สำหรับผู้ใส่ใจในการรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

โรคผิวหนัง

จากสถิติทั้งในประเทศของเราและต่างประเทศ ที่ได้มีผู้ทำไว้ในจำนวนผู้ป่วยทั้งหมดที่ไปหาแพทย์เพื่อการตรวจรักษา  ปรากฎว่าเป็นผู้ป่วยด้วยโรคผิวหนังเสียไม่ต่ำกว่า ๑๕℅  ทั้งนี้ยังมิได้คำนึงถึงผู้ที่ป่วยด้วยโรคผิวหนังที่ไม่รุนแรงจึงไม่ไปหาแพทย์ เช่น เป็นเกลื้อน กลาก สิวฝ้า หรือผู้ที่รักษาโรคของตนเองด้วยยางกลางบ้าน ถ้ารวมเข้าด้วยกันแล้ว ผู้ที่เป็นโรคผิวหนังทั้งหมดคงจะเป็นจำนวนที่สูงมากทีเดียว

ผิวหนังของมนุษย์ถึงแม้จะบางเป็นส่วนใหญ่และหนาเป็นบางแห่ง ก็เป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกายที่สำคัญมาก  โดยมีเนื้อที่ทั้งหมดถึง ๑๖,๐๐๐ ตารางเซ็นติเมตร  โดยผิวเผินเราอาจมองเห็นผิวหนังเป็นแต่เพียงเนื้อเยื่อห่อหุ้มร่างกายอยู่ภายนอกเท่านั้น  แต่ถ้าหากจะมองให้ละเอียดลึกซึ้งกันลงไปแล้ว  จะเห็นว่าผิวหนังมีองค์ประกอบหลายประการทีเดียว เช่น ผิวหนังชั้นนอกที่เรียกว่าเอปิเดอมิส ซึ่งแบ่งออกไปได้อีกห้าชั้นด้วยกัน และผิวหนังชั้นในหรือที่บางท่านเรียกว่าผิวหนังที่แท้จริง  ศัพท์แพทย์เรียกว่าคอเรี่ยมและคอเรี่ยมนี้ ประกอบไปด้วยสรรพสิ่งต่าง ๆ หลายอย่างด้วยกัน เช่นเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน  ซึ่งได้แก่พวกคอลลาเจ็น  และเส้นใยเหนียว นอกจากนี้ก็มีไขมัน ขุมขน ต่อมไขมัน ต่อมเหงื่อ หลอดเลือด เส้นใยประสาท ตลอดจนเส้นผม ขน และเล็บ

โดยปกติเท่าที่เห็นกันอยู่โดยชัดเจนแล้วนั้น  ผิวหนังมีหน้าที่ สำคัญที่สุดก็คือป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับอวัยวะที่อยู่ภายในเปรียบเสมือนเป็นด่านแรกที่จะป้องกันการรุกรานของโรคภัยไข้เจ็บ นอกจากนั้นผิวหนังยังทำหน้าที่ควบคุม ระดับ ความร้อน หนาวของร่างกาย เหมือนกับเป็นเครื่องปรับอากาศชั้นเยี่ยมทีเดียว  ไม่ว่าอากาศจะร้อนหรือเย็น ผิวหนังย่อมจะรักษาระดับความร้อนหรือุณหภูมิของร่างกายให้คงที่อยู่เสมอ ทั้งนี้ก็โดยอาศัยคุณภาพของการกระจายความร้อนและความเป็นสื่อความร้อนโดยการระเหยของเหงื่อ หรือโดยการปรับหน้าที่ของบรรดาหลอดเลือดที่อยู่ในผิวหนังนั้นเอง

