สำหรับผู้ใส่ใจในการรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

การปั้นเนื้อเยื่อระดับลึกเพื่อรักษาโรค

การปั้นเนื้อเยื่อระดับลึก(Deep Tissue Sculpting)
เป็นรูปแบบหนึ่งของการนวดเนื้อเยื่อระดับลึกที่มีการบีบอย่างมั่นคง สม่ำเสมอ และการถูไปตามแนวขนานของเส้นใยกล้ามเนื้ออย่างมีลักษณะเฉพาะ

การสัมผัสนี้จะมีประสิทธิภาพในการช่วยบำบัดรักษาโรคในลักษณะที่หยั่งลึก ก่อให้เกิดการผ่อนคลายความตึงของกล้ามเนื้อที่มีมาอย่างเรื้อรัง รวมทั้งอาการเจ็บและความผิดปกติที่เนื้อเยื่ออ่อนๆ ด้วย

แคโรล ออสบอร์น-ชีทส์(Carol Osborne-Sheets) เป็นผู้ที่พัฒนาการปั้นเนื้อเยื่อระดับลึกขึ้นมา เธอเกิดที่นิวออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียน่า สหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ.1949 และในปี 1971 ได้เรียนจบจากมหาวิทยาลัยลุยเซียน่า เธอได้ไปสอนวิชาภาษาอังกฤษและวารสารศาสตร์ให้กับนักเรียนโรงเรียนมัธยม ด้วยอาศัยปริญญาในด้านการศึกษาศาสตร์นี้

ในปี 1972 ออสบอร์น-ชีทส์ ได้รู้จักกับการนวดอย่างไม่เป็นทางการเป็นครั้งแรก มันเริ่มต้นด้วยสิ่งที่เธอเรียกว่า “สัมพันธ์สวาทกับกายวิภาคมนุษย์” เพราะการดื่มด่ำกับโครงสร้างทางกายของชายคนรัก รวมทั้งกระดูกของเขา เธอได้สำรวจกล้ามเนื้อของเขาในส่วนลึกๆ ตลอดจนส่วนโค้งส่วนโหนกของโครงกระดูกของร่างกายของเขาทั้งหมด และเธอก็ได้พบว่า ผิวหนังและกล้ามเนื้อของเขาดูจะละลายและเปิดแยกออกอยู่ใต้สัมผัสของเธอเมื่อเธอออกแรงกดในแบบหนึ่ง และเธอก็สามารถเข้าถึงร่างกายของเขาส่วนที่อยู่ลึกลงไปยิ่งกว่านั้นได้อีก

เธอได้ดำเนินด้านกายวิภาค และได้ขยายออกไปถึงเพื่อนบ้านและคนในครอบครัว และเพื่อจะได้เรียนรู้ถึงสิ่งที่เธอกำลังสำรวจอยู่ให้มากยิ่งขึ้น เธอก็ได้ลองนวดกับตัวเองและศึกษาตำรากายวิภาคต่างๆ ในขณะที่การสำรวจกายดำเนินไป

ขณะที่ออสบอร์น-ชีทส์ สำรวจกระดูกผ่านทางกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ นี้ ก็ได้ค้นพบว่า การสัมผัสในรูปแบบหนึ่งจะเป็นสาเหตุให้กล้ามเนื้อเกร็งตัว แต่ถ้าสัมผัสในอีกแบบหนึ่ง ก็จะทำให้กล้ามเนื้อละลายหายไปกับการสัมผัสของเธอ

เธอได้ค้นพบอีกในเวลาต่อมาว่า เมื่อสัมผัสร่างกายในบางแบบจะทำให้อารมณ์ถูกระบายออกไป ผู้ที่ถูกสัมผัสจะรู้สึกผ่อนคลายและสงบอย่างลึกซึ้ง เธอจึงคิดว่าสิ่งที่ทำอยู่อาจจะเป็นการนวดในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง

แม้ออสบอร์นจะเคยฝึกเกสตัลท์(Gestalt) มาเมื่อหลายปีก่อน แต่เธอก็ยังกลับไปเรียนทบทวนตั้งแต่เริ่มแรกใหม่อีกครั้งที่ศูนย์แห่งหนึ่งในนิวออร์ลีน และได้นำเอาหลักเกสตัลท์มาประสานกับการนวดเนื้อเยื่อระดับลึก ซึ่งเป็นการประสานการนวดเข้ากับงานด้านอารมณ์ หลังจากนั้นเป็นต้นมาในตอนค่ำเธอก็ได้ทำงานเป็นผู้บำบัดด้วยวิธีการของเธอ และยังคงเป็นครูสอนเด็กนักเรียนมัธยมในช่วงกลางวันต่อไป

