สำหรับผู้ใส่ใจในการรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

ระบบสืบพันธุ์เพศหญิง

ระบบสืบพันธุ์เพศหญิง ประกอบไปด้วยอวัยวะสำคัญในการร่วมเพศ เพื่อความเพลิดเพลินหรือเพื่อการสืบพันธุ์ของสตรีที่ปรากฎเกี่ยวข้องบนพื้นที่ของ “เนินสวรรค์” แยกออกได้เป็นอย่างๆ ตังต่อไปนี้

1. แคมนอกหรือแคมใหญ่หรือริมฝีปากใหญ่

จะปรากฎเป็นเนื้อนูนใหญ่อยู่ 2 ด้าน ประกอบด้วยต่อมเหงื่อและขนฝังอยู่กับไขมัน ขนาดของแคมนอกนี้จะเปลี่ยนแปลงได้คือ ตอนเด็กและตอนสูงอายุจะมีลักษณะรูปร่างเล็ก แต่จะอวบอิ่มเต็มที่ขณะอยู่ในวัยรุ่นและวัยสาว ภายในแคมนอกนี้เต็มไปด้วยเนื้อเยื่อไขมัน ถ้ามองจากข้างหน้าจะเห็นว่าทั้ง ๒ ข้างประสานบรรจบกันเป็นเนินกว้าง ครอบคลุมถึงกระดูกเชิงกราน คนยุโรปเรียกว่า “เนินวีน้ส” คนไทยเรียกว่า “เนินสวรรค์”

เนินเนื้อดังกล่าวจะมีขนขึ้นปกคลุมทั่วไป แต่บางคนมีมาก บางคนมีน้อย บางคนแทบไม่มีเลย ด้านในของแคมใหญ่จะเกลี้ยงเกลาและแยกจากกัน โดยมีร่องเล็กๆ ของแคมในกั้นไว้ ซึ่งเป็นแนวป้องกันให้แก่ช่องสังวาสตามกฎของธรรมชาติ

2. แคมในหรือแคมเล็กหรือริมฝีปากเล็ก

เป็นส่วนผิวที่บอบบาง ประกอบด้วยเนื้อเยื่อไขมันอันละเอียดอ่อน แต่ละคนมีขนาดแตกต่างกัน เมื่อเอามือแหวกแคมใหญ่ให้แยกออก ก็จะเห็นได้ชัดเจน ถ้ามองด้านตรงจะเห็นว่าแคมในนี้แยกออกเป็น 2 กลีบ ปลายกลีบด้านหนึ่งคลุมถึงตอนบนของปุ่มกระสัน อีกข้างหนึ่งอยู่ข้างใต้ ปลายกลีบตอนล่างจะบรรจบกัน ตรงที่สุดของบริเวณเนี้อที่ของอวัยวะะพศเหนือทวารหนักขึ้นไป ซึ่งจะฉีกขาดเมื่อเวลาคลอดลูก

แคมในนี้ในวัยรุ่นและวัยสาวจะถูกแคมใหญ่ที่อวบนูนปิดทับไว้จึงมองเห็นไม่ชัด แต่ตอนวัยเด็กและะตอนสูงอายุจะปรากฎออกมาให้เห็น เพราะในช่วงวัยดังกล่าวแคมใหญ่หรือแคมนอกยังไม่เติบโตและห่อเหี่ยวแล้ว

อวัยวะเพศสตรีที่เรียกว่าแคมในหรือแคมเล็กนี่แหละ เป็นอวัยวะเพศที่ไวต่อการเสียวกระสันมาก เพียงแต่บุรุษใช้อวัยวะบางส่วนไปแตะต้องสัมผัสเสียดสีเบาๆ เท่านั้น ก็จะทำให้สตรีเสียวซ่านมี ความต้องการทางเพศขึ้นได้

และเมื่อใดที่สตรีเกิดความรู้สึกกระสันเสียว ต้องการจะมีความเพลิดเพลินสุขสันต์หรรษาจากการร่วมเพศ อวัยวะแคมเล็กหรือแคมในก็จะขยายตัวเปิดออกโดยอัตโนมติ เหมือนเปิดประตูชั้นที่2 เผยให้เห็นอวัยวะเพศที่อยู่ภายในเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง

ส่วนแรกที่จะเห็นได้เด่นชัดขึ้นมากก็คือ ปุ่มเนื้อที่ตั้งอยู่ตรงตอนบนของแคมเล็กที่มาบรรจบกันอยู่ ปุ่มนื้แหละภาษาหนังสือ เรียกว่า “ปุ่มกระสัน”