คุณสมบัติอีกประการหนึ่งของผิวหนังก็คือการขับถ่าย ซึ่งได้กับเหงื่อและไขมันที่เรียกว่าซีบุ้ม  อาศัยการขับถ่ายของผิวหนังนี้แหละที่ทำให้ผิวหนังนั้นคงความอ่อนนุ่มอยู่เสมอ และรักษาระดับอุณหภูมิของร่างกายไว้ด้วย ขอเรียนให้ทราบอีกสักเล็กน้อยว่าซีบุ้ม ที่ถูกขับถ่ายออกมาทางผิวหนังโดยต่อมที่เรียกว่า ต่อมน้ำมันนี้แหละ  นับว่าเป็นประโยชน์มากในการป้องกันและหล่อลื่นผิวหนัง ตลอดจนเส้นผมและขน มิให้แห้งเปราะหรืออมความชื้นไว้มากจนเกินไป  ส่วนเหงื่อนั้นนอกจากคุณสมบัติที่จะช่วยในการรักษาระดับอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่แล้ว สภาพอันเป็นกรดของเหงื่อยังช่วยมิให้บรรดาแบคทีเรียได้เจริญงอกงามโดยง่ายอีกด้วย เหตุผลเหล่านี้จึงแสดงให้เห็นว่า ทำไมแพทย์ผู้ชำนาญทางโรคผิวหนังจึงมักห้ามหรือให้ผู้ป่วยบางรายงดการใช้สบู่หรือน้ำร้อนในการชำระล้างร่างกายเสีย ก็ด้วยเหตุที่สบู่หรือน้ำร้อนนั้นจะไปละลายเอาไขมันที่เป็นเยื่อบาง ๆ ปกคลุมผิวหนังออกไป ทำให้ผิวหนังเสื่อมความต้านทานโดยธรรมชาติไป

สิ่งที่ลืมเสียมิได้ในคุณสมบัติของผิวหนังก็คือ ความรู้สึกหลายประการที่ได้รับโดยการผ่านทางผิวหนัง เช่นการรู้สึกทางสัมผัส การรู้สึกร้อนเย็น การรู้สึกเจ็บ เหล่านี้ล้วนแล้วต้องผ่านทางเส้นฝอยประสาทที่อยู่ในผิวหนังทั้งสิ้น ถ้าหากว่ามีการสูญเสียของผิวหนัง ณ ที่ใดที่หนึ่ง  ก็ย่อมเกิดความสูญเสียทางความรู้สึกนั้น ๆ ทางผิวหนังไปด้วย

โดยปกติมักจะถือกันว่าผิวหนังไม่อาจดูดซึมน้ำ แอลกอฮอล์หรือวัตถุอื่น ๆ ได้  นอกเสียจากโดยทางช่องเปิด ของต่อมเหงื่อและขุมขน  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูดซึมของวัตถุจำพวกไขมัน อาจเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าธรรมดา  ถ้าใช้การถูหรือคลึงวัตถุเหล่านั้นบนผิวหนัง  ถ้าหากต้องการให้มีการดูดซึมเข้าไปในร่างกายแล้วตัวยาเหล่านั้นควรจะละลายในพาหะที่เป็นไขมัน  ตัวยานั้น ๆก็จะถูกดูดซึมเข้าไปในร่างกายได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ดี  การดูดซึมทางผิวหนังอาจเกิดขึ้นได้โดยวิธีการบางอย่าง เช่น การใช้กระแสไฟฟ้า เป็นต้น

ที่เรียกว่าการหายใจทางผิวหนังนั้น  หมายถึงการรับอ๊อกซิเจนเข้าไปและขับถ่าย หรือ ระเหยคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา ปรากฎการณ์เช่นนี้ก็ย่อมจะเกิดขึ้นได้ทางผิวหนังถึงแม้ไม่มากก็น้อยที่เห็นได้ชัดคือในสัตว์พวกกบ

ที่จะลืมมิได้อีกประการหนึ่งก็คือ คุณสมบัติที่จะเป็นทางก่อสร้างความต้านทานของร่างกายเพื่อต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บบางโรค ยกตัวอย่างที่เห็นได้ง่าย ๆ เช่นการปลูกฝีเพื่อป้องกันไข้ทรพิษก็ใช้ปลูกทางผิวหนัง หรือในการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันอหิวาตกโรค ไทฟอยด์ โรคคอตีบ เหล่านี้เป็นต้น ก็ต้องการการฉีดโดยผ่านทางผิวหนังทั้งสิ้น

