โภชนาการสำหรับเด็กวัยเรียน

(Nutrition for School Child)
เด็กวัยเรียนมีอายุระหว่าง 6 ขวบ ถึง 16 ปี ในระยะนี้มีการเติบโตพอควรและสม่ำเสมอ จึงมักไม่ค่อยมีปัญหาทางโภชนาการนัก เด็กวัยนี้ต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ต้องตื่นแต่เช้าไปโรงเรียน ต้องกินอาหารกลางวันนอกบ้านและมีกิจกรรมอีกหลายอย่างที่ต้องกระทำด้วยตนเอง

จึงควรกำหนดกิจวัตรประจำวันตลอดจนการกินอาหารให้เหมาะสมกับการที่เด็กไปโรงเรียน และต้องระวังไม่ให้กระทบกระเทือนถึงการกินอาหารแต่ละมื้อของเด็กหรือมีผลต่อนิสัยการกินของเด็กที่มีอยู่แล้ว เช่น ต้องจัดอาหารเช้าให้ทัน ให้เด็กตื่นแต่เช้าเพื่อจะได้มีเวลากินอาหาร อย่างไม่รีบเร่ง

ความต้องการอาหารและพลังงานของเด็กวัยเรียน
อาหารของเด็กวัยนี้ควรได้ครบทั้ง 5 หมู่ เพราะความต้องการของเด็กวัยนี้ คือ

1. พลังงาน อายุ 6-12 ขวบ ต้องการเท่ากันทั้งหญิงและชายอายุ 13-15 ปี ชายต้องการวันละ 2,800 แคลอรี หญิงต้องการวันละ 2,355 แคลอรี

2. โปรตีน วัยนี้ต้องการวันละ 1.5-2 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม มากกว่าความต้องการของผู้ใหญ่ 1 เท่าตัว ทั้งนี้เพื่อใช้ในการสร้างฮอร์โมน และความเจริญเติบโตที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว

3. แคลเซียม เพื่อใช้ในการสร้างกระดูกและฟัน เพราะวัยนี้ฟันกำลังงอก เด็กชายต้องการมากกว่าเด็กหญิงเล็กน้อย

4. เหล็ก เพื่อสร้างเซลล์และเลือดเนื้อ โดยเฉพาะหญิงที่มีประจำเดือนต้องการมากกว่าชายเพราะเลือดสูญเสียไปมาก

5. วิตะมิน โดยเฉพาะวิตะมินเอ เพื่อป้องกันโรคผิวหนัง โรคตา วิตะมินบี เพื่อความกระฉับกระเฉงว่องไว และความอยากอาหาร รับประทานอาหารได้มาก วิตะมินซี ป้องกันโรคเหงือกพรุน ทำให้เลือดออกตามไรฟัน และวิตะมินดี ป้องกันเลือดน้อยและเลือดจาง

6. ผักใบเขียวและผลไม้

7. ไขมัน เด็กวัยนี้ต้องลดไขมันจากสัตว์แล้วเพิ่มไขมันจากพืช เพื่อป้องกันมิให้ขาดกรดไขมันที่จำเป็นแก่ร่างกาย

อาหารของเด็กวัยนี้จึงควรให้ครบส่วนและสมดุลย์ เช่นเดียวกับวัยอื่นๆ
ปัญหาอีกประการหนึ่งของเด็กวัยนี้คือ เรื่องอาหารกลางวัน ถ้าเด็กนำเงินไปซื้ออาหารเอง อาจจะยังไม่รู้จักเลือกอาหารที่มีประโยชน์ ถ้าพ่อแม่จัดอาหารกลางวันให้ไปด้วย หรือทางโรงเรียนจัดอาหารกลางวันในราคาถูกจำหน่าย ก็คงจะแก้ปัญหาในเรื่องนี้ได้

การได้อาหารครบถ้วนอย่างเดียวไม่เพียงพอ เด็กจะต้องได้ออกกำลังกาย ได้อากาศบริสุทธิ์ แสงแดด และพักผ่อนนอนหลับพอควร เพื่อร่างกายจะได้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ แข็งแรง นำอาหารที่กินไปใช้ประโยชน์ได้เต็มที่

ที่มา:ค้วน  ขาวหนู
วท.บ.(สุขศึกษา).ค.ม.