สำหรับผู้ใส่ใจในการรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

โรคอ้วน

เมื่อไม่นานมานี้กลุ่มนักวิจัยจากองค์การอนามัยโลก มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในสหรัฐและมหาวิทยาลัยอิมพีเรียล คอลเลจลอนดอนของอังกฤษ ได้เปิดเผยงานวิจัยที่ได้รวบรวมข้อมูลเพื่อศึกษาและหาข้อสรุปปัญหาการมีน้ำหนักเกินและการเป็นโรคอ้วนของประชากรโลกลงในวารสารการแพทย์แลนเช็ท ทำให้พบว่า โรคอ้วนได้ลุกลามไปทั่วโลก เหมือนคลื่นยักษ์สึนามิที่พัดกระหน่ำไปทั่ว ซึ่งคณะแพทย์เตือนว่า นับตั้งแต่ปี 2523 เป็นต้นมา ตัวเลขของคนเป็นโรคอ้วนพุ่งขึ้นเกือบเท่าตัว และมากกว่า 500 ล้านคนของผู้ชายกับผู้หญิงรวมกัน หรือเกือบหนึ่งในเก้าของผู้ใหญ่ อ้วนพุงพลุ้ยเกินไป

รายงานการวิจัยระบุว่า ปี 2551 เป็นปีล่าสุดที่มีการจดบันทึกเป็นสถิติ และยังพบว่า ผู้หญิงเกือบหนึ่งในเจ็ดและผู้ชายหนึ่งในสิบเป็นโรคอ้วน  ซึ่งการที่คนเราอ้วนพุงพลุ้ยเกินไป เป็นบ่อเกิดของโรคต่าง ๆ อาทิ โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง และโรคอื่น ๆที่ยังทำให้แต่ละปีมีคนตายก่อนวัยอันควรถึง 3 ล้านราย ทำให้กลุ่มนักวิจัยเรียกเหตุการณ์นี้ว่า เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินทางด้านประชากร และต้องเสียเงินทองมหาศาลหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาผู้คนไม่ให้ล้มตายจากภัยโรคอ้วน  จนกว่ารัฐบาลประเทศต่าง ๆ เร่งมีมาตรการป้องกันและดำเนินการทางระบบดูแลสุขภาพทั่วโลก

ปัญหาดังกล่าวได้ลุกลามอย่างมากในกลุ่มประเทศร่ำรวย  โดยเฉพาะในประเทศที่รวยสุดอย่างสหรัฐ ตามมาด้วยนิวซีแลนด์ อังกฤษ และออสเตรเลีย แม้กระทั่งกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะประเทศแถบตะวันออกกลาง ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองกำลังมีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

โซเนีย อานันด์ และซาลิม ยูซุฟ ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยแม็คมาสเตอร์ในแคนาดา ระบุว่า การมีน้ำหนักเกินได้ส่งผลกระทบต่อผู้ใหญ่หนึ่งในสาม และโรคอ้วนส่งผลกระทบต่อผู้ใหญ่หนึ่งในเก้า  โดยอัตราการเป็นโรคอ้วนทั่วโลกเพิ่มขึ้นในผู้ชายมากกว่าเท่าตัว จากร้อยละ 4.8 ของผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่เมื่อปี 2523 เป็นร้อยละ 9.8 ในปี 2551 เช่นเดียวกับผู้หญิงเป็นโรคอ้วนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 7.9 เป็นร้อยละ 13.8

ทั้งนี้ดัชนีมวลกาย (บีเอ็มไอ) ถูกกำหนดให้เป็นน้ำหนักมาตรฐาน  ซึ่งคำนวณจากน้ำหนักหน่วยเป็นกิโลกรัมหารด้วยส่วนสูงที่เป็นเมตร  หากตัวเลขดัชนีมวลกายที่หารออกมาอยู่ระหว่าง 25-30 จะถือว่าค่อนข้างมีน้ำหนักเกิน แต่ถ้าตัวเลขเกิน 30 ขึ้นไป ถือว่าเป็นโรคอ้วน  ซึ่งประเทศหมู่เกาะในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกนั้น ผู้คนมีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานมากที่สุด โดยอยู่ระหว่าง 34-35

ขณะที่ยุโรป ผู้หญิงในรัสเซียและมอลโดวา มีน้ำหนักเกินอยู่ที 27.2 กับ 27.1 ส่วนผู้ชายที่มีน้ำหนักตัวเกินมากที่สุดอยู่ในสาธารณรัฐเช็ก และไอร์แลนด์ แต่สำหรับผู้หญิงที่มีรูปร่างสมส่วน อ้อนแอ้น หรือหุ่นบอบบางเพรียวลมมากที่สุดคือ ผู้หญิงจากสวิตเซอร์แลนด์ รองลงมาเป็นผู้หญิงจากฝรั่งเศสและอิตาลี  โดยเฉพาะอิตาลีดูเหมือนจะเป็นประเทศที่ผู้ชายและผู้หญิงมีร่างกายสมส่วนมากที่สุดในยุโรป  ซึ่งมีค่าเฉลี่ยของน้ำหนักอยู่ระหว่าง 24.8-25.2

นอกจากนี้ผลการศึกษาดังกล่าว ยังระบุถึงการเปลี่ยนแปลงในความดันโลหิตและระดับคอเลสเตอรอลในหลายประเทศ  ซึ่งในกลุ่มประเทศตะวันตก  โดยเฉพาะไอซ์แลนด์ อันดอร์รา และเยอรมนี ติดกลุ่มชาติที่มีระดับคอเลสเตอรอลสูงที่สุดในโลก  ขณะที่ประเทศในทวีปแอฟริกามีระดับคอเลสเตอรอลต่ำสุด ส่วนภาวะความดันโลหิตสูงสุดที่เกิดขึ้นหลังระยะการบีบตัวของหัวใจ เกิดขึ้นมากที่สุดแถบประเทศบอลติกและทางตะวันออกกับตะวันตกของแอฟริกา อย่างไรก็ตามแม้ประเทศตะวันตกมีระดับความอ้วนที่สูงแต่อัตราการป่วยเป็นโรคหัวใจลดลงนับตั้งแต่ปี 2523  โดยในสหรัฐ คนป่วยจากภาวะความดันโลหิตสูงลดลง เช่นเดียวกับระดับคอเลสเตอรอลและการสูบบุหรี่ก็ลดระดับลง

        ทั้งนี้เป็นเพราะการเลือกรูปแบบการดำเนินชีวิตของผู้คน รวมทั้งการควบคุมการรับประทานเนื้อสัตว์และเกลือ ตลอดจนเพิ่มการออกกำลังกาย เป็นปัจจัยหลักที่ช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจ

,

↑ กลับสู่ส่วนบนของหน้า