สำหรับผู้ใส่ใจในการรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

โรคพยาธิไส้เดือน (Ascariasis)

โรคพยาธิไส้เดือนเกิดจากพยาธิ Ascaris lumbricoides ซึ่งเป็นพยาธิ ตัวกลมของลำไส้ของคนที่มีขนาดใหญ่ที่สุด พยาธิตัวแก่อาศัยอยู่ที่ลำไส้เล็กของคน โดยอยู่ในรูลำไส้ อาจพบว่าคนหนึ่งๆ มีพยาธิได้ตั้งแต่ 1-2 ตัวจนถึงเป็นร้อยๆ ตัว คนเป็นโรคนี้ ได้โดยกินไข่พยาธิในระยะติดต่อเข้าไปโดยมือเปื้อนดินที่มีไข่พยาธิหรือกินผักสด หรืออาหารอื่นๆ ที่มีไข่พยาธิติดอยู่ โรคพยาธิไส้เดือนอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคขาดสารอาหารโปรตีนและแคลอรีในเด็กวัยก่อนเรียน

อาการโรค
อาการโรคขึ้นอยู่กับจำนวนพยาธิ คนที่มีพยาธิอยู่น้อยมักไม่มีอาการใดๆ อาการที่พบได้เป็นอาการทางระบบทางเดินอาหารที่ไม่จำเพาะ เช่น ปวดท้อง โดยมักปวดที่ท้องส่วนบน เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน ผู้ป่วยอาเจียนออกมาเป็นพยาธิ หรือถ่ายพยาธิออกมาทางทวารหนัก ในรายที่มีพยาธิอยู่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กอาจเกิด ภาวะแทรกซ้อนได้คือ ลำไส้อุดตัน ลำไส้ทะลุ ลำไส้กลืนกัน (intussusception) และ volvulus คนที่มีพยาธิอยู่น้อยตัวก็อาจเกิดอาการโรคที่รุนแรงได้ เนื่องจากพยาธิสามารถเคลื่อนที่ผิดปกติ เช่น ออกนอกลำไส้ ทำให้เกิดความผิดปกติที่สำคัญคือ ทางเดินน้ำดีอุดตัน ทางเดินน้ำดีอักเสบ ฝีในตับ เป็นต้น

การวินิจฉัย
ทำได้โดยการตรวจอุจจาระพบไข่พยาธิ

การรักษา
ต้องให้การรักษาผู้ป่วยทุกรายที่พบว่ามีพยาธิไส้เดือน ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่มีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง ยาที่ใช้รักษาโรคพยาธิไส้เดือนที่ได้ผลดี คือ mebendazole, pyrantel pamoate, albendazole, levamisole และ piperazine.

1. Mebendazole 100 มก.วันละ 2 ครั้ง ติดต่อกัน 3 วัน หรืออาจใช้ยา ขนาด 600 มก. ครั้งเดียวก็ได้ผลเช่นกัน ข้อเสียของยานี้คือ ในกรณีที่ผู้ป่วยมีพยาธิไส้เดือนอยู่เป็นจำนวนมาก อาจทำให้เกิดการเคลื่อนที่ผิดปกติของพยาธิไส้เดือนได้ (erratic migration) เช่น ทำให้มีอาการปวดท้องหรืออาเจียนออกมาเป็นพยาธิไส้เดือน

2. Pyrantel pamoate ให้ยาขนาด 10 มก.ต่อน้ำหนักตัว 1 กก.ครั้ง
เดียว

3. Albendazole ให้ขนาด 400 มก.ครั้งเดียว ไม่มีรายงานการเกิด erratic migration ในผู้ป่วยโรคพยาธิไส้เดือนที่ได้รับ albendazole เลย

4. Levamisole เป็นยาในกลุ่ม benzimidazole อีกตัวหนึ่งซึ่งได้ผลดีในการขับพยาธิไส้เดือน ขนาดที่ใช้คือ 150 มก.ในผู้ใหญ่ และ 3 มก./กก.ในเด็ก โดยให้ยาครั้งเดียว

5. Piperazine เป็นยาที่ใช้รักษาโรคพยาธิไส้เดือนมาแต่เดิม ใช้ในขนาด 75 มก./กก. (ขนาดสูงสุดคือ 4 กรัม) วันละครั้งติดต่อกัน 2 วัน ได้อัตราหายเกือบร้อยละ 100 ยานี้ออกฤทธิ์โดยทำให้พยาธิไส้เดือนเกิด flaccid paralysis เนื่องจากยาไปยับยั้ง acetylcholine ที่ myoneural junction พยาธิถูกขับออกมาโดยที่ยังมีชีวิตอยู่ ยานี้มีราคาถูก ฤทธิ์ข้างเคียงน้อย แต่พบได้เมื่อใช้ยาขนาดมากเกินไป อาการที่พบ คือ อาเจียน ตามัว และกล้ามเนื้ออ่อนแรง ผู้ป่วยที่เป็นลมชักอยู่แล้วอาจเกิดชักขึ้นได้เมื่อได้รับยานี้ จึงไม่ควรใช้ยา piperazine ในผู้ป่วยลมชัก นอกจากนี้ก็ยังไม่ควรใช้ยานี้ในผู้ป่วยไตพิการอีกด้วย เนื่องจาก piperazine ถูกขับออกจากร่างกายทางไต

ส่วนผู้ป่วยที่มีภาวะแทรกซ้อนต่างๆ จากโรคพยาธิไส้เดือน ที่สำคัญคือ ภาวะลำไส้อุดตันจากพยาธิไส้เดือนนั้น ต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาล

ที่มา:พรรณทิพย์  ฉายากุล

↑ กลับสู่ส่วนบนของหน้า