หมายถึงการอักเสบของเนื้อเยื่อประสาทตรงที่ใดที่หนึ่งของไขสันหลังทำให้การส่งทอดกระแสประสาทผิดปกติ ทำให้ขาทั้งสองข้าง หรือทั้งแขนและขาทั้งสองข้างเป็นอัมพาตอย่างฉับพลัน
ภาวะนี้พบได้ไม่บ่อยนัก พบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ พบได้บ่อยในช่วงอายุ 10-19 ปี และ 30-39 ปี หากมีอาการรุนแรงอาจทำให้พิการไปตลอดชีวิตหรือตายได้
สาเหตุ
มักไม่ทราบสาเหตุที่เกิดขึ้น แต่อาจเกิดจากการขาดเลือดไปเลี้ยงประสาทไขสันหลัง ปฏิกิริยาภูมิต้านตนเองที่พบในโรคติดเชื้อ โรคภูมิต้านตนเอง มะเร็ง การฉีดวัคซีน
มักเกิดโรคนี้ขึ้นหลังจากฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า หรือจากการติดเชื้อไวรัส เช่น เริ่ม อีสุกอีใส งูสวัด หัดเยอรมัน ไวรัสเอนเทอโร เอชไอวี ไข้หวัดใหญ่ หรือเชื้อแบคทีเรีย เช่น วัณโรค ซิฟิลิส ไมโคพลาสมา เป็นต้น
อาการส่วนน้อยที่พบร่วมกับโรคภูมิต้านตนเอง มะเร็งบางชนิด ภาวะไขสันหลังขาดเลือด เช่น หลอดเลือดอักเสบจากการฉีดเฮโรอีน หรือภาวะมีลิ่มเลือดในหลอดเลือดไขสันหลัง
อาการ
จะมีอาการชาและอ่อนแรงที่ปลายเท้าทั้ง 2 ข้าง ในระยะเริ่มแรก และลุกลามไปที่ขาทั้ง 2 ข้าง อาจมีอาการปวดหลังแบบฉับพลันนำมาก่อนในบางราย
ต่อมาขาจะอ่อนแรงลงเรื่อยๆ จนเป็นอัมพาตเดินไม่ได้ ถ่ายปัสสาวะอุจจาระไม่ได้ อาการจะรุนแรงขึ้นเฉลี่ยภายใน 24 โมง อาการที่อาจเกิดขึ้นร่วมด้วย เช่น มีไข้ เบื่ออาหาร ปวดศีรษะ ปวดคอ
อาการแขนขาอัมพาต หรือหยุดหายใจเนื่องจากกล้ามเนื้อหายใจเป็นอัมพาตจากการอักเสบที่ไขสันหลังระดับคอมักเกิดขึ้นเป็นส่วนน้อย
อาจมีอาการไข้ ไอคล้ายไข้หวัด หรือเป็นโรคเยื่อตาขาวอักเสบจากเชื้อไวรัสนำมาก่อนในบางราย
สิ่งตรวจพบ
ตรวจพบขาทั้ง 2 ข้างเป็นอัมพาต กล้ามเนื้ออ่อนแรง ไม่มีความรู้สึกเจ็บ ไม่มีรีเฟล็กซ์ของข้อ
การรักษา
ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลด่วน หากมีความสงสัย อาจต้องตรวจด้วยวิธีเอกซเรย์ เจาะหลัง ถ่ายภาพไขสันหลังด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือตรวจพิเศษอื่นๆ ให้การรักษาโรคที่อาจพบร่วมด้วย เช่น ซิฟิลิส วัณโรค ไมโคพลาสมา และให้การรักษาตามอาการร่วมกับการทำภายภาพบำบัด เพื่อลดการอักเสบในบางรายแพทย์อาจให้สตีรอยด์ เช่น เพร็ดนิโซโลน ขนาดที่สูงภายใน 2-3 สัปดาห์แรก
ประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ป่วยอาจหายเป็นปกติได้ ผลการรักษาไม่มีความแน่นอน อาการจะทุเลาภายใน 2-12 สัปดาห์หรืออาจนานถึง 2 ปี กว่าจะเป็นปกติ หรือบางส่วนอาจฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ มีอาการอ่อนเพลียอยู่บ้าง ส่วนผู้ที่หลังมีอาการ 3-6 เดือนไปแล้วอาการไม่ดีขึ้นเลยอาจเป็นอัมพาตอย่างถาวรได้ หรืออาจมีอาการกำเริบซ้ำได้อีกในผู้ที่มีอาการทุเลาลงแล้ว
ข้อแนะนำ
1. มักเกิดขึ้นอย่างฉับพลันโดยไม่มีสาเหตุ มักฟื้นตัวได้เองถ้าเป็นไม่รุนแรง มักป่วยที่มีอาการเกิดขึ้นเร็วมักมีโอกาสฟื้นตัวได้ดี โดยให้การรักษาตามอาการและทำกายภาพบำบัด
2. อาจเกิดจากสาเหตุหลายอย่างในอาการขาชาหรือเป็นอัมพาตทั้ง 2 ข้าง หากเกิดขึ้นฉับพลันและไม่ทราบสาเหตุชัดเจน เริ่มมีอาการอ่อนแรงจากปลายเท้าขึ้นมาที่ขา นอกจากโรคนี้แล้วยังอาจเกิดจากกลุ่มอาการกิลเลนบาร์เร ซึ่งจะมีความแตกต่างกันในการรักษาและสาเหตุที่เกิด