หรือจะเรียกว่าฟันเอียงฟันบิดก็ได้เพราะมีความหมายเหมือนกัน คือหมายถึงว่า ฟันนั้นงอกขึ้นมาไม่ตรง ไม่อยู่ในลักษณะหรือตำแหน่งตามที่ควรจะเป็น ดูๆ ไปฟันเกไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร เพราะมันไม่ได้ทำให้เกิดความเจ็บปวด ใครที่มีฟันเก ก็ยังพูดได้กินได้ แต่แท้ที่จริงแล้วฟันเกก็มีบทบาทไม่น้อยกว่าฟันคุดเท่าไหร่หรอกครับ มันก่อให้เกิดเรื่องไม่ดีต่างๆ ได้มากเหมือนกัน
ความเสียหายจากฟันเกที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ
1. หน้าที่ในการบดเคี้ยวอาหารเสียไป ฟันที่งอกขึ้นมาเก มักจะเอียง บิดออกไปจากแนว ไม่ตั้งตรง ไม่สามารถขบกัดกับฟันตรงข้ามได้สนิท มีผลทำให้เคี้ยวอาหารไม่ได้ หรือเคี้ยวได้บ้างแต่เคี้ยวไม่แหลก คนที่มีฟันเกหลายๆ ตำแหน่งก็จะทำให้การเคี้ยวอาหารผิดปรกติไปได้มาก เกิดเป็น ผลเสียต่อระบบย่อยอาหาร ร่างกายจะอ่อนแอก็เพราะฟันเกนี่แหละ
2. เกิดการผุกร่อนได้ง่าย ฟันที่เกบิด จะก่อให้เกิดเป็นมุมอับขึ้น โดยเกิดขึ้นกับตัวฟันนั้นเอง และกับฟันข้างเคียงด้วย มุมอับที่ว่านี้จะเป็นแหล่งหมักหมมเศษอาหาร เศษอาหารเข้าไปติดซอกได้ง่าย แต่แปรงออกได้ลำบาก หรือแปรงออกได้ไม่หมด ในเวลาไม่ช้าไม่นานเศษอาหารที่เหลือติดอยู่นั้น จะเป็นเหตุทำให้ฟันผุกร่อน
3. เกี่ยวกับความสวยงาม ฟันเกเป็นสิ่งที่ผิดปรกติ และมักจะพบได้ บ่อยในฟันหน้า จึงทำให้เกิดเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสวยงามของใบหน้า ไปด้วย ฟันที่เกมากๆ อาจทำให้เกิดเป็นปมด้อยต้องหาทางแก้ไขด้วยการ ดัดฟัน หรือทำครอบฟัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ยุ่งยากและเสียเงินเสียทอง ฟันเก จึงเป็นสิ่งที่ไม่ดี แม้ว่าบางครั้งฟันเกจะช่วยเสริมให้ใบหน้าเก๋ขึ้นก็ตาม
ทำไมฟันจึงเกิดเก
สาเหตุที่ทำให้ฟันเกนั้น ก็คล้ายๆ กับสาเหตุที่ทำให้เกิดฟันคุดเหมือนกัน คือมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปขวางทิศทางการงอกขึ้นมาของฟัน ถ้าสิ่งที่ขวางอยู่นั้น ขวางกั้นอยู่เต็มที่ ก็จะทำให้ฟันนั้นหยุดงอกหยุดเจริญ เกิดเป็นฟันคุด แต่ถ้าสิ่งที่ขวางอยู่นั้น ไม่ได้ขวางอย่างเต็มที่ ฟันที่กำลังงอกสามารถบิดหลบ หลุดออกมาได้ ก็สามารถเจริญต่อไปได้ แต่ทิศทางการงอกของฟันนั้นจะผิดไปจากแนวเดิม เมื่องอกพ้นเหงือกขึ้นมา ก็จะเกไปจากลักษณะที่ควรจะเป็น
ฟันเกมักพบได้เสมอในฟันหน้า ของฟันที่เป็นชุดฟันแท้ เนื่องจาก ในขณะที่ฟันดังกล่าวนี้กำลังงอกขึ้นมา คือระหว่างอายุ 6-7 ขวบ เด็กยังมีฟันนำนมในบริเวณนั้นค้างอยู่ ยังไม่หลุดออกไปตามธรรมชาติ หรือยังไม่ได้ถอนออกก็ตาม เป็นเหตุให้ไม่มีที่ว่างสำหรับฟันแท้จะงอกขึ้นมาได้อย่างสะดวก ฟันแท้ต้องบิดหลบรากฟันนํ้านมเปลี่ยนทิศทางการงอก ดังนั้นเมื่องอกออกมาแล้ว จึงเกและบิดไป ไม่ตั้งอยู่ในแนวตรงตามลักษณะที่ควรจะเป็น