3. ปุ่มกระสัน

ปุ่มกระสันนี้เป็นจุดไวต่อความรู้สึกทางเพศมากที่สุดของสตรีทุกคน (ที่เป็นปุถุชน)

ปุ่มนี้ปกติได้ถูกซุกซ่อนอยู่อย่างมิดชิด อย่างดีก็เห็นแต่ส่วนปลายนิดเดียวเท่านั้น ส่วนของลำตัวทั้งหมดจะถูกรอยพับของแคมเล็กปิดบังเอาไว้โดยการสร้างสรรค์ของธรรมชาติ

ส่วนของปุ่มกระสันทั้งหมดจะมีความยาวอย่างมากก็เพียง 1 นี้วเท่านั้น หรือหากจะยาวกว่านี้ก็อีกนิดหน่อย ซึ่งวัดเป็นความยาวชั้นมาตรฐาน ส่วนของสตรีคนใดยาวไม่ถึง 1 นิ้ว หรือยาวมากกว่านี้ถือเป็นกรณีพิเศษเฉพาะคน
ปุ่มกระสันที่ปากช่องคลอดของสตรีนี้ ทำหน้าที่คล้ายคลึงกับองคชาตของบุรุษเพศทุกอย่างแต่ย่อส่วนลงมาเหลือแค่ 1 นิ้ว ตามธรรมดาในสภาวะปกติ ปุ่มกระสันจะฝังอยู่กับผนังด้านใน แต่เมื่อถูกกระตุ้นเร่งเร้าให้เกิดความกำหนัด ความเสียวกระสันเมื่อใด ปุ่มกระสันก็จะชูชันแข็งตัวขึ้นแบบเดียวกับองคชาตของบุรุษเพศ

3. ช่องหรือรูป้สสาวะ

เป็นอวัยวะที่อยู่ต่ำจากปุ่มกระสันลงมาในบริเวณแคมเล็ก ปากช่องคลอดนั้นเองเป็นรูเล็กนิดเดียวไม่อาจจะใส่อวัยวะเพศชายเข้าไปได้คือบุรุษใดจะคิดเสพกามทางช่องนี้ไม่ได้

4. ช่องคลอดหรือช่องเสพสังวาส

อยู่ตรงกลางเหนือรูทวารหนักขึ้นไป คือ ค่อนมาทางปลายแคมเล็กด้านล่าง เป็นช่องในลักษณะเป็นกล้ามเนื้อลึกประมาณ 6-7 นิ้ว ช่องนี้สามารถขยายตัว หดตัวได้เมื่อมีการร่วมเพศ ฉะนั้นไม่ว่าองคชาตของบุรุษจะใหญ่โตหรือยาวสักเพียงใด (สำหรับปกติบุรุษ) ช่องคลอดพร้อมกล้ามเนี้อในช่องคลอดก็สามารถหดตัวขยายตัวรับการเสพสุขได้ทุกขนาด

5. เยื่อพรหมจารี

เป็นอวัยวะบางๆ อยู่ตรงปากช่องคลอด ซึ่งมีความแตกต่างทางรูปร่าง ออกมาเป็น 3 แบบด้วยกัน ตามหลักการศึกษาของแพทย์ คือ

(1) แบบเม็ดถั่ว เป็นเยื่อที่มีรูเล็กๆ พรุนไปหมด

(2) แบบแฉกดาว เป็นเยื่อที่มีรูเว่อใหญ่ช่องเดียว รูปร่างเป็นเหมือนแฉกดาว

(3) แบบฝักถั่วหรือตัวอะมีบา เยื่อจะมืรูอยู่เพียง 2 รู รูปร่างยาวรี ขนานกันตามแนวตั้ง ตามความเชื่อของคนในสมัยก่อน เชื่อกันว่าหญิงสาวที่บริสุทธิ์จริงๆ ไม่เคยผ่านการร่วมประเวณีมาก่อนเยื่อพรหมจารีจะต้องอยู่ตามปกติไม่มีการฉีกขาดจะฉีกขาดและได้ชื่อว่าเสียความบริสุทธิ์ เมื่อได้แต่งงานและร่วมประเวณีกับบุรุษคนใดคนหนึ่งเป็นครั้งแรกจึงปรากฎเห็นมีเลือดแห่งความบริสุทธิ์ออกมา เนื่องจากเยื่อพรหมจารีเพิ่งฉีกขาด

