สำหรับผู้ใส่ใจในการรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

การนวดแบบกดจุด(Acupressure Massage)

เป็นการนวดเพื่อการเยียวยาอาการป่วยและรักษาโรคที่เก่าแก่และเป็นที่รู้จักกันในวงกว้างมากที่สุดวิธีหนึ่ง

การนวดแบบกดจุดได้พัฒนาขึ้นมาจากการนำอาการนวดธรรมดาๆ มาประสานกับการฝังเข็ม บ้างก็ว่ามันเก่าแก่กว่าการฝังเข็มและการนวดมากมายนักโดยให้เหตุผลว่า มนุษย์เราจะพยายามแก้ไขอาการป่วยโดยสัญชาตญาณด้วยการกด ถู นวด หรือเมื่อบาดเจ็บถูกวัตถุทิ่มแทง เป็นตะคริว หรือไฟลวก เราก็จะประคองบริเวณที่เจ็บปวดเอาไว้ หรืออาจจะกดในบริเวณใกล้เคียงเพื่อให้อาการทุเลาลง

มีการพัฒนาต่อมาเรื่อยๆ เกี่ยวกับการพยายามแก้ไขอาการป่วยด้วยการบีบ กด ฯลฯ และได้กลายมาเป็นศาสตร์ในการรักษาอาการป่วยแขนงหนึ่ง และการกดจุดหรือการนวดด้วยการกดจุดก็ได้ก่อให้เกิดศาสตร์แขนงใหม่ขึ้นมาอีก คือ การฝังเข็ม

ผู้เชี่ยวชาญบางคนว่าการฝังเข็มเป็นต้นกำเนิดของการกดจุด แต่ในทางตรงกันข้ามก็มีผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ ก็ว่าการกดจุดนี่แหละที่เป็นต้นกำเนินของการฝังเข็ม

หากจะมองเพียงแค่หลักฐานอาจกล่าวได้ว่า คนจีนใช้การกดจุดมาแต่ครั้งโบราณ การกดจุดมีประวัติรากเหง้ามาจากการแพทย์แผนโบราณของจีน ซึ่งในตำราโด่งดังมักนำมาอ้างกันเสมอ นั่นคือ ฮวงตี้ นีชิง(Huang-Ti-Nei-Ching) หรือ “การแพทย์ภายในของจักรพรรดิเหลือง” กล่าวกันว่าเมื่อกว่า 4,000 ปีก่อน จักรพรรดิเหลืองครองราชย์อยู่ในสมัย 2697-2598 ปีก่อนคริสตกาล ฟังดูแล้วออกจะเหลือเชื่อที่จักรพรรดิเหลืองจะครองราชย์อยู่นานถึง 100 ปี อายุขัยของพระองค์ก็ต้องเกิน 100 ไปพอสมควร

การนวดแบบกดจุดที่ใช้กันอยู่ในสมัยนี้ จะยึดหลักเดียวกับการฝังเข็ม ซึ่งถือว่าการไหลเวียนของพลังงานชีวิตโดยปราศจากการติดขัด เป็นเป้าหมายสำคัญ ความเครียดที่เกิดขึ้นในร่างกายคือสิ่งที่ทำให้การไหลเวียนของพลังงานติดขัด

สาเหตุหลายประการที่ทำให้กล้ามเนื้อเกิดความตึง เกร็ง หรือเกิดความเครียดขึ้นมาในร่างกาย เช่น เมื่อเกิดความเจ็บไข้ได้ป่วย เมื่อได้รับบาดเจ็บหรือเมื่ออารมณ์เสีย เป็นต้น

อาการเกร็งที่กล้ามเนื้อ มีแนวโน้มที่จะสั่งสมขึ้นรอบๆ จุดต่างๆ ที่เรียกว่า “จุดกด” เป็นเหตุให้กล้ามเนื้อกลุ่มใหญ่ เกิดการหดเกร็ง ขัดขวางการไหลเวียนของพลังงานชีวิต ปกติแล้วร่างกายของคนเราจะมีอวัยวะ ต่อม และระบบการทำงานต่างๆ ในร่างกายที่ต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ทำงานอย่างมีดุลยภาพ หรือประสานกลมกลืนกันอย่างดี เพื่อพยายามรักษาสภาพที่สมดุลหรือการมีสุขภาพดีเอาไว้ แต่เมื่อร่างกายมีความผิดปกติจากอาการป่วยหรือโรคภัยไข้เจ็บ ร่างกายก็จะแก้ไขเยียวยาเพื่อรักษาความสมดุลหรือความมีสุขภาพดีเอาไว้ และเมื่อเกิดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อการไหลเวียนของพลังงานชีวิตก็จะสะดุดขึ้นมา ทำให้ร่างกายเสียสมดุล และไม่สามารถจัดการกับภาวะที่ผิดปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พลังงานชีวิตมีเส้นทางไหลเวียน ที่เรียกว่า เส้นเมอริเดียน(meridian) ซึ่งจุดกด หรือจุดฝังเข็ม ก็เป็นจุดที่อยู่บนเส้น หรือแนวเมอริเดียนนี้

การนวดด้วยวิธีการกดจุดเพื่อรักษาเยียวยาร่างกายทั้งหมด ทำในลักษณะเดียวกันกับการฝังเข็ม ซึ่งมีหลักฐานทางคลินิกบ่งชี้ว่า การใช้นิ้วกดตามจุดต่างๆ ที่ใช้ในการฝังเข็ม ในเวลาที่นานพอสมควรจะช่วยกระตุ้นอวัยวะ ต่อม และระบบต่างๆ ของร่างกายบางส่วนให้คืนสู่สมดุลได้ ช่วยบรรเทาอาการตึงของกล้ามเนื้อ การนวดวิธีนี้ จะช่วยฟื้นฟูการไหลเวียนของพลังงานชีวิตให้เดินทางได้อย่างเสรีตลอดแนวเมอริเดียนของร่างกาย เพื่อทำให้ร่างกายกลับคืนสู่สภาพปกติ