ถ้าจะพูดกันไปแล้ว เด็กๆ ในสมัยนี้มีฟันเกกันมากทีเดียว สาเหตุก็ดังที่กล่าวมาคือมีฟันนํ้านมขวางทางการงอกของฟันแท้อยู่ ทั้งๆ ที่ควรจะ หลุดออกไปก่อน หรือต้องถอนออกเพื่อเปิดช่องว่างสำหรับการงอกของฟันแท้
เหตุที่ฟันนํ้านมยังค้างอยู่ ไม่หลุดออก หรือหลุดออกช้าไป ยังยึดติดแน่นอยู่ในขณะที่ฟันแท้กำลังงอก เท่าที่ได้มีการศึกษาถึงเหตุและผล ปรากฎว่า เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะเด็กในสมัยนี้ได้รับการเลี้ยงดูทางด้านโภชนาการเป็นอย่างดี ผิดกว่าเด็กในสมัยก่อน อีกทั้งพ่อแม่สมัยนี้ก็มีความรู้เข้าใจถึงปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเหงือกและฟันกันดีขึ้น ต่างก็เอาใจใส่ดูแลสุขภาพฟันและเหงือกของเด็กตั้งแต่เด็กยังเล็กๆ เช่นสนับสนุนส่งเสริมให้เด็กดื่มนมเป็นอาหารเสริมอยู่นาน ร่างกายตลอดจนฟันและเหงือกได้รับสารแคลเซียมจากนมมาก ฟันจึงแข็งแกร่ง ผุยาก อีกทั้งยังมีการส่งเสริมแนะนำให้ใช้ฟลูโอไรด์ในเด็ก เพื่อเพิ่มความแข็งของฟันกันอย่างแพร่หลาย ฟันของเด็กในสมัยนี้จึงผุยาก หลุดยากสามารถใช้เคี้ยวอาหารอยู่ได้นานกว่าที่คิด และไม่ค่อยโยกหลุดออกไปตามระยะเวลาที่สมควร ถ้าจะพูดกันจริงๆ แล้ว การปล่อยให้ฟันนํ้านมค้างอยู่ในปากนานเกินไป ก็ไม่ใช่ของดี เพราะมันมีอันตราย เนื่องจากมันเป็นเหตุให้ฟันแท้ที่งอกขึ้นมาใหม่บิดเก
การป้องกันและแก้ไข
ปัญหาเรื่องฟันคุดแก้ไขลำบาก มักจะพบกันแทบทุกคน โดยเฉพาะ ผู้ที่อยู่ในวัยหนุ่มสาว สาเหตุที่เกิดก็เพราะฟันมันงอกขึ้นมาไม่ได้ ดังที่กล่าวมาแล้วในตอนต้น
แต่เรื่องฟันเก เรายังพอมีทางจะป้องกันได้ โดยเฉพาะฟันแท้ด้านหน้า ซึ่งเป็นฟันที่ใช้สำหรับกัดและฉีก เนื่องจากเรารู้ถึงช่วงระยะเวลาที่ฟันแท้จะงอกขึ้นมา อาจถ่ายภาพเอ็กซเรย์ดู ถ้ายังมีฟันนํ้านมค้างอยู่ ก็รีบถอน ฟันนํ้านมนั้นออกเสีย เพื่อเปิดทางให้ฟันแท้งอกขึ้นมาโดยสะดวก ปัญหาเรื่องการเกบิดของฟันแท้ด้านหน้าก็จะไม่มี หรือมีน้อยมาก
คุณพ่อคุณแม่คงจะมีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้ละครับ คือต้องหมั่นตรวจดูฟันของเด็กอย่างสมํ่าเสมอ โดยเฉพาะในช่วงอายุ 6-7 ขวบ นอกจากตรวจดูด้วยตัวคุณเองแล้ว ควรพาเด็กไปพบทันตแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาหารือด้วย ถ้าเด็กมีอายุถึงระยะกำหนดที่ฟันแท้จะงอกขึ้นมา ต้องถอนฟันนํ้านมในบริเวณนั้นออก เป็นการเปิดทางให้ฟันแท้งอกขึ้นมาโดยง่าย ไม่มีอะไรปิดบังขวางทาง ซึ่งถ้าทำได้ดังที่ว่านี้ ฟันแท้ก็จะงอกขึ้นมาได้อย่างปรกติ ตามธรรมชาติ ไม่เกิดการบิดเก
ที่มา: ทันตแพทย์สมนึก วัฒนสุนทร