ออสบอร์น-ชีท ได้เรียนรู้ว่า สถาบันอาริก้า(Arica) ในนิวออร์ลีนส์ กำลังสอนการนวดแบบที่เรียกว่า ชัว กะ(Chua-Ka) ในปี 1974 ซึ่งเป็นสิ่งที่คล้ายคลึงกับที่เธอทำอยู่ ข้อมูลเกี่ยวกับเทคนิคการนวดตัวเองที่เก่าแก่เป็นร้อยๆ ปีนี้ ได้ช่วยเสริมสิ่งที่ค้นพบด้วยตัวเองมาแล้วด้วยความช่วยเหลือของเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่ชื่อ แบรี่ กรีน(Barry Green) โดยเธอได้นำเอาแง่มุมจากงานของเธอเข้ามาประกอบจนเกิดเป็นรากฐานสำหรับการพิจารณาการนวดที่เธอได้นำมาใช้ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา

ในปี 1976 หลังจากที่ย้ายมาอยู่ที่ซานดิเอโก้ เพื่อจะได้ทำงานด้านบำบัดทางกายและจิตที่เธอรักแบบเต็มเวลา และเพื่อสนองความสนใจอยากรู้ของตัวเอง เธอจึงได้ไปศึกษาไท้เก๊ก และหัดนวดตามแบบของสวีเดนและอีซาเลน เข้าหลักสูตรกายภาพบำบัดแบบรอล์ฟ และฝึกการเคลื่อนไหวของข้อต่อในแบบลึกกับนายแพทย์มิลตัน เทรกเกอร์(Milton Trager)

เธอกับแบรี่ กรีน ได้ร่วมกันก่อตั้งสถาบันการสร้างความสมดุลทาง

โครงสร้างของจิต(Psycho Structural Balancing หรือ IPSB) ขึ้นมาในปี 1977 ต่อมาภายหลังสถาบันนี้ได้เปลี่ยนไปเป็นโรงเรียนการนวดอาชีพนานาชาติ(International Professional School of Bodywork) ในตอนนั้น ชื่อ “การปั้น” ถูกนำมาใช้กับระบบการนวดเนื้อเยื่อในแบบลึกอีกแบบหนึ่ง ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ได้มาจากการสังเคราะห์สิ่งต่างๆ ที่ทั้งสองคนนี้สำรวจมา

และที่สถาบันนี้ออสบอร์น-ชีตส์ ก็ได้สอนเทคนิคการนวดแบบปั้นหรือขยำเนื้อเยื่อระดับลึกรวมทั้งการนวดในแบบที่ประสมประสานกันเป็นอันหนึ่งกันเดียวกันกับการนวดสำหรับปีที่คลอดบุตรทั่วสหรัฐฯ และยุโรปด้วย

เทคนิคที่ใช้ในการปั้นเนื้อเยื่อระดับลึก ก็มีจุดมุ่งหมายที่จะนวดให้ลึกลงไปกว่าระดับผิว เข้าไปถึงโครงสร้างของระบบกล้ามเนื้อ-กระดูกรวมทั้งเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อส่วนที่ต่อเนื่องกันเช่นเดียวกับวิธีการนวดเนื้อเยื่อระดับลึกอื่นๆ

กล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายจะถูกล้อมรอบ แทรก และครอบคลุมไปด้วยเนื้อเยื่อส่วนที่ต่อเนื่องกันหรือเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน มันประกอบไปด้วยสารที่มีสถานะกึ่งของเหลวที่เป็นพื้นรองรับอยู่ข้างล่างกับเส้นใยสองประเภท เมื่อใช้แรงกดหรือปั้นกล้ามเนื้อ องค์ประกอบที่เป็นเส้นใยในเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ก็จะรับแรงกดหรือบีบนั้นไปเป็นอันดับแรก และจะสปริงตัวกลับมาหากว่าปล่อยแรงกดนั้นเร็วๆ หากยังออกแรงกดต่อเนื่องไปสัก 30-90 วินาที สารที่เป็นพื้นรองรับก็จะรับเอาแรงนั้นไปและกลายเป็นสิ่งที่สามารถเคลื่อนที่ได้และก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างถาวรในเนื้อเยื่อขึ้น เนื้อเยื่อจะไม่สปริงตัวกลับอย่างสมบูรณ์แม้จะคลายแรงกดแล้ว และจะเป็นอย่างที่ได้ปั้นเอาไว้

ผู้ปั้น จะต้องใช้ปลายนิ้ว ข้อนิ้ว ข้อศอก ต้นแขน ส้นมือ หรือส่วนที่มีกระดูกอื่นๆ ของร่างกายเป็นเครื่องมือการปั้นเนื้อเยื่อระดับลึกจึงจะทำให้ไปถึงชั้นที่ลึกลงไป และต้องใช้ประกอบกับการนวดในแบบอื่นๆ จึงจะมีประสิทธิภาพมากที่สุด

