สำหรับผู้ใส่ใจในการรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

ทำอย่างไรให้หายเมารถ ?

การเดินทางในปัจจุบันคงไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงการเดินทางโดยรถได้ ซึ่งสำหรับคนที่มีอาการเมารถรุนแรงแล้วละก็ การขึ้นรถเป็นสิ่งที่ทรมานอย่างมากเลยทีเดียว ถึงขั้นไม่อยากจะไปเที่ยวที่ไหน

ผมเองมีอาการเมารถรุนแรงตั้งแต่เด็ก นั่งรถเมล์ประมาณ 4 ป้าย ก็เวียนหัวจะอ๊วกเสียแล้ว ภายหลังมีเหตุจำเป็นให้ต้องนั่งรถบ่อยขึ้น ทำให้เริ่มปรับตัวได้บ้าง แต่ในตอนนั้นก็สามารถนั่งได้เฉพาะรถเมล์ไม่ติดแอร์ และระยะทางก็ต้องไม่ไกลจนเกินไปนัก ถ้าเป็นรถแท็กซี่ก็ยังเมารถอยู่

ด้วยเหตุที่เมารถรุนแรง ตอนเป็นเด็กผมจึงไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหนมากนัก ทั้งกับครอบครัวและกลุ่มเพื่อน สำหรับคนที่เป็นเช่นเดียวกับผมคงรู้ว่าทำไม เพราะเมื่อนั่งรถถึงที่หมายแล้ว ผลจากการเมารถก็ยังอยู่ ยังคงเวียนหัว หมดแรง เดินเที่ยวไม่ไหว อยากนอนพักอย่างเดียว พลอยทำให้คนอื่นหมดสนุกไปด้วย

เมื่อเรียนจบ อาการเมารถตามมาส่งผลกระทบต่อการทำงาน โชคดีการเดินทางภายในประเทศด้วยระบบสายการบินต้นทุนต่ำเกิดขึ้น ทำให้ไม่จำเป็นต้องนั่งรถทัวร์ระยะไกล ๆ เหมือนสมัยก่อน (ผมเคยนั่งรถทัวร์จาก กทม. ไปหาดใหญ่ ครั้งหนึ่ง อาเจีนนตลอดทางเลย)

 

ทำอย่างไรให้หายเมารถ

จากการสังเกตพฤติกรรมของตัวเอง พบว่า

– ผมไม่เมารถ มอเตอร์ไซต์ ตุ๊กตุ๊ก และรถไฟพัดลม

– เมื่อขึ้นรถเมล์หากยืนอาการเมารถจะน้อยกว่านั่ง

– หากหิว ท้องว่าง จะยิ่งทำให้อาการเวียนหัวรุนแรงขึ้น (ตอนเด็ก ๆ ที่บ้านมักเข้าใจว่า กินไปก้อ๊วก ดังนั้นให้นั่งรถถึงที่หมายก่อนค่อยกิน ซึ่งทำให้ยิ่งเวียนหัว)

เมารถ

อาการเมารถจะประกอบไปด้วย

– เวียนหัว

– อาเจียน

– หมดแรง

 

ทำไมจึงไม่เมารถมอเตอร์ไซต์  ตุ๊กตุ๊ก และรถไฟพัดลม โดยเฉพาะรถไฟนั้นการวิ่งสั่นสะเทือน โยกไปโยกมา ตลอดแต่กลับไม่เมา ลืมบอกไปว่าปัจจุบันผมเมารถไฟฟ้าด้วย เวลาเข้ากรุงเทพแล้วขึ้นรถไฟฟ้าเวียนหัวมาก ทั้งที่วิ่งไม่โยกไปมาเหมือนรถไฟ

ผมสรุปออกมาว่าปัจจัยที่มีผลต่อการเมารถมีดังนี้

1. การมองเห็น : บนรถมอเตอร์ไซต์ ตุ๊ก ๆ และรถไฟพัดลม (ซึ่งผมชะโงกหน้าออกทางหน้าต่างดูวิวข้างนอกได้) ผมสามารถมองสภาพนอกตัวรถได้ทุกมุมมอง ทำให้อาการเวียนหัวไม่มี ต่างกับรถที่ปิดกระจกหน้าต่างรอบด้าน มองออกไปข้างนอกได้ยากจะยิ่งทำให้เวียนหัว

ดังนั้นหากได้นั่งที่นั่งข้างหน้าสุดแล้วละก็ จะช่วยบรรเทาอาการเวียนหัวได้มากขึ้น กระจกรถที่ไม่ติดฟิล์มและล้างจนใสจะยิ่งช่วยให้มองเห็นข้างนอกชัดยิ่งช่วยลดอาการเมารถ หากเปิดกระจกด้านข้างรอบ ๆ แล้วชะโงกหน้าไปมองข้างหน้าจะรู้สึกดีมาก(แต่อย่าทำเลยเพราะอันตราย)

