สำหรับผู้ใส่ใจในการรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

เมื่อท่านจะไปพบจักษุแพทย์หรือหมอตา

จักษุแพทย์

การที่ผู้ใดผู้หนึ่งจะไปพบแพทย์นั้น ก็ต้องเริ่มมาจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้นั้นมากจนกระทั่งไม่สามารถจะแก้ไขด้วยตัวเองได้ ทั้งนี้เพราะเป็นธรรมดาอยู่แล้วว่าไม่มีใครอยากพบแพทย์ เพราะการพบแพทย์นั้นเป็นเรื่องที่เสียเวลา เสียเงิน และที่สำคัญที่สุด คืออาจจะต้องเจ็บตัว เพราะฉะนั้นเมื่อท่านได้ตัดสินใจพบแพทย์ หรือพาใครไปพบ ซึ่งในที่นี้คือหมอตา ก็หมายความว่าท่านได้ ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวแล้ว ปัญหาต่อมาที่ท่านจะต้องพบก็คือ ท่าน จะไปที่ไหนและพบใครปัญหา 2 อันนี้แก้ไขได้โดย 2 วิธีคือ

1. ขวนขวายเอาเอง เช่นเปิดสมุดโทรศัพท์หน้าเหลือง หรือมุ่งไปสู่ที่ๆ ท่านคิดว่ามีบริการทางด้านนี้ เช่น โรงพยาบาล ใหญ่ๆ ของรัฐหรือเอกชน คลินิกต่างๆ โดยเฉพาะคลินิกที่มีทุก สาขาที่เรียกกันว่า โปลีคลินิก หรือสำนักงานแพทย์ที่มีชื่อหน้าที่ ทำงานบ่งไปในทางรักษาโรคตา วิธีนี้เป็นวิธีที่มีโอกาสเสียเวลา มากเพราะท่านนอกจากจะต้องค้นหาที่ทางแล้ว ท่านยังไม่รู้แน่

อีกว่าสถานบริการเหล่านี้เปิดบริการวันและเวลาใด ท่านอาจจะไปถูกที่แต่ไปผิดเวลาหรือวัน ฉะนั้นทางที่ดีอาจจะใช้วิธีโทรศัพท์ติดต่อขอทราบรายละเอียดก่อน หรือถ้าจะให้ดีและโรคไม่ด่วนจนเกินไปก็ไปล่วงหน้าด้วยตัวเองไถ่ถามถึงวัน เวลา และระเบียบการอื่นๆ เสียให้แน่ใจ

2. วิธีที่สอง คือ สอบถามจากผู้ที่เคยมีปัญหาแบบนี้ มาแล้ว วิธีนี้เป็นวิธีที่รวดเร็วและเที่ยงตรงที่สุด แต่ก็อาจมีปัญหา บ้างก็คือชื่อหรือสถานที่ ได้รับคำแนะนำมานั้นอาจจะอยู่ห่างไกลเกินไป แต่ที่น่าพิจารณามากกว่าก็คือค่าใช้จ่าย อาจจะสูงเกินไปจนท่านไม่สามารถจะรับเป็นภาระได้ ถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ท่านก็อาจจะต้องขวนขวายเอาเองใหม่ หรือไปถามที่ๆ ผู้อื่นแนะนำสักครั้งหนึ่งก่อน แล้วบอกกับสถานที่นั้นหรือแพทย์ เขาโดยตรงว่าฐานะทางการเงินหรือท่านไปมาไม่สะดวก ขอให้ช่วยแนะนำที่อื่นให้ เชื่อว่าทุกสถานที่บริการและแพทย์เอง จะทำให้โดยความยินดี ท่านไม่ต้องตะขิดตะขวงใจใดๆ ในเรื่องนี้

การเตรียมใจ

ผู้ที่ไปพบหมอตาตามที่กล่าวแล้ว ก็คือผู้ที่ได้ตัดสินใจ อย่างเด็ดเดี่ยวแล้วว่าไม่มีทางอื่นจึงได้บากบั่นมาพบ ฉะนั้น โรคหรืออาการที่นำเขามาพบหมอตาสำหรับตัวเขาจึงเป็นเรื่องที่สำคัญใหญ่โตที่สุดไม่มีอะไรเทียมทัน และหวังอย่างยิ่งว่าจะได้รับการแก้ไขเยียวยาอย่างดีที่สุดจากแพทย์ จุดนี้เองที่จะทำให้เกิดความไม่เข้าใจ ไม่พอใจ ท้อแท้ และหมดกำลังใจขึ้นมาได้ ฉะนั้นท่านควรจะตระหนักถึงความจริงหรือสัจจธรรมที่เกี่ยวกับโรคตาและการบริการทางตาในบ้านเมืองเราเอาไว้ก่อนดังนี้