การปั้นเนื้อเยื่อระดับลึกโดยปกติแล้วจะไม่มีการใช้น้ำมัน แต่อาจจะมีกรณีการใช้น้ำมันเมื่อนวดกับคนที่แห้งมากหรือขนดกมาก ในคนที่ขนดกการใช้น้ำมันก็จะใช้ที่ขนไม่ใช่ที่ผิว

ประโยชน์จากการปั้นเนื้อเยื่อจะสามารถบรรเทาความตึงเครียดในกล้ามเนื้อที่ตึงอย่างเรื้อรังเพราะความบาดเจ็บ เพราะอารมณ์เสีย หรือเพราะเคลื่อนไหวซ้ำซาก เช่น ในกรณีของผู้ที่ทำงานประกอบชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่ต้องทำงานซ้ำซาก หรือนักกีฬาที่ต้องออกแรงหนัก หรือคนขว้างลูกเบสบอล เป็นต้น

ในการบรรเทาความเครียดทางอารมณ์ที่ค้างคาอยู่ในร่างกาย ความเจ็บปวดเรื้อรังที่มีสาเหตุมาจากความเจ็บปวดทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นเพียงหนเดียวหรือเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก การปั้นเนื้อเยื่อระดับลึกนี้จะใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากเป็นพิเศษ

คุณสมบัติในด้านศิลปะหรือที่เกิดจากลางสังหรณ์ยังถูกนำมาใช้ร่วมกับการนวดแบบการปั้นเนื้อเยื่อระดับลึกนี้ด้วย เพื่อทำให้ร่างกายได้ตอบสนองทางกายภาพ รวมทั้งตอบสนองทางอารมณ์ จิต และจิตวิญญาณ

ร่างกายของผู้รับการนวดจะถูกปรับให้มารับสารจากเนื้อเยื่อในขณะที่หมอนวดแบบปั้นใช้แรงกดส่วนนั้น ซึ่งข้อมูลที่เกี่ยวกับความตึงเครียด การต้านทาน และลักษณะที่ระบายออกมาจะเผยมาจากกล้ามเนื้อนั้น

หมอนวดเนื้อเยื่อระดับลึกเริ่มต้นการสร้างจินตภาพของร่างกายที่จะนวดว่าเป็นร่างกายที่ดีเยี่ยมอย่างในอุดมคติเช่นเดียวกับศิลปะ แล้วจึงออกแรงกดลงที่บริเวณต่างๆ ของร่างกาย ส่วนที่ไม่อยู่ในขอบข่ายของสิ่งที่อยู่ในอุดมคติแรงกดก็สามารถปรับให้กลับมาอยู่ในภาวะที่ประสานกลมกลืนที่ดีได้ เช่น ไหล่ที่สูง หรืออกที่แฟบ เป็นต้น

สำหรับคนที่คอเคล็ดจากการตกหมอน กระดูกสันหลังตอนล่างคด กระดูกสันหลังตอนบนไม่แข็งแรง ท่ายืนนั่งเบี่ยงเบนไปจากที่ควร กล้ามเนื้อตึงขัดเพราะเล่นกีฬา และเกิดความตึง-เกร็งของกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่มีสาเหตุมาจากปัญหาทางอารมณ์จะได้ประโยชน์มากเป็นพิเศษเมื่อใช้การนวดแบบปั้นเนื้อเยื่อระดับลึกนี้

นักจิตบำบัดมักจะนำการนวดแบบปั้นเนื้อเยื่อระดับลึกมาใช้กับผู้ป่วยด้วย อย่างเช่น คนที่เคยผ่านความเจ็บปวดในวัยเด็กตอนต้น หรือช่วงเวลาหลังจากนั้น และผู้ติดยาเสพติดชนิดต่างๆ ก็จะได้ประโยชน์จากการที่ได้ระบายพลังงานที่กักเก็บไว้ออกมาจากการสัมผัสนี้

ในสหรัฐอเมริกามีโรงเรียนสอนการนวดแบบปั้นกล้ามเนื้อในระดับลึกมากมาย ซึ่งมีทั้งหลักสูตรเร่งรัด และหลักสูตรขยาย การเรียนในระดับที่1 จะใช้เวลา 28 ชั่วโมง และใช้เวลา 36 ชั่วโมงในระดับที่ 2

หนังสือตำราเล่มหนึ่ง ที่แคโรล ออสบอร์น-ชีทส์ ได้เขียนไว้สำหรับหมอนวดอาชีพ มิใช่สำหรับคนทั่วไป มีชื่อเรื่องว่า Deep Tissue Sculping: A Technical and Artistic Manual for Therapeutic Bodywork Practitioners (การปั้นเนื้อเยื่อระดับลึก: คู่มือทางเทคนิคและศิลปะสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพการบำบัดด้วยการนวด

เรียบเรียงโดย:สุวิชญ์ ปรัชญาปารมิตา

↑ กลับสู่ส่วนบนของหน้า