หลายๆ ทฤษฎีที่อธิบายถึงการกดจุดว่าช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้อย่างไร และจากทฤษฎีหนึ่งบอกว่า การนวดจะช่วยเพิ่มการหมุนเวียนของโลหิตและส่งผลไปสู่การกำจัดสารพิษต่างๆ ได้แก่ คาร์บอนไดอ็อกไซด์ ฮีสตามีน(histamine) และกรดแล็คติค และช่วยส่งเสริมให้มีการพาออกซิเจนและสารอาหารอื่นๆ มาหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อ ทำให้บรรเทาอาการเกร็งลงได้

การกดเป็นเวลานานๆ ที่จุดฝังเข็ม ทำให้ต่อมพิทูอิทารีในสมองได้รับการกระตุ้น อาจทำให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นโดฟิน(Endorphine) ออกมา ซึ่งเอ็นโดรฟินมีคุณสมบัติคล้ายกับฝิ่นมีหน้าที่ในการควบคุมความเจ็บปวด

จากผลการวิจัยบางชิ้นได้แสดงให้เห็นว่า จะมีการหลั่งคอร์ติโซล(cortisol) ออกมาพร้อมกับการหลั่งเอ็นโดรฟินด้วย ซึ่งคอร์ติโซลมีคุณสมบัติในการบรรเทาการอักเสบและช่วยในการเยียวยารักษาตัวเองเนื่องจากเป็นสารเคมีตามธรรมชาติของร่างกาย

ผู้ให้การบำบัดด้วยวิธีการนวดแบบกดจุด จะใช้เพียงปลายนิ้ว หรือนิ้วมือ หรือเครื่องมือปลายทื่อที่เรียกว่า “ไทชิน” กดลงที่จุดกดในแนวเมอริเดียนของผู้ป่วย การนวดวิธีนี้มีประโยชน์มากสำหรับคนที่มีอาการปวดเรื้อรัง และจุดที่จะใช้ในการกดมากมายอยู่ในวิสัยที่ตัวเราเองสามารถเอื้อมถึงได้จึงเป็นวิธีการเยียวยาชนิดใช้ช่วยตัวเองได้ด้วย

การเยียวยาด้วยการแพทย์นอกระบบจากการนวดแบบกดจุดไม่ได้นำมาใช้อย่างโดดๆ เพื่อรักษาอาการป่วย แต่จะใช้ในลักษณะเสริมกับการรักษาแบบอื่นๆ ที่เป็นการแพทย์ในระบบหรือนอกระบบ ผู้ป่วยที่มีอาการของความรู้สึกไม่สบาย อาการของโรคภูมิแพ้ ข้ออักเสบ ปวดหลัง ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะแบบไมเกรน นอนไม่หลับ ปัญหาเกี่ยวกับระบบการย่อยอาหาร ปัญหาทางด้านสูตินรีเวช ปัญหาการหมุนเวียนของโลหิต ความรู้สึกหดหู่ ซึมเศร้า อาการชำรั่ว หรือกลั้นปัสสาวะ-อุจจาระไม่ได้ สามารถรักษาอาหารป่วยเหล่านี้ได้ด้วยการนวดแบบกดจุด

มีสถาบันสอนการนวดแบบกดจุดในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีหลักสูตรขั้นประกาศนียบัตรพื้นฐาน ต้องใช้เวลาเรียน 150 ชั่วโมง เมื่อจบขั้นพื้นฐานแล้วก็อาจเรียนต่อในหลักสูตรขั้นสูงที่ต้องใช้เวลาเรียน-ฝึกอีก 850 ชั่วโมง หากมีความสนใจสามารถติดต่อได้ที่สถาบันการกดจุดในสหรัฐอเมริกา ตามที่อยู่ดังนี้
Acupressure Institute
1533 Strattuck Avenue,
Bekeley, CA 94709

การบรรเทาอาการป่วยด้วยวิธีการกดจุดอย่างง่ายๆ
1. บีบตรงจุดที่อยู่ระหว่างนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ ตรงหนังที่เชื่อมต่อระหว่างนิ้วทั้งสอง โดยกดดันไปทางนิ้วชี้ จุดนี้จะช่วยบรรเทาอาการปวด หรือเจ็บที่ใบหน้าได้เกือบทุกส่วน รวมทั้งช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะ ปวดฟัน ปวดประจำเดือน และช่วยแก้อาการท้องผูกด้วย

2. กดตรงจุดที่อยู่ใต้เข่าลงมาราว 7.5 ซม. ตรงบริเวณด้านนอกของขา เวลากดลงไปแรงๆ จุดนี้มักจะเจ็บหรือรู้สึกได้เร็วจึงหาได้ง่าย แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือกดลงที่จุดนี้นาน 5-10 นาที วิธีนี้จะช่วยในกรณีที่เด็กทารกร้องโยเยโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือที่เรียกกันว่า “โคลิก” และสามารถช่วยแก้ปัญหาเรื่องการย่อยอาหารสำหรับผู้ใหญ่ได้ด้วย

3. การกดตรงจุดที่อยู่ถัดจากข้อมือลงมาตามท้องแขนราว 5 ซม. เป็นเวลา 5-10 นาที จะช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด ซึ่งอาจจะเป็นด้วยความเครียดกระวนกระวาย เมารถเมาเรือ หรือแพ้ท้อง

เรียบเรียงโดย:สุวิชญ์ ปรัชญาปารมิตา

↑ กลับสู่ส่วนบนของหน้า