สำหรับผู้ใส่ใจในการรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

โรคลักปิดลักเปิด (Scurvy)

โรคลักปิดลักเปิด
โรคลักปิดลักเปิดหรือโรคเลือดออกตามไรฟัน (Scurvy) คนไทยเราเป็นกันไม่น้อยหากแต่ว่ารายที่เป็นมากๆ จนปรากฏอาการอย่างชัดเจนนั้นไม่ค่อยมีมากในคนทั่วไป จึงไม่ค่อยมีใครพูดกันถึงโรคนี้ บางรายจะมีอาการเป็นน้อยจนไม่ได้สังเกตหรือเอาใจใส่ บางรายอาการที่เป็นนั้น คิดว่าเป็นโรคอย่างอื่นเสียก็มาก

โรคลักปิดลักเปิดเป็นโรคที่รู้จักกันมานานแล้ว ตามประวัติโรคนี้มีอธิบายกันถึงลักษณะของโรคราวๆ ศตวรรษที่ 13 สมัยสงครามครูเสดซึ่งพวกที่ออกไปทำสงครามครั้งนั้นเป็นโรคนี้กันมาก

ประมาณ 300 ปีมาแล้ว เมื่อชาวยุโรปเริ่มเดินทางท่องเที่ยวทางทะเลไปไกลๆ เป็นเวลานานๆ กลาสีหลายคนป่วยเป็นโรคลึกลับอย่างหนึ่งชื่อโรคลักปิดลักเปิดกันมาก แต่โรคนี้จะหายทันทีที่พวกกลาสีกลับขึ้นบก แล้วได้รับประทานผลไม้และผักสด ต่อมานายแพทย์แห่งกองทัพเรืออังกฤษบางท่านได้ค้นพบวิธีแก้ไขและป้องกันโรคนี้ โดยให้นำส้มและมะนาวไปด้วยมากๆ สำหรับพวกกลาสีรับประทานในเรือก็ปรากฏว่าในการเดินเรือไกลๆ นานๆ ไม่มีใครเกิดโรคนี้ ตั้งแต่ครั้งนั้นมาพวกกลาสีที่เดินทางไกลๆ จึงมีชื่อว่า พวกไลมี่ส์ (Limeys)

ถึงตอนนี้จึงได้เกิดความรู้ใหม่ว่าโรคนี้เป็นโรคที่เกิดขึ้นเพราะขาดอาหาร โดยเฉพาะผลไม้และผักสด แต่ในครั้งนั้นก็ยังไม่ทราบกันถึงว่าต้นเหตุเกิดจากการขาดอาหารที่มีธาตุอาหารใด

จนถึง พ.ศ. 2775 จึงมีการค้นคว้าและพบธาตุอาหารอย่างหนึ่งซึ่งมีมากในพวกผักและผลไม้ธาตุอาหารนี้เป็นกรด และมีชื่อทางเคมีว่า กรดแอสคอร์บิค (ascorbic acid) และหากขาดธาตุอาหารนี้แล้วจะเกิดโรคลักปิดลักเปิด ธาตุอาหารนี้ได้จัดเป็นพวกวิตะมินอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งต่างกับวิตะมิน เอ และ บี ที่ได้ค้นพบมาก่อนแล้ว จึงเรียกวิตะมินชนิดใหม่นี้ว่า วิตะมิน ซี

ฉะนั้นสาเหตุของการเป็นโรคลักปิดลักเปิด ก็เนื่องจากผู้ป่วยได้อาหารที่ขาดวิตะมิน ซี หรือได้รับวิตะมินซีไม่พอเพียงต่อความต้องการของร่างกายอยู่เป็นเวลานาน