คุณสมบัติต่าง ๆ ของผิวหนังที่ได้กล่าวมาแล้วทั้งหมดนี้เป็นเครื่องชี้ให้เห็นได้อย่างชัดเจนทีเดียวว่า ผิวหนังเป็นอวัยวะที่สำคัญยิ่งของร่างกายในการต่อสู้ป้องกัน และต้านทานโรคภัยไข้เจ็บส่วนใหญ่ สมควรที่จะได้รับการรักษาทะนุถนอมดูแลด้วยความเอาใจใส่เพื่อประโยชน์ของตัวเอง

ทีนี้จะได้กล่าวถึงโรคผิวหนังว่ามีความสำคัญอย่างไรบ้าง

ที่จริงโรคของผิวหนังและส่วนประกอบของผิวหนัง นับว่ามีมากมายเอนกอนันต์นัก  เป็นโรคที่แพทย์รู้สาเหตุและการรักษาเยียวยาบ้าง เป็นโรคที่ยังหาสาเหตุไม่พบก็อีกมาก และเป็นโรคที่ยังไม่มีการรักษาให้หายได้ก็อีกเยอะแยะ

การจำแนกชนิดของโรคผิวหนังก็มีวิธีต่าง ๆ กัน เช่น การจำแนกตามสาเหตุที่ทำให้เกิดโรค เช่น จากไวรัส จากแบคทีเรีย จากพยาธิหรือปาราสิต หรือการจำแนกโรคตามส่วนประกอบของผิวหนังที่เป็นโรค เช่น โรคของต่อมเหงื่อ โรคของต่อมไขมัน โรคของเล็บ โรคของเส้นผม เหล่านี้เป็นต้น

โรคธรรมดา ๆ ที่เกิดกับผิวหนังและพบกัน อยู่ดาษดื่นทั่วไป และประชาชนส่วนใหญ่รู้จักดี ก็มีพวกสิว ฝ้า ไฝ รังแค กลาก เกลื้อน และเชื้อราที่ง่ามนิ้วเท้าซึ่งรู้จักกันทั่วไปว่าฮ่องกงฟุต โรคต่าง ๆ เหล่านี้พบเห็นกันทั่วไป ใคร ๆ ก็รู้จัก และก็ไม่ค่อยจะสนใจไปหาแพทย์เพราะถือเป็นเรื่องเล็ก  นอกจากบางท่านเช่นสุภาพสตรี การเป็นสิว เป็นฝ้า หรือไฝในที่บางแห่ง อาจทำให้ท่านเดือดร้อน ทำให้เสียบุคลิกลักษณะ และอาจร้ายแรงถึงทำให้เกิดมีปมด้อยหรือเสื่อมเสียทางจิตใจได้

แม้แต่ที่เรียกกันว่าฮ่องกงฟุตธรรมดา ๆ ซึ่งเกิดจากเชื้อราที่ง่ามเท้า มีผู้ที่เป็นโรคนี้มากมายหลายท่านเหลือเกินที่เก็บเอาไว้ให้เป็นอยู่กับตัวจนตลอดชีวิต  โดยมิได้คำนึงว่าโรคนี้อาจกำเริบและทำให้เกิดมีความร้ายแรงจนเป็นผื่นขึ้นและมีน้ำเหลืองเฟอะไปทั้งตัวได้

