ช่วงนี้หันหน้าไปทางไหนก็เจอแต่มะม่วง ทั้งมะม่วงดิบ มะม่วงสุก ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าหลายรายก็ขาย “มะม่วงสุก” พ่วงกับข้าวเหนียวมูน จนหลายคนอดไม่ได้ที่จะซื้อ “ข้าวเหนียวมะม่วง” ติดมือกลับไปกินที่บ้าน แต่รู้หรือไม่ว่า “ข้าเหนียวมะม่วงมีประโยชน์อย่างไร
นพ.กฤษดา ศิรามพุธ ผอ.ศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ กล่าวว่า องค์การอหารและเกษตรโลก หรือ เอฟเอโอแนะให้ประเทศกำลังพัฒนาที่มีปัญหาขาดวิตามินสำคัญอย่างวิตามินเอ วิตามินซีและธาตุเหล็กกิน มะม่วง เพื่อช่วยป้องกันโรคและแก้การขาดสารอาหาร
มะม่วง เหมาะกับ
1. ผู้มีปัญหาสิว เพราะมะม่วงมีกรดดีอยู่หลายชนิดช่วยบำรุงผิว มีวิตามินเอ วิตามินอีและซีลีเนียมสำหรับผิวพรรณอยู่มาก และสารต้านอนุมูลอิสระ (แอนตี้ออกซิแดนท์) จะช่วยล้างอนุมูลอิสระที่จับผิว
2. ผู้เบื่ออาหาร เพราะมะม่วงมีวิตามินหลายชนิดช่วยชดเชย อาทิ วิตามินเอ วิตามินอี ธาตุเหล็กและแอนตี้ออกซิแดนท์ กลุ่ม “ฟีโนลิก” และยังมีส่วนป้องกันมะเร็งเต้านม มะเร็งทางเดินอาหารและมะเร็งลำไส้ใหญ่
3. คนท้องเสีย น้ำมะม่วงคั้นสดช่วยเป็นแหล่งน้ำตาล “ฟรุกโตส” ชั้นดีที่ช่วยเติมเต็มให้ในช่วงที่ขาดน้ำและเสียเกลือแร่
4. คนท้องผูก มะม่วงช่วยคลายไส้ให้บีบตัวดีแถมมีเส้นใยมากช่วย “ดีท็อกซ์” ลำไส้ได้ ในคนธาตุแข็งขอให้รับประทานมะม่วงสุกที่ยิ่งเปรี้ยวได้ยิ่งดี มะม่วงมีน้ำย่อยเป็นเอนไซม์ชื่อ “แมนีเฟอริน” “คาทีคอล ออกซิเดส” และ “แลกเทส” อยู่มาก
5. ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ กรดเปรี้ยวในน้ำมะม่วงช่วยล้างตั้งแต่กรวนไตไปจนถึงท่อปัสสาวะได้สะอาดหมดจดดี
มะม่วงไม่เหมาะกับ
1. โรคไต เพราะขับเกลือแร่ออกได้ไม่ดี อาจมีเกลือแร่บางชนิดคั่งมาก
2. โรคหัวใจรุนแรง เพราะมะม่วงมีแร่ธาตุเกี่ยวกับการเต้นของหัวใจอย่าง “โพแทสเซียม” อยู่ค่อนข้างสูง ถ้ายังไม่เป็นโรคหัวใจแต่ต้องการป้องกันโรคหัวใจไว้ก่อนขอให้เลือกมะม่วงน้ำดอกไม้เพราะมีเบต้าแคโรทีนเป็นธาตุบำรุงหัวใจที่ดี
มะม่วงสุกที่กินกับข้าวเหนียวมะม่วง มักมีวิตามินแร่ธาตุไม่ต่างกันมาก ถ้าอยากได้ชนิดที่เนื้อเยอะวิตามินเอเยอะ ให้เลือ น้ำดอกไม้ มีเบต้าแคโรทีนสูงกว่ามะเขือเทศราชินีและมะละกอสุกอีก ถ้าอยากได้แป้งน้อยกว่าให้เลือกมะม่วงสุก ถ้าอยากได้น้ำตาลน้อยให้เลือกมะม่วงดิบ
ข้าวเหนียวมูน มีแคลอรี่สูงจากแป้งขาว จึงไม่เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวาน ถ้าจำเป็นต้องกินขอให้เน้นที่มะม่วงมากกว่าข้าวเหนียวเพราะเนื้อมะม่วงมีกากช่วยกันไม่ให้น้ำตาลซึมเข้าเลือดเร็วไป และไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูงและความดันโลหิตสูง เพราะข้าวเหนียวกับกะทิมีความหวานและมันสูง
เทคนิคการกิน “ข้าวเหนียวมะม่วง” ไม่เพิ่มพุง คือ
1. ให้หนักมะม่วงมากกว่าข้าวเหนียว
2. ใช้ข้าวเหนียวดำเพราะมีไฟเบอร์และแอนตี้ออกซิแดนท์ชั้นดี
3. มื้อใดกินข้าวเหนียวมะม่วงมื้อนั้นไม่ควรรับประทานข้าวแล้ว
4. ให้ถือข้าวเหนียวมะม่วงเป็นอาหารมื้อหนักมื้อหนึ่ง
5. รับประทานทีละชุดเล็ก เช่น มะม่วงหนึ่งลูกต่อข้าวเหนียวมูนขนาดเท่ามะม่วงครึ่งลูก
6. ขอให้รับประทานช่วงเที่ยงจะดีกว่าก่อนนอน
ประโยชน์ของข้าวเหนียวมะม่วง | โทษของข้าวเหนียวมะม่วง |
กะทิในข้าวเหนียวมูนช่วยทำให้วิตามินเอและอีจากมะม่วงดูดซึมดีขึ้น | เพราะเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูงจึงไม่เหมาะกับผู้มีน้ำหนักเกิน |
เนื้อมะม่วงสุกช่วยชะชอให้น้ำตาลจากข้าวเหนียวดูดซึมช้าลง | แป้งข้าวเหนียวเปลี่ยนเป็นไขมัน “ไตรกลีเซอไรด์” ได้ ถ้าหนักข้าวเหนียวเกินไปทำให้เกิด “มันจุกตับ”ได้ |
เป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง | กะทิกับข้าวเหนียวมีธาตุเค็มที่เร่งความดันสูง |
มะม่วงให้ไฟเบอร์สูง | มะม่วงสุกหวานกับข้าวเหนียวหวานมันกระตุ้นอาการอักเสบร้อนในได้ |
ช่วยทำให้สดชื่นในผู้ที่เบื่ออาหารหรือรับประทานอาหารมื้อหลักไม่ค่อยได้ | ถ้ากินร่วมกับอาหารมื้อหลักอาจทำให้นอนไม่หลับหรือรู้สึกไม่สดชื่นเพราะให้พลังงานสูงมาก |