สำหรับผู้ใส่ใจในการรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

อาหารสูตรครบรูปจากธรรมชาติ

อาหารสูตรครบรูป เป็นการใช้อาหารธรรมชาติบริสุทธิ์ครบหมดทุกส่วนเป็นแผนการทางโภชนาการเพื่อต่อสู้กับโรค ให้มีสุขภาพที่ดีและรักษาดุลเคมีของร่างกาย พื้นฐานความคิดของอาหารตำรับนี้ มีอยู่ว่าอาหารประกอบไปด้วยสารเคมีบางอย่างที่ก่อให้เกิดปัญหาทางสรีระขึ้นมาได้ในเวลาที่มีมากหรือน้อยเกินไปในร่างกาย

ดร.เบอร์นาร์ด เจนเซน นักโภชนาการที่มีชื่อเสียงก้องโลกเป็นผู้ที่พัฒนาปรัชญาเรื่องอาหารครบรูปนี้ขึ้นมา และได้เขียนหนังสือไว้มากกว่า 25 เล่ม เมื่ออายุ 18 ปี หลังจากเรียนจบชั้นมัธยมเจนเซนได้เข้าเรียนที่วิทยาลัยแพทย์แผนไคโรแพร็คทิคที่เวสต์โคสต์ ได้ทำงานเพื่อจุนเจือตัวเองพร้อมกับการเรียนที่หนักหน่วงประกอบไปด้วย อาหารที่ได้รับก็ไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกายจนทำให้เขาดูทรุดโทรมมากหลังจากเรียนจบแพทย์ได้ไม่นาน

ในปลายทศวรรษที่ 1920 แพทย์ได้วินิจฉัยว่าเจนเซนเป็นโรคปอดที่ไม่อาจจะรักษาให้หายได้ เพราะตอนนั้นยังไม่มีผู้คิดค้นยาปฏิชีวนะขึ้นมาใช้ ถ้าเป็นโรคนี้ก็อาจทำให้ถึงตายได้ แต่เขาโชคดีที่ได้รู้จักกับแพทย์คนหนึ่งที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายเซเวนธ์เดย์แอ็ดเวนทิสท์ ได้บอกเขาว่าปัญหาทางสรีระมีสาเหตุมาจากความบกพร่องทางโภชนาการ จนเจนเซนเกิดความกระจ่างและเห็นความสำคัญของการได้รับอาหารที่เหมาะสม แพทย์จึงให้เจนเซนรับประทานอาหารที่บำรุงสุขภาพแทนอาหารขยะ และให้ออกกำลังกายที่เกี่ยวเนื่องกับการหายใจ วิธีการนี้ได้เพิ่มพลังงานและทำให้เจนเซนมีเนื้อมีหนังขึ้น ทำให้เขากลับไปสู่หนทางของสุขภาพที่ดีได้อีกและช่วยรักษาโรคปอดของเขาได้

จากประสบการณ์ส่วนตัวทำให้เจนเซนได้รู้ถึงอำนาจในการฟื้นสุขภาพจากอาหารที่เหมาะสมและนำเอาโภชนาการมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของวิธีการรักษาของเขา แม้ว่าเขาจะเรียนมาเป็นแพทย์แผนไคโรแพร็คทิคก็ตาม ตลอดระยะเวลาหลายปี ปรัชญาด้านอาหารของเจนเซนก็ได้พัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ ซึ่งมีพื้นฐานดั้งเดิมมาจากงานของ ฮิปโปเครตีส และวิกเตอร์ จี. โรซีน(Victor G. Rocine) รวมทั้งของตัวเขาเอง

ก่อนหน้านั้นการเยียวยารักษาโรค ได้พึ่งพาอาศัยไสยศาสตร์และเวทย์มนต์เป็นอย่างมาก แต่ในระหว่าง 460-377 ก่อนคริสตกาลที่ฮิปโปเครตีสมีชีวิตอยู่ ก็ได้วางรากฐานสำหรับวิทยาศาสตร์การแพทย์และโภชนาการสมัยใหม่เอาไว้

“จงใช้อาหารเป็นยาของเจ้า” เป็นคำพูดของฮิปโปเครตีส ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขารู้ถึงศักยภาพในการรักษาของโภชนาการ และรู้ว่าโภชนาการที่เหมาะสมจะแยกออกจากกันไม่ได้จากการดูแลสุขภาพ และเป็นสิ่งจำเป็นหากต้องการให้การรักษาด้วยยาได้ผล เขาได้เน้นย้ำในงานเขียนของเขาว่า อาหารที่สมดุลกับแบบอย่างการดำเนินชีวิตที่มีเหตุผล เป็นหนทางที่จะช่วยป้องกันโรคได้

แพทย์แผนโฮมีโอพาธี ชาวนอร์เวย์ ชื่อ วิคเตอร์ จี.โรซีน ที่อพยพมาอาศัยในสหรัฐฯ ได้เริ่มศึกษางานของนักชีวเคมีในยุโรปเกี่ยวกับองค์ประกอบทางเคมีในอาหารสามัญของมนุษย์และได้ซึมซับเอาความรู้นี้ได้ในทันที และให้ความเห็นว่า โรคส่วนใหญ่รวมทั้งความไม่สบายทั้งหลายและปัญหาทางจิตล้วนมีสาเหตุมาจากปัจจัยทางเคมีบางอย่างที่เกิดขึ้นในร่างกายที่มีมากหรือน้อยจนเกินไป จากความคิดของฮิปโปเครตีสที่ว่าอาหารนำมาใช้เป็นยาได้