 

2. ท่านั่ง : อย่างที่บอกไปว่าเมื่อขึ้นรถเมล์แล้วได้ยืน ผมจะมีอาการเมารถน้อยลง และเท่าที่สังเกตรถที่ทำให้มีอาการเมารุนแรงนั้น เบาะนั่งจะเป็นแบบพนักพิงเอนไปข้างหลัง และส่วนสำหรับนั่ง เอียงจากข้างหน้าที่มีระดับสูง พอไปถึงส่วนที่ติดกับพนักพิงจะต่ำลง ซึ่งอาจะเป็นเก้าอี้ที่สบายสำหรับคนไม่เมารถ แต่สำหรับผู้เมารถอย่างผมแล้ว ทำให้อาการยิ่งรุนแรง

ดังนั้นควรนั่งรถ จัดท่าทางให้ลำตัวยืดตรงมากที่สุดเท่าที่ทำได้ จะช่วยให้รู้สึกดีขึ้น

 

3. การเคลื่อนไหวของรถ : การทำมุมเลี้ยวของรถมอเตอร์ไซด์ รถไฟ รถตุ๊ก ๆ จะน้อยกว่า รถยนต์ รถตู้ รถกระบะ ทำให้เวียนหัวน้อยลง ถ้าคุณขับรถให้คนเมารถนั่ง พยายามอย่าเลี้ยวหักมุมให้มากนัก ให้ค่อย ๆ เลี้ยวตีวงกว้างเข้าไว้

การขับรถกระชาก เบรกบ่อย ไป ๆ หยุด ๆ จะยิ่งที่ให้เวียนหัวมากขึ้น  การขับช้าหรือเร็วไม่มีผลมากเท่ากับการเคลื่อนไหวที่ไม่สม่ำเสมอ

 

4. สภาพร่างกาย : หากคุณท้องว่าง จะยิ่งทำให้เมารถรุนแรงขึ้น คุณจะต้องรับประทานอาหารก่อนขึ้นรถเดินทางไกลทุกครั้ง อย่าฝืนไม่ทานอะไรเลยเพราะกลัวอาเจียนเพราะจะทำให้ยิ่งเวียนหัว

ถ้าเป็นไปได้ให้เลี่ยงอาหารที่เป็นสเ้น เพราะเวลาที่อ๊วกออกมา ค่อนข้างลำบากและทรมานมาก

 

5. กลิ่น : น้ำหอมของรถ มีผลมาก บางคนไม่ได้เมารถ แต่เจอน้ำหอมบนรถกลิ่นแรง ๆ ก็ทำให้เวียนหัวได้เช่นกัน รถที่ดีสำหรับคนเมารถ จึงควรเป็นรถที่ปราศจากกลิ่นน้ำหอม

ยาดมสามารถช่วยบรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะได้

 

6. ประสาทรับรสชาต : เมื่อคุณเวียนหัว จะทำให้คลื่นไส้ อยากอาจียน เพราะสิ่งที่อยู่ในท้องเตรียมที่จะย้อนกลับขึ้นมาทางปากแบบเดียวกับคนที่เป็นกรดไหลย้อน ที่กรดตีกลับขึึ้้นมา คุณสามารถลดอาการอาเจียนได้ด้วยการหาอะไรมากิน ซึ่งที่ได้ผลสำหรับผม คือ

– ขิง  ให้หั่นเป็นแผ่นบาง ๆ  แล้วกัดทีละนิด

– ลูกอม หากเริ่มเวียนหัวแล้ว อย่าอมทีเดียวทั้งเม็ด ทำให้แตกแล้วอมทีละส่วนเล็ก ๆ หรือไม่ก็ซื้อแบบเม็ดเล็ก ๆ อย่าอมเม็ดใหญ่

 

ทั้งหมด คือ วิธีส่วนตัวที่ผมใช้เมื่อเมารถ และช่วยให้ดีขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ตามหากคุณต้องการหายขาดแล้วละก็ คุณต้องทำตามวิธีข้างต้น แล้วนั่งรถให้บ่อยขึ้น ร่างกายจะค่อย ๆ ปรับสภาพได้เอง จนกระทั่งหายเมารถไปในที่สุด ให้เลือกนั่งรถที่คุณสามารถลงมาพักได้เมื่อเริ่มเวียนหัว จะได้ไม่ต้องกังวล

 

และวิธีที่ดีที่สุด คือ เปลี่ยนมาขับรถเอง คนที่ควบคุมรถ สายตาจะถูกบังคับให้มองไปข้างหน้าเท่านั้น การจะเลี้ยวรถ เคลื่อนไหวไปในทิศทางใด ๆ อยู่ภายใต้การรับรู้ของประสาทสัมผัส ดังนั้นจึงไม่เวียนหัวแต่อย่างใด

↑ กลับสู่ส่วนบนของหน้า