โรคที่มักจะพบกันมากที่สุดในขณะนี้ก็คือที่เรียกกันว่าผิวหนังอักเสบจากการสัมผัส  ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการแพ้วัตถุอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ผงซักฟอก สบู่ เครื่องสำอาง น้ำยาย้อมผมดัดผม ยาที่ใช้ทา ฯลฯ  ซึ่งในเรื่องนี้ใคร่ขอเรียนให้ทราบว่า การรักษาตนเองโดยไปซื้อยาตามร้านโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์เสียก่อน หรือโดยคำแนะนำจากผู้ที่เคยเป็นแล้วบ้าง หรือจากผู้ขายยาบ้าง เป็นการเสี่ยงต่ออันตรายอย่างยิ่ง  เฉพาะแต่เพียงยาทาเท่านั้นก็อาจทำให้เกิดโรคร้ายถึงกับลามไปทั้งตัวได้  ยิ่งถ้าเป็นยารับประทานหรือยาฉีดด้วยแล้ว ก็อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ดังได้เห็นมาเป็นส่วนมากแล้วตามสถานพยาบาลต่าง ๆ

เมื่อพูดถึงเรื่องถึงแก่ชีวิตหรือตายได้แล้ว ก็ใคร่จะเรียนให้ทราบว่ามีหลายท่านที่คิดว่าโรคผิวหนังไม่ทำให้ถึงตาย ทั้งนี้เป็นการเข้าใจผิดอย่างฉกาจ  แม้แต่ที่ท่านเห็นว่าไฝธรรมดา ๆ เป็นเรื่องเล็ก แต่ความจริงไฝบางชนิดไม่ธรรมดาเสียแล้ว อาจกลายเป็นมะเร็งลุกลามไปที่อื่น ๆ ทำให้เสียชีวิตได้โดยรวดเร็ว หรือในขณะนี้ก็มีโรคที่จัดอยู่ในโรคผิวหนังอีกหลายโรคที่ทำให้ผู้ป่วยถึงแก่ชีวิตหรืออายุสั้น  เช่นพวกโรคที่เรียกว่าโรคคอลลาเจ็น เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีโรคเรื้อนอีกโรคหนึ่ง ซึ่งกำลังคุกคามประชาชนอยู่ในขณะนี้ จัดว่าเป็นโรคเรื้อรัง ร้ายแรง และเป็นที่รังเกียจต่อสังคม เท่าที่ทราบจากผลที่เคยมีผู้ทำการสำรวจไว้เมื่อหลายปีมาแล้วว่ามีกว่าสองแสนคน  ซึ่งเป็นจำนวนที่เรียกว่าต่ำหรือน้อยกว่าความจริงมาก  เพราะผู้ที่เป็นโรคเรื้อนมักหลบซ่อนตัวอยู่และไม่ค่อยออกมาสู่สังคมหรือหาแพทย์ ทั้ง ๆ ที่ขณะนี้โรคนี้เป็นโรคที่พอจะรักษาให้หายได้

ขอบเขตของโรคผิวหนังนั้นกว้างขวางนัก  เท่าที่ได้กล่าวมานี้เป็นเพียงแต่ส่วนน้อยของโรคธรรมดา ๆ ที่สามัญชนพอรู้จักเท่านั้น

เมื่อท่านได้ตระหนักดีแล้วว่า ผิวหนังที่ห่อหุ้มร่างกายของเรามีความสำคัญเพียงไร  ทั้งในด้านป้องกันพยาธิอันตรายต่าง ๆ ของผิวหนังเอง  รวมทั้งที่เป็นเสมือนคันฉ่องส่องให้เห็นสภาพในร่างกาย หรือเป็นเครื่องแสดงถึงพยาธิสภาพหรือโรคอื่น ๆ ของร่างกายอีกด้วย

ฉะนั้นเมื่อผิวหนังมีความสำคัญต่อความเป็นอยู่และชีวิตถึงเพียงนี้แล้ว ก็ย่อมจะต้องเป็นอวัยวะที่เราควรทะนุถนอมบำรุงรักษาให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์อยู่เสมอ  ทั้งนี้ก็ย่อมจะต้องอาศัยความเข้าใจในการทะนุถนอมรักษาผิวหนัง รวมทั้งการใช้เครื่องสำอางหรือเครื่องประเทืองผิวต่าง ๆ เพื่อที่จะให้มีผิวหนังที่สะอาดสมบูรณ์และปราศจากโรคพยาธิใด ๆ

