สำหรับผู้ใส่ใจในการรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

เกลื้อน (Tinea versicolor/Pityriasis versicolor)

เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่เกิดจากเชื้อรา พบโรคนี้ได้บ่อยในคนหนุ่มสาว ผู้ที่ทำงานกลางแดด เช่น ชาวไร่ ชาวนา กรรมกรแบกหาม ผู้ขับขี่รถยนต์ หรือนักกีฬา มักพบว่าเป็นกันมากเนื่องจากการใส่เสื้อผ้าที่อับชื้นหรือมีเหงื่อออกมาก

อาจมีภาวะบางอย่างที่สนับสนุนให้เกิดโรคในผู้ที่เป็นเกลื้อนซ้ำแล้วซ้ำอีก เช่น การมีเหงื่อออกมากผิดปกติ การตั้งครรภ์ ภาวะโลหิตจาง ขาดอาหาร วัณโรค เอดส์ หรือการใช้สตีรอยด์ติดต่อกันเป็นเวลานาน เป็นต้นเกลื้อน

การเกิดโรคขึ้นอยู่กับภาวะร่างกายของผู้ป่วยที่เสริมให้เชื้อราที่มีอยู่ประจำถิ่นบนผิวหนังของผู้ป่วยเจริญงอกงามขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคได้มากกว่าการสัมผัสกับผู้ที่เป็นเกลื้อนที่มีการติดต่อจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่ง ในผู้ป่วยเอดส์อาจพบว่าเป็นโรคนี้แบบเรื้อรัง

สาเหตุ
เกิดจากเชื้อราที่มีอยู่ตามหนังศีรษะของคนเราเป็นปกติวิสัยอยู่แล้ว มีชื่อว่า มาลาสซีเซียเฟอร์เฟอร์ มักพบเป็นมากในผู้ที่มีเหงื่อออกมาก ซึ่งภาวะนี้จะทำให้เชื้อราเจริญงอกงามจนทำให้กลายเป็นเกลื้อนในที่สุด

อาการ
ในบริเวณที่มีเหงื่อออกมาก เช่น หน้า ซอกคอ หลัง ไหล่ มักจะมีผื่นขึ้นเป็นดวงกลมเล็กๆ ขนาด 4-5 มม. หลายดวงกระจายอยู่ ลักษณะของผื่นอาจแยกกันเป็นดวงๆ หรือต่อกันเป็นแผ่นขนาดใหญ่ เป็นสีขาว น้ำตาลจางๆ หรือน้ำตาลแดง เป็นรอยด่างหรือรอยแต้ม ถ้าเอาเล็บขูดผื่นเหล่านี้ในระยะที่เป็นใหม่ๆ มักจะมีขุยขาวๆ ร่วงออกมา แต่จะไม่มีอาการคัน แต่ก็อาจรู้สึกคันเล็กน้อยพอรำคาญขณะมีเหงื่อออกมากในบางครั้ง

การรักษา
หลังอาบน้ำเช้าเย็นควรทาด้วยครีมรักษาโรคเชื้อรา วันละ 2 ครั้ง และควรทาติดต่อกันทุกวัน นาน 3-4 สัปดาห์เมื่ออาการดีขึ้นแล้ว

หรืออาบน้ำเช็ดตัวให้แห้งแล้วใช้สำลีชุบแชมพูสระผมเซลซันทาบริเวณที่เป็นเกลื้อน ทาทิ้งไว้ 15 นาที แล้วจึงอาบน้ำอีกครั้งเพื่อล้างยาออก ให้ทำวันละครั้ง เป็นเวลา 6 สัปดาห์ แต่ยานี้อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ เช่น อาจเกิดอาการบวมแดง คัน หรือแสบร้อนคล้ายน้ำร้อนลวก จึงควรเลิกใช้ถ้ามีอาการเหล่านี้เกิดขึ้น หรืออาจจะทาด้วยแชมพูคีโตโคนาโซล ทิ้งไว้ 5 นาทีแล้วล้างออก วันละครั้งติดต่อกันนาน 5 วัน หรือให้กินคีโตโคนาโซล หรือ ไอทราโคนาโซลในรายที่เป็นมากจนกินบริเวณกว้าง หรือเป็นเรื้อรัง

ข้อแนะนำ
1. ควรรักษาความสะอาดของร่างกายและเสื้อผ้าอยู่เสมอ และไม่ควรใส่เสื้อผ้าที่อับเหงื่อนานๆ

2. โรคนี้อาจกำเริบขึ้นใหม่ได้หลังจากรักษาจนหายดีแล้ว จึงควรป้องกันโดยการทาครีมรักษาโรคเชื้อราหลังอาบน้ำทุกเดือน เดือนละ 2 วันติดต่อกัน ให้ทาวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น หรือทาแชมพูเซลซันเดือนละครั้ง หรือแชมพูคีโตโคนาโซล 1 ครั้ง ทุก 2 สัปดาห์ หรือกินยาคีโตโคนาโซล หรือไอทราโคนาโซล 400 มก. เดือนละครั้ง

3. ห้ามทาด้วยครีมสตีรอยด์ หรือซื้อยาที่เข้าสตีรอยด์มาใช้ เพราะอาจทำให้โรคลุกลามได้

4. การรักษามักไม่ค่อยได้ผลเมื่อใช้ขี้ผึ้งเบอร์ต่างๆ หรือยาน้ำที่ทาแล้วแสบ ซึ่งบางครั้งอาจทำให้ผิวหนังไหม้และอักเสบขึ้นได้

5. เชื้อราที่เป็นสาเหตุของโรคนี้เป็นเชื้อราที่อยู่ในร่างกายของคนเราเป็นปกติวิสัยอยู่แล้ว ดังนั้น ผู้ที่เป็นเกลื้อนเมื่อหายแล้วก็อาจกลับมาเป็นใหม่ได้อีก แต่อาจมีภาวะผิดปกติของร่างกายอื่นๆ ร่วมด้วยถ้ามีอาการเป็นๆ หายๆ เรื้อรัง ผู้ป่วยควรให้แพทย์ตรวจเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง

6. ควรแยกออกจากสาเหตุอื่นๆ เช่น โรคด่างขาว กลากน้ำนม ซึ่งโรคเหล่านี้จะทาด้วยยารักษาเกลื้อนไม่ได้ผล ถ้าเป็นเกลื้อนจริงผิวหนังบริเวณนั้นจะย่นเล็กน้อยและมีเกล็ดบางเลื่อมสีขาวน้ำตาลหรือแดงเรื่อๆ คลุมอยู่บนผิว เวลาเอาเล็บขูดจะเป็นขุย

↑ กลับสู่ส่วนบนของหน้า