สำหรับผู้ใส่ใจในการรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

กรรมวิธีอีโกสคิวเพื่อบำบัดอาการปวดกล้ามเนื้อและกระดูก

กรรมวิธีอีโกสคิว(Egoscue Method)
เป็นการบำบัดอาการปวดกล้ามเนื้อและกระดูก และเป็นเทคนิคการฝึกเพื่อช่วยให้นักกีฬามีความสามารถในการแสดงฝีมือได้อย่างเต็มที่ ซึ่งวิธีนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักการที่ว่า ร่างกายจะทำงานได้อย่างเหมาะสมและมีสุขภาพดีอยู่ได้จำเป็นต้องมีการเคลื่อนไหว กรรมวิธีอีโกสคิวเป็นโปรแกรมการออกกำลังกายที่ช่วยให้ผู้ฝึกมีการเคลื่อนไหวอย่างเพียงพอในแต่ละวัน เพราะการทำงานและการดำรงชีวิตที่บ้านในสังคมอุตสาหกรรมสมัยใหม่ไม่สามารถจะเคลื่อนไหวร่างกายในระดับนี้ได้

กรรมวิธีอีโกสคิว เป็นเทคนิคในการวินิจฉัยโรคและบำบัดรักษาโรค วิธีนี้สามารถนำมาเพิ่มระดับพลังงาน เพิ่มสมรรถนะทางร่างกายและสมอง และปกป้องคุ้มครองการทำงานที่ผิดปกติหรือบกพร่องในอนาคต
ในช่วงระยะเวลา 20 ปี พีท อีโกสคิว(Pete Egoscue) ได้พัฒนากรรมวิธีอีโกสคิวนี้ขึ้นมา ซึ่งวิธีนี้ได้มาจากการวิจัยและการหาทางประยุกต์ใช้อย่างจริงจัง อีโกสคิวต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อพักฟื้นจากการบาดแผลที่ได้รับจากเวียดนาม ในตอนปลายทศวรรษที่ 1960 ระหว่างที่เดินไปไหนมาไหนไม่ได้นี้เขาจึงเริ่มตระหนักว่า ถ้าอยู่ในสภาพเช่นนี้ร่างกายก็จะหมดสมรรถนะการทำงานไปอย่างรวดเร็ว อีโกสคิวเกิดความสงสัยขึ้นมาว่า กระบวนการหายป่วยจะมีส่วนส่งเสริมให้ร่างกายทำงานบกพร่องหรือไม่ แม้ว่าการพักร่างกายส่วนที่ได้รับบาดเจ็บจะเป็นมาตรฐานที่ทำกันอยู่ทั่วไป

อีโกสคิวเชื่อว่า คนในสหรัฐฯ ยุโรปตะวันตก ญี่ปุ่นและส่วนอื่นๆ ของโลกอุตสาหกรรม ไม่มีการเคลื่อนไหวร่างกายมากพอ เนื่องจากเขามีประสบการณ์การทำงานในฐานะที่เป็นนักกายภาพวิทยา(anatomical functionalist) มาแล้ว โอกาสที่จะทำให้คนเราได้เคลื่อนไหวมากพอที่จะทำให้ร่างกายดำรงรักษาสุขภาพที่ดีเอาไว้ได้มีน้อยจากสไตล์การดำเนินชีวิตที่เป็นอยู่ในปัจจุบันในประเทศดังกล่าว ในอีกแง่หนึ่ง เราก็กำลัง “อดการเคลื่อนไหว” ร่างกายของคนเราและสุขภาพโดยรวมก็จะเริ่มเสื่อมโทรมลงเมื่อขาดการเคลื่อนไหว

เมื่อย้อนกลับไปจนถึงเมื่อ 10,000 ปีก่อน คนในรุ่นนั้นต้องพึ่งพาอาศัยการเคลื่อนไหวเพื่อความอยู่รอดโดยแท้ ซึ่งปัจจุบันไม่เป็นเช่นนั้น เพราะมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่ช่วยประหยัดแรงงานนานัปการที่ทำให้การเคลื่อนไหวของคนเราลดลงไปอย่างต่อเนื่องในแต่ละวัน