ก่อนอื่นจะขอกล่าวถึงการอาบน้ำชำระร่างกาย  ซึ่งนับเป็นเบื้อต้นของการรักษาความสะอาดของผิวหนัง  บ้านเราเป็นเมืองร้อนเหงื่อไคลย่อมจะมีมาก ฉะนั้นการอาบน้ำจะบ่อยครั้งสักเพียงไรก็ย่อมไม่มีข้อห้ามอันใด  ย่อมอาบได้แล้วแต่ความพอใจ ในการอาบน้ำย่อมมีการถูเนื้อถูตัว ชำระล้างสิ่งสกปรกหรือฝุ่นละอองที่เกาะติดตามผิวหนังให้หมดไป การอาบน้ำและถูเนื้อถูตัวนี้ย่อมเป็นประโยชน์ต่อการไหลเวียนของกระแสเลือดด้วย  น้ำที่อาบควรเป็นน้ำเย็นซึ่งจะให้ความสดชื่นได้มากกว่า  นอกจากบางท่านซึ่งไม่สามารถจะทนความเย็นได้ดีก็ไม่ควรใช้  หรือผู้ที่เคยอาบแต่น้ำอุ่นมาแล้วอยากอาบน้ำเย็นบ้าง ก็ควรค่อย ๆ ฝึกหัดทดลองลดความอุ่นของน้ำลงทีละเล็กละน้อยก่อน ผู้ที่มีผิวหนังแห้งผิดปกติไม่ควรที่จะอาบน้ำบ่อยนัก เพราะการอาบน้ำขัดสีฉวีวรรณนั้นจะเป็นผลให้ขจัดคราบไขมันของผิวหนังออกไปเสีย  จะทำให้ผิวหนังแห้งยิ่งขึ้นไปอีก  คราบของไขมันที่ฉาบผิวหนังอยู่นั้นเป็นปราการที่สำคัญของผิวหนัง ดังได้บรรยายไว้แล้วในตอนต้น

เมื่ออาบน้ำก็ต้องใช้สบู่ทำความสะอาดด้วยกันทุกท่าน เรื่องคุณภาพหรือชนิดของสบู่ก็เป็นเรื่องสำคัญมิใช่น้อย  ในขณะที่อากาศร้อนอบอ้าวมีเหงื่อไคล จะใช้สบู่ชำระล้างอย่างไรก็ได้ตามความต้องการ  สบู่จะไปชำระล้างเอาไขมันเหงื่อไคลที่จับผิวหนังออก และเมื่อเสร็จจากอาบน้ำแล้วร่างกายก็จะขับเหงื่อและไขมันออกมาอีกทันที  แต่ในหน้าหนาวหรือเมื่ออากาศหนาวเย็น ผิวหนังย่อมขับถ่ายไขมันและเหงื่อออกมาน้อย  เมื่ออากาศเย็นและแห้งเช่นนั้น การอาบน้ำชะระร่างกายบ่อย ๆ ก็ย่อมทำความแห้งให้กับผิวหนังยิ่งขึ้น ผิวหนังเมื่อแห้งก็ย่อมจะแตกหรือเป็นขุยและทำให้คันโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเสร็จจากการอาบน้ำแล้ว ฉะนั้นในเมื่ออากาศแห้งเย็นก็ควรลดการใช้สบู่ให้น้อยลง ผู้ที่มีผิวหนังแห้งหรืออักเสบอยู่แล้วก็ควรเลือกใช้แต่สบู่ที่มีฤทธิ์เป็นด่างน้อยที่สุด เช่น สบู่ที่ใช้กับเด็กอ่อนเป็นต้น  สบู่ที่ผสมด้วยตัวยาฆ่าเชื้อต่าง ๆ หรือเชื้อน้ำหอมอย่างแรง ๆ นั้น ก็มิได้มีคุณค่าพิเศษกว่าสบู่ธรรมดาในการชำระล้างร่างกาย  จึงควรใช้สบู่ที่ทำความสะอาดได้หมดจด  โดยไม่ทำให้ผิวหนังเกิดความระคายเคืองหรือชำระล้างคราบของไขมันบนผิวหนังออกไปจนหมดสิ้น  สบู่ที่ดีจะต้องทำให้เกิดเป็นฟองหนาทั้งในน้ำอ่อนและน้ำกระด้าง  โดยไม่ทำให้เกิดตะกอนที่ไม่ละลายในน้ำนั้น