1. สถานที่และแพทย์ทางตา (จักษุแพทย์) ในประเทศไทย เรานั้นมีน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนของประชากร ฉะนั้นไม่

ว่าจะเป็นบริการที่รัฐให้หรือจากเอกชนก็จะเต็มไปด้วยคนไข้ มากมาย เมื่อเป็นเช่นนั้นก็จะเกิดสิ่งต่างๆ ดังต่อไปนี้ คือ การรอคอยและเวลาที่จะบรรยายความทุกข์ อาการ หรือได้รับการ บริการนั้นน้อยมากเมื่อเทียบกับเวลาที่คอย หลังจากการตรวจ แล้วก็ต้องคอยรับยาหรือการตรวจอื่นๆ อีก

2. โรคที่ท่านเป็นนั้นอาจจะเป็นแบบใดก็ได้ คือหายกลับเป็นปกติทุกอย่างหรือหายแต่ต้องดูแลเสมอหรือหายแล้วบางส่วน ที่เสียก็เสียไป หรือสุดท้ายคือไม่มีทางแก้ไขให้กลับคืนมาเลย ถ้าท่านเข้าใจสัจจธรรมอันนี้ท่านจะได้ทำใจได้

3. โรคที่ท่านเป็นนั้นยิ่งใหญ่สำหรับท่าน แต่สำหรับจักษุ แพทย์อาจจะพบอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จักษุแพทย์จึงอาจจะตรวจโดยรวดเร็วและไม่อธิบายอะไรมากให้สมกับที่ท่านตั้งใจมา ท่านก็อาจไม่สบายใจ หรือหมดความเชื่อถือ ฉะนั้นท่านก็ควรถามแพทย์สั้นๆ ถ้าแพทย์บอกว่าไม่อันตราย ไม่ต้องกังวล ท่านก็ควรจะคิดเช่นนั้น ไม่ใช่เซ้าซี้ถามแล้วถามอีก คือพยายามให้จักษุแพทย์บอกว่าเป็นโรคใหญ่โตตามที่ท่านคิดให้ได้

4. โรคบางอย่างต้องมีการติดตามดูแลและเปลี่ยนแปลงการรักษาตามระยะของโรคนั้น แต่ท่านต้องการให้รักษาครั้งเดียว หายซึ่งเป็นไปไม่ได้ บางคนบอกว่าแพทย์เลี้ยงไข้หรือโรค อันนี้ เป็นความเข้าใจผิดอย่างมหันต์ แพทย์ใดรักษาโรคหายได้ภายใน ครั้งเดียว จะเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงและร่ำรวยที่สุด

5. ยาและเครื่องมือที่ใช้ทางด้านตาแพงกว่าและละเอียด ละออกว่าเครื่องมืออย่างอื่นมาก ฉะนั้นต้นทุนในการตรวจและ รักษาจึงสูงกว่าโรคทางอื่น ยาหยอดตาขวดเล็กนิดเดียวบางที จึงมีราคาสูงอย่างไม่น่าเชื่อ

6. โรคทางตามีวิธีการรักษาอยู่ไม่กี่อย่างคือ โดยยา โดยการผ่าตัด การออกกำลังกล้ามเนื้อ และการใช้อุปกรณ์ทางแว่นตา ฉะนั้นโรคไหนที่ต้องผ่าตัดหรือถึงเวลาผ่าตัดก็ต้องใช้วิธีนั้น จะมาเกี่ยงขอเป็นยาหรือแว่นตากระไรได้ ตรงกันข้ามบางคนต้องใช้ยาแต่ต้องใช้เรื่อยๆ ไป กลับขอให้ผ่าตัดแพทย์เราจะพบปัญหาเช่นนี้เสมอ ขอให้ท่านลองใคร่ครวญดูเอาเองถึงผลของการรักษาก็แล้วกัน

ทั้งหมดเกี่ยวกับการเตียมใจนั้น เพื่อให้ท่านได้เข้าใจถึงสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อท่านจะได้มีใจเป็นธรรม ไม่หวังอะไรมากหรือน้อยเกินไป และเพื่อให้ท่านได้รับการบริการรักษาที่ดีที่สุด (คือได้ตรวจรักษาเร็วที่สุด หายดีที่สุดและเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด)

พญ.มันธนี ไพรัชเวทย์

↑ กลับสู่ส่วนบนของหน้า