แต่ในปัจจุบัน สตรีตั้งแต่วัยรุ่นสาวมีการออกกำลังกาย มีการเล่นกีฬา และบริหารกายในลักษณะต่างๆ เพิ่มมากขึ้น เยื่อพรหมจารีจึงมักฉีกขาดไปก่อน ซึ่งถือเป็นหลักแน่นอนไม่ได้

6. มดลูก

เป็นอวัยวะขนาดใหญ่เท่ากำปั้นของคนเราซ้อนกัน รูปร่างคล้ายลูกแพร์ มีผนังหนามากเป็นเกราะป้องกันตัว ภายในจะกลวงและติดต่อกับช่องคลอดได้ทางปากมดลูก คือ ช่องคลอดหรือ ช่องโยนี ช่องเสพสังวาสไปสิ้นสุดที่ปากมดลูกและในมดลูก ประกอบด้วยเนื้อเยื่อที่มีน้ำเมือกและเส้นเลือดฝอยอยู่เป็นจำนวนมาก

หมายเหตุ

อวัยวะส่วนนี้แหละอันตรายที่สุด ในร่างกายของสตรีทุกคน เพราะเป็นอวัยวะแห่งเดียวที่อาจเป็นโรคมะเร็งได้ง่ายที่สุด

ฉะนั้นแพทย์จึงแนะนำว่า เมื่อสตรีที่มีการร่วมเพศ (รวมทั้งที่ไม่เคยมีการร่วมเพศ) มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ก็ควรจะไปทำสิ่งทีแพทย์เรียกว่า “แป๊ปเทสท์” ประจำทุกๆ ปี เพื่อป้องกันและเพื่อการตรวจหาร่องรอยของมะเร็งปากมดลูกในระยะเริ่มแรก หากพบแพทย์เขาจะได้รีบกำจัดรักษาได้ทันท่วงที

 

7. รังไข่

เป็นอวัยวะที่ติดอยู่กับมดลูกทั้งทางด้านซ้าย และด้านขวา ระหว่างรังไข่ 2 ข้าง จะมีท่อเชื่อมติดต่อกับมดลูกได้ เราเรียกว่า “ท่อนำไข่” หรีอ “ปีกมดลูก”

หมายเหตุ

รังไข่ปกติจะมีความยาวประมาณ 1 นิ้ว อวัยวะทั้ง 3 อย่างคือ มดลูก, รังไข่, ท่อนำไข่ นับว่าเป็นเครื่องเพศภายในที่สำคัญ ในการสืบพันธุ์หรือแพร่พันธุ์ของมนุษย์ หากขาดหรือไม่สมบูรณ์ ก็ไม่สามารถจะมีบุตรได้

รังไข่ของสตรีนั้นจะทำหน้าที่ของด้วเอง เมื่อเด็กหญิงเติบโตย่างเข้าสู่วัยรุ่น คือ อายุประมาณ 12 ปี มี 2 ประการ คือ

(1) ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนซึ่งเป็นสารเคมีพิเศษเพื่อการควบคุมการเจริญเติบโตของเพศหญิง คุมรอบเดือน ควบคุมการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของร่างกาย ตลอดถึงควบคุมความรู้สึกทางเพศคือกามกำหนดด้วย

(2) ทำหน้าที่ผลิตไข่อ่อนขนาดเล็กๆ เส้นผ่าศูนย์กลางเพียง 1/085 นิ้วเท่านั้น แต่แพทย์ตรวจแล้วบอกว่ายังใหญ่โตกว่าตัวสเปอร์มของบุรุษมากไข่อ่อนนี้มีความสำคัญคือเป็นตัวผสมผสานชีวิตใหม่ควบคู่กับตัวสเปอร์มเมื่อบุรุษสตรีได้ร่วมเพศกันในช่วงวังหวะที่ไข่สุก

คือเมื่อไข่แต่ละฟองสุกหรือเจริญเต็มที่ภายในรังไข่ ผนังรังไข่ก็จะแตก ไข่ก็จะตก แล้วถูกนำท่อนำไข่ของปีกมดลูกมายังผนังมดลูก เมื่อมีการผสมกับตัวสเปอร์มหรือตัวอสุจิของฝ่ายชาย ก็จะรวมตัวกันเป็นก้อนเลือด และเป็นทารกในเวลาต่อมา แต่ในช่วงที่ไข่สุกไม่มีการร่วมเพศผสมพันธุ์ ไข่ที่สุกแล้วนั้นก็จะฝ่อและไม่ยึดติดกับผนังมดลูกด้านใน ในที่สุดก็จะหลุดออกมาสู่ภายนอก ที่เรียกว่า “ประจำเดือน”

↑ กลับสู่ส่วนบนของหน้า