สำหรับผู้ที่เรียกว่าแพ้สบู่โดยที่มีใบหน้าแห้งมากผิดปกติ เมื่อใช้สบู่แล้วผิวหน้าจะเป็นขุยและคันหรือเป็นผื่นแดง  ในรายเช่นนี้อาจใช้โคลด์ครีมซึ่งเป็นไขมันที่อุ้มน้ำไว้ เมื่อทาลงบนผิวหน้าจะทำให้มีความรู้สึกเย็นโดยการระเหยของน้ำ  ผิวหน้าเมื่อทาโคลด์ครีมทั่วแล้ว ควรเช็ดออกเพื่อให้ฝุ่นละอองที่ติดอยู่กับผิวหน้าหลุดไปด้วย  แต่ผู้ที่มีผิวหน้าเป็นมันอยู่เสมอแล้วก็ไม่ควรจะใช้โคลด์ครีม  เพราะจะไม่เกิดประโยชน์อะไรดีไปกว่าการล้างด้วยสบู่และน้ำอุ่น มิหนำซ้ำครีมนั้นกลับจะไปทำให้มีไขมันเพิ่มมากขึ้น  โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เป็นสิวอยู่แล้วอาจเกิดเป็นเม็ดหนองได้ง่ายยิ่งขึ้น

บางท่านอาจเคยเห็นมีการโฆษณาครีมที่เบาและนุ่มซึ่งเรียกกันว่า “คลีนซิ่งครีม” ว่าเป็น “อาหาร” ที่บำรุงผิวหนัง ข้อนี้ปราศจากความจริง ผิวหนังก็เช่นเดียวกับอวัยวะอื่น ๆ ของร่างกาย ย่อมได้รับอาหารที่รับประทานเข้าไปตามปกติเท่านั้นเอง วัตถุบางอย่างที่ได้รับการโฆษณาว่าเป็นโคลด์ครีมที่ไม่มีไขมัน และใช้ชำระล้างหน้านั้น ที่จริงไม่ใช่ครีมที่แท้จริง เป็นแต่เพียงสบู่ที่ทำด้วยโซเดียมคาร์โบเนตเท่านั้นเอง และชำระไขมันออกจากผิวหนังเสียด้วย

การใช้ครีมควรใช้เมื่อเวลาก่อนนอน ภายหลังที่ได้ชำระล้างหน้าให้สะอาดเสียก่อน ประโยชน์ก็เพื่อที่จะเพิ่มไขมันให้กับใบหน้าที่ค่อนข้างแห้ง  ส่วนการผสมฮอร์โมนลงไปในครีม เพื่อชลอความชราลงนั้น ในขณะนี้ยังไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าฮอร์โมนนั้นมีประโยชน์หรือใช้ได้ผลจริง  ในการป้องกันหรือลดรอยย่นบนใบหน้าและทำให้คงความเต่งตึงดุจสาว ๆ ได้