อีโกสคิวมีความเชื่อว่า เพื่อความอยู่รอดและเพื่อสุขภาพที่ดีร่างกายจำเป็นต้องเคลื่อนไหว เช่นเดียวกับที่ร่างกายต้องการที่อยู่อาศัย เพื่อน อาหาร และสิ่งจำเป็นในด้านชีววิทยาอื่นๆ หากร่างกายไม่ได้รับสิ่งที่จำเป็นก็จะมีการเสื่อมโทรมลง และอาจถึงแก่ความตายในที่สุด ซึ่งอาการความผิดปกติอันสืบเนื่องมาจากการขาดการเคลื่อนไหวที่อีโกสคิวมองเห็น เช่น อาการปวดข้อมือไม่สามารถหยิบจับสิ่งของได้ ขัด-เจ็บข้อศอก ปวดบั้นเอว คอเคล็ด ไม่มีแรง เล่นกีฬาอย่างที่ปรารถนาไม่ได้ และอื่นๆ อีกมากมาย

คนที่ต้องการใช้วิธีการนี้ให้ได้ผลจำเป็นต้องตระหนักว่า ความเจ็บปวดและความบกพร่องในการทำงานของร่างกาย มีสาเหตุมาจากตัวของตัวเอง มิได้เกิดจากสาเหตุภายนอก และต้องรับผิดชอบตัวเอง มิใช่ให้แพทย์ นักบำบัด หรือผู้ทำงานด้านสุขภาพอื่นใดเป็นผู้รับผิดชอบหรือต้องมาแก้ไขปัญหาให้ ซึ่งอีโกสคิวกล่าวว่าวิธีการนี้จะได้ผลทุกครั้งหากกำหนดใจไว้เช่นนี้ได้แล้ว

ในคลินิกและหนังสือเล่มใหม่เรื่อง The Egoscue Method of Healing Through Motion ของอีโกสคิวได้มีโปรแกรมในเชิงให้การศึกษาเพื่อสอนว่า กล้ามเนื้อ ประสาท และส่วนอื่นๆ ของร่างกายทำงานอย่างไร เมื่อรู้แล้วก็สามารถที่จะทำความเข้าใจกับปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้เกิดความเจ็บและการบกพร่องในการทำงานของร่างกายได้ง่ายเข้า

ส่วนในขั้นการวินิจฉัยโรค สามารถแบ่งการทำงานและทำงานบกพร่องออกได้เป็น 4 ประเภท ทุกคนสามารถจัดเข้าอยู่ในประเภทใดประเภทหนึ่งได้ทั้งสิ้น สภาพที่ 1,2 และ 3 จะสัมพันธ์อยู่กับอาการผิดปกติต่างๆ สภาพที่ 4 ที่เรียกว่า ดี-ลุกซ์(D-Lux) ได้บรรยายถึงคนที่มีเรขาคณิตของร่างกายสมบูรณ์ซึ่งหาได้ยาก และการทำให้ทุกคนเข้ามาอยู่ในประเภทดี-ลุกซ์นี้คือเป้าหมายของอีโกสคิว

เมื่อรู้ว่าสภาพร่างกายอยู่ในประเภทไหนแล้วจึงค่อยออกกำลังกายทุกวัน วันละประมาณ 1 ชั่วโมง ตามวิธีของอีโกสคิว เพื่อแก้ไขความบกพร่องในการทำงานของร่างกายและบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อและข้อต่อ การออกกำลังกายในแต่ละแบบจะประกอบไปด้วยขั้นตอนตามลำดับที่สามารถทำได้ง่าย ซึ่งได้นำมาจากเทคนิคต่างๆ 22 เทคนิค ได้กำหนดขึ้นมาเพื่อฟื้นฟูความสามารถในการทำงานที่สูญเสียไปด้วยการทำให้ร่างกายคุ้นเคยกับการเคลื่อนไหวในแบบที่ถูกต้องและออกกำลังกายในปริมาณที่ถูกต้องด้วย

สามารถหาข้อเพิ่มเติมอ่านได้จากหนังสือของพีท อีโกสคิว ที่มีชื่อว่า The Egoscuse Method of Healing Through Motion

เรียบเรียงโดย:สุวิชญ์ ปรัชญาปารมิตา

↑ กลับสู่ส่วนบนของหน้า