อาการของโรคลักปิดลักเปิด
ในรายที่เป็นน้อย จะมีอาการเพียงมึนซึม เบื่ออาหาร เหนื่อยง่าย และรู้สึกหมดเรี่ยวแรง กับรู้สึกเจ็บปวดเมื่อยตามแขนขาเท่านั้น อาการดังกล่าวนี้ถ้าเกิดขึ้นแล้วก็ยากที่จะคิดว่าเป็นโรคลักปิดลักเปิด อาจคิดว่าเป็นโรคอื่น แล้วรักษาอย่างอื่นไป ในรายที่มีอาการดังกล่าวและเป็นเพียงเล็กน้อยนี้ ถ้าหากได้อาหารที่มีวิตะมินซีมากพอก็จะหายไปเอง ทำให้ไม่ทราบว่าตนเป็นโรคลักปิดลักเปิด หากสงสัยควรจะได้ตรวจทางการแพทย์โดยเฉพาะการตรวจเลือดและความแข็งแรงของหลอดเลือด จะแน่นอนและรักษาได้ถูกต้อง

โดยทั่วไปแล้วอาการของโรคจะเริ่มต้นมีขึ้นช้าๆ โดยจะมีอาการอ่อนเพลีย หมดกำลัง และซึม เบื่อหน่ายต่อการงาน ไม่อยากออกกำลัง ทำสิ่งใดเชื่องช้าลง น้ำหนักลด ไม่ค่อยอยากอาหาร และการเคี้ยวอาหารลำบากเนื่องจากเหงือกบวม ฟันหลวม เส้นเลือดฝอยเปราะ เลือดออกจากเหงือกง่าย ผิวหนังแห้งและหยาบ ตอนใดในบริเวณขาถ้าถูกกดรัดจากเครื่องนุ่งห่มแล้ว จะมีเลือดออกเป็นจุดๆ คล้ายผื่นยุงกัด แสดงถึงว่าหลอดเลือดฝอยแตกง่ายมากจากการถูกแรงกดรัด ผิวซีด เจ็บป่วยบ่อยๆ เนื่องจากความต้านทานโรคต่ำ

หากยังคงขาดวิตะมินซี ต่อไปอีก อาการต่างๆ จะปรากฏชัดยิ่งขึ้นตามลำดับ จะซึมมากขึ้น พร้อมกับกล้ามเนื้อหมดกำลัง ริมฝีปากสีเขียวคลํ้า เหงือกจะบวมแล้วแตกเป็นแผลตามแนวของเหงือก ที่ตามไรฟันคือตอนขอบเหงือกติดกับฟันจะมีเลือดออก และมักเห็นมีลิ่มเลือดเกาะติดอยู่ ลิ่มเลือดนี้จะเน่าและทำให้เกิดกลิ่นเหม็น

บริเวณกล้ามเนื้อขาจะบวมเจ็บทำให้ต้องงอเข่า ถ้าเหยียดขาให้ตรงจะปวดเจ็บมาก ถ้ากดตามบริเวณขาก็จะปวดเจ็บมากด้วย เท้าจะบวมและต่อมาตา ปาก และเท้าจะมีเลือดออกแทรกอยู่ทั่วไป หรือแม้แต่ใต้เยื่อหุ้มกระดูกในข้อต่อกอาจมีเลือดออกด้วย จึงทำให้ปวดในข้อและกระดูก บางคนจะมีปากเปื่อย เป็นแผลเต็มในปากและมีเลือดออก มีกลิ่นเหม็นเน่ามาก

รายที่เป็นรุนแรงมากๆ อาการต่างๆ จะหนักขึ้นตามลำดับ เหงือกจะเน่าและเป็นแผลลึกลงไปทำลายถึงกระดูกขากรรไกร ในที่สุดฟันจะโยก หลวมแล้วหักหลุดไป เวลาที่ฟันหลุดนี้เลือดก็จะออกตามมาและออกมามากมายไม่ค่อยหยุด ตอนนี้อาจเกิดมีเลือดออกตามอวัยวะต่างๆ เช่นเลือดกำเดาออกทางจมูก เลือดออกในกระเพาะอาหารหรือในลำไส้ ตามหนังตาหรือที่ลูกตา การที่เส้นเลือดฝอยแตกและเลือดออกมากทำให้เลือดจาง หัวใจอ่อนกำลังลง และอาจถึงแก่กรรมได้
ทันทีจากการหมดกำลังไปทีละน้อยๆ หรือเพราะการมีโรคต่างๆ เข้าแทรก

พวกทารกก็อาจเป็นโรคนี้ได้เหมือนกัน โดยเฉพาะในรายที่ขาดอาหารซึ่งไม่ได้เลี้ยงด้วยนม แต่เลี้ยงเพียงด้วยข้าวบดกับเกลือ ซึ่งจะพบได้ในหมู่คนยากจน ทารกเมื่อเกิดโรคลักปิดลักเปิดจะซึมมาก และกระสับกระส่ายสลับกันไป ไม่ยอมกินอาหาร และต่างกับที่เป็นในผู้ใหญ่ คือจะมีไข้สูง ส่วนเลือดออกเป็นจุดๆ ตามผิวกายนั้นจะมีไม่มากอย่างผู้ใหญ่ ตามแขนขาจะเห็นว่าบวมผิดรูปไป เนื่องจากมีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มกระดูก ริมฝีปากที่จะมีสีเขียวและเหงือกบวมเป็นแผลนั้น มีอยู่น้อยกว่าผู้ใหญ่

การเกิดโรคลักปิดลักเปิด แม้จะมีอาการเพียงเล็กน้อย จนสังเกตไม่ได้ ชัดเจน ก็ทำให้ขัดขวางต่อการหายของบาดแผล ถ้ามีบาดแผลเกิดขึ้นเพราะอุบัติเหตุใดๆ แล้วผลจะหายช้ามาก ขณะเดียวกันความต้านทานต่อโรคติดเชื้อก็จะมีได้น้อยมาก จึงมักทำให้แผลเกิดอักเสบ เป็นหนอง และรุนแรงได้มากยิ่งขึ้น พวกฝีเล็กๆ ตามผิวหนังเกิดได้ทั่วไป และการอักเสบภายในปากจะมีได้ง่ายที่สุด

การป้องกันและรักษา
การป้องกันและรักษาโรคลักปิดลักเปิดจะได้ผลดีมาก ก็โดยรับประทานพวกวิตะมินซีสูง เช่น ส้ม มะนาว มะเขือเทศ ฝรั่ง มะขามป้อม ใบมันสำปะหลัง มะรุม ผักชี ผักขมสวน และมะขามเทศ

ปัจจุบันนี้เราทราบแล้วว่าโรคลักปิดลักเปิดเกิดขึ้นเพราะการขาดวิตะมินซี จัดเป็นโรคขาดอาหารโรคแรกที่แพทย์ค้นพบและรักษาให้หายได้ ในรายที่เป็นโรคนี้การรักษาด้วยการให้พวกวิตะมินซี และอาหารที่มีวิตะมินซี กว่าจะฟื้นตัวคืนสู่ภาวะปรกติได้นั้น อาจต้องกินเวลานานนับเดือน โดยที่จะต้องให้การรักษากันต่อไปให้นาน และโดยที่โรคนี้เป็นโรคขาดอาหาร ผู้ที่เป็นโรคนี้มักขาดอาหารอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ขาดโปรตีน ขาดวิตะมินบีรวม จึงมีโรคเหน็บชาและโรคอื่นๆ ร่วมอยู่ ซึ่งจะต้องได้รับการรักษาพร้อมกันไปด้วย ผู้ที่ตายด้วยโรคนี้ส่วนมากเพราะมีโรคแทรกด้วยในระหว่างนี้ร่างกายจะอ่อนแอมากที่สุด ทั้งยังมีการเบื่อฺอาหาร ทำให้ขาดอาหาร และมีการเสียเลือดไปมากๆ ด้วย

ในการรักษาโรคลักปิดลักเปิดให้ได้ผลรวดเร็ว ก็ด้วยการให้วิตะมินซีวันละ 300-500 มิลลิกรัม ผู้ป่วยที่เป็นเด็กทารกจะหายเร็วกว่าผู้ใหญ่

ที่มา:ค้วน  ขาวหนู
วท.บ.(สุขศึกษา).ค.ม.

↑ กลับสู่ส่วนบนของหน้า