แป้งผัดหน้าหรือฝุ่นผงสำหรับใช้โรยหรือทาตามผิวหนังนั้น ก็มีความสำคัญอยู่มิใช่น้อย  โดยปกติแล้วแป้งผัดหน้าหรือฝุ่นผงย่อมทำให้ผิวหนังเย็นสบาย แห้ง และทำให้สวยงามน่าดูด้วย และในโอกาสเดียวกันก็ช่วยป้องกันผิวหนังมิให้ถูกรบกวนโดยลมเย็น แสงแดด หรือการเสียดสีของเสื้อผ้า แป้งผัดหน้าหรือฝุ่นผงสำหรับโรยผิวหนังที่ดีนั้นต้องเป็นชนิดที่ละเอียดอ่อนและไม่ระคายเคืองที่ใช้กันเป็นหลักมากที่สุดในขณะนี้ก็คือ ทัลคั่ม ซึ่งมีน้ำหนักเบาละเอียดอ่อนมาก และติดผิวหนังได้ดีพอใช้ ส่วนแป้งอย่างอื่น ๆ เช่น แป้งข้าวจ้าว แป้งข้าวโพด หรือแป้งมันนั้น ไม่เหมาะสำหรับใช้เป็นแป้งผัดหน้าหรือโรยผิวหนัง  เพราะตัวแป้งเหล่านั้นจะอุ้มน้ำและพองได้ง่าย ทำให้เกิดความชื้นซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ต้องการ

ทัลคั่มที่ใช้สำหรับโรยผิวหนังเด็กนั้น  มักมีกรดโบริคผสมอยู่ด้วยในจำนวนเล็กน้อยเพื่อป้องกันการเจริญของพวกจุลินทรีย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามข้อพับของผิวหนัง เช่น รักแร้ ขาหนีบ และบริเวณก้น เป็นต้น ควรระวังเป็นอย่างยิ่งอย่าให้ทารก ได้รับประทานหรือหายใจสูดเอาผงฝุ่นที่มีกรดโบริคนี้เข้าไป เพราะอาจเกิดเป็นพิษขึ้นได้

แป้งผัดหน้าในปัจจุบันมักจะมีตัวยาบางอย่างผสมเข้าไปด้วย เพื่อช่วยให้มีอำนาจการดูดซึมความชื้นมากขึ้น หรือเพื่อปกปิดผิวหนังที่เป็นรูหรือริ้วรอย หรือเพื่อลดความมันของใบหน้าลง แต่ในขณะเดียวกันการใช้แป้งหนัก ๆ เหล่านี้ เช่นพวกรองพื้นหรือCake make-up มักจะทำให้ดูผิวด้าน และไปอุดการขับถ่ายของผิวหนังบนใบหน้าไว้ชั่วขณะ  ซึ่งเป็นสิ่งไม่พึงประสงค์นักในการรักษาสุขภาพของผิวหนัง การใช้รองพื้นหรือ Cake make-up อยู่เป็นประจำโดยไม่ทำความสะอาดของผิวหน้าให้พอเพียง ย่อมทำให้เกิดสิวหัวดำหรือความผิดปกติอื่น ๆได้  ฉะนั้นถ้าท่านสุภาพสตรีจำเป็นต้องใช้รองพื้นจำพวกนี้ก็ไม่ควรจะใช้ให้บ่อยนัก และเมื่อกลับจากไปงานไปการมาแล้ว ก็ต้องล้างผิวหน้าเสียให้เกลี้ยงเกลา

เมื่อพูดถึงการอาบน้ำไปแล้ว ก็อดที่จะพูดถึงการอบและนวดเสียมิได้ แต่มิใช่การไปอาบอบนวดตามสถานที่บางแห่งที่ท่านชายชอบไปกัน การอบด้วยไอน้ำ ใช้สำหรับผิวหนังหรือส่วนอื่น ๆ ของผิวหนัง เช่น อก และหลัง เป็นสิ่งมีประโยชน์ ใช้สำหรับผิวหนังที่มันและมีสิวหัวดำ การอบด้วยไอน้ำจะทำให้มีเหงื่อออกมากขึ้น แต่พึงควรระวัง่อย่าให้ร้อนจัดจนเกินควรไปจนถึงกับผิวหนังแดงกล่ำ และภายหลังที่อบด้วยไอน้ำแล้วควรประคบด้วยน้ำเย็นอีกสักครั้งหนึ่ง  เพื่อให้สภาวะของหลอดเลือดที่ผิวหนังดีขึ้น การอบด้วยไอน้ำก็เช่นเดียวกับการอาบน้ำร้อน  ถ้าใช้บ่อยเกินไปก็จะทำให้ผิวหนังแห้งและเกิดพยาธิสภาพอื่น ๆ ขึ้นได้

