อเยาวชน ชี้ให้เห็นถึงการขัดแย้งของที่พ่อลดการเอาใจใส่ดูแลครอบครัว นึกถึงแต่งานแต่ตัวพ่อกลับชี้ว่า

ที่เขาทำไปนั้นก็เพื่อให้ลูก ภรรยา ได้อยู่ในสังคมที่ถูกต้อง อิสระ เสรี จนทำให้แม่มีสำนึกต่อครอบครัวที่จะให้การต่อสู้เพื่อคนเหล่านั้น ชี้ให้เห็นว่า เขาต้องสร้างให้ผู้ใหญ่ว่าต้องสู้ เพื่อคนรุ่นลูก ทำตัวอย่างให้คนรุ่นลูกได้เห็น และสนับสนุนให้คนรุ่นลูกสู้ต่อไปอีก จนกว่าจะได้มาซึ่งอนาคตที่ดี เคยดูเรื่อง Bamby กวางน้อย ทรามวัยกับอ้ายตูบ เพื่อนตาย เพื่อนแท้ เหล่านี้แสดงออกถึง สิ่งน่ารักน่าหวงแหนในธรรมชาติชี้ให้เห็นเชิงลีลาน่ารักของสัตว์โลกที่มีต่อลูก ความห่วงใยของพ่อแม่ ผู้ใหญ่ต่อผู้น้อย และธรรมชาติต่อการที่ควรน่าอนุรักษ์

สิ่งเหล่านี้ เป็นสื่อที่ดี ที่น่าจะทำเผยแพร่ และจัดทำคำบรรยายชี้แนะให้ลูกหลานเราเห็น เข้าใจ ต่อความน่ารักของสิ่งแวดล้อม จะได้เป็นการหล่อหลอมจิตใจเด็กให้สะอาดบริสุทธิ์ มองโลกในแง่ดีหลายๆ อย่าง เป็นอุทาหรณ์สอนใจ และฝังลึกในความรู้สึกแรกรับของ เด็ก แต่บ้านเรากลับละเลย แม้จะโฆษณาก็ใช้คำว่า “ไม่เอา”  “ไม่กิน” อันเป็นลักษณะเด็กดื้อเป็นแม่แบบให้เยาวชน ในฐานะที่สมาคมอาชีวเวชศาสตร์ และสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย น่าที่จะต้องเป็นหู เป็นตาแทน สำรวจและชี้แนะ สิงเหล่านี้ร่วมกับองค์กร การศึกษาสื่อโทรทัศน์ทุกช่อง และ ก.บ.ว. นำเสนอสิ่งแวดล้อมที่เป็นประโยชน์ และที่เป็นพิษเป็นภัยให้ประชาชนรู้ เป็นการป้องกันมากกว่าการแก้ปลายเหตุของสาธารณสุข และผลที่ได้ก็คือ จะให้มีความสำนึกต่อความสำคัญของสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นและทำให้สุขภาพดีทั้งกายและใจ ก็จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของลูกหลานเราต่อไป

ที่มา:นายแพทย์บรรหาร ลิ้มสุวรรณ

↑ กลับสู่ส่วนบนของหน้า