การนวดซึ่งรวมถึงการบีบและขัดถู ย่อมทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น โดยเฉพาะผู้ขาดการออกกำลังกาย สำหรับบริเวณใบหน้านั้นย่อมเป็นการยากที่จะขาดการบริหาร  เพราะแทบจะทั้งวันเราต้องใช้กล้ามเนื้อที่บริเวณใบหน้าอยู่เสมอ เวลารับประทานอาหารก็ต้องเคี้ยว เวลาพูดคุยหรือแสดงอารมณ์ต่าง ๆ ออกมาไม่ว่าจะยิ้มแย้มหรือบึ้งตึง ก็ต้องใช้กล้ามเนื้อของใบหน้าทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นการถูนวดโคลด์ครีมหนัก ๆ ลงไปบนใบหน้านั้น จึงไม่มีประโยชน์อะไรดีไปกว่าการลูบไล้เพียงเบา ๆ การนวดร่างกายย่อมทำให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า เมื่อนวดเสร็จแล้วควรอาบน้ำให้สะอาดสะอ้านเสียอีกครั้งหนึ่ง  การนวดในขณะที่ผิวหนังกำลังมีการอักเสบ ย่อมเป็นผลร้ายมากกว่าที่จะเป็นผลดี

จากจะพิจารณาโดยทั่วไปแล้ว สุขภาพของผิวหนังย่อมขึ้นอยู่กับอาหารที่ให้สัดส่วนพอเหมาะพอดีด้วย  อาหารทีสมดุลย์นั้นย่อมจะหมายถึงอาหารที่พร้อมบริบูรณ์ด้วยไวตามิน และแร่ธาตุต่าง ๆ ตามความต้องการของร่างกาย ที่เรียกว่าเป็นอาหารแสลงก็อาจมีได้ถ้าท่านแพ้ต่ออาหารเหล่านั้น  เช่นบางท่านรับประทานอาหารทะเลแล้วเกิดเป็นผื่นคันหรือลมพิษขึ้น การบกพร่องในโภชนาการ หลายประการอาจแสดงอาการออกมาทางผิวหนังก่อนอวัยวะอื่น ๆ เช่นการบกพร่องไวตามิน เอ จะทำให้ผิวหนังแห้ง หยาบและคล้ำ และอาจเป็นผื่นเม็ดเล็ก ๆ เหมือนขนลุกตามแขน ขา หรือที่อื่น ๆ เป็นต้น

        นอกจากนั้นอารมณ์และความเคร่งเครียดในภารกิจประจำวันก็มีส่วนในการแสดงออกหรือเป็นผลต่อความสมบูรณ์ของผิวหนังอยู่ไม่น้อยเช่นกัน  ผู้ที่มีอารมณ์ขุ่นมัวหรือมีความเคร่งเครียดอยู่เสมอ  ย่อมมีผลทำให้ผิวหนังเกิดเป็นริ้วรอยย่น หรือเรียกว่าเข้าสู่ความชราภาพเร็วกว่าผู้ที่มีชีวิตราบรื่น ใจคอสบาย ไม่มีการครัดเครียดของอารมณ์อยู่เป็นเวลานาน ๆ ความหวาดกลัวและความวิตกกังวลทั้งหลาย  ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของความครัดเครียดของจิตใจนั้น ก็ควรเป็นเรื่องที่ท่านได้นำไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ  เพื่อที่จะให้ท่านได้หย่อนคลายอารมณ์ มีจิตใจสบายขึ้น และการรีบเร่งสู่ความชราภาพก็อาจจะได้ลดถอยลงสุขภาพของผิวหนังของท่านก็จะได้ดีขึ้นด้วย

ศจ.น.พ.สร  เมตติยวงศ์

,

↑ กลับสู่ส่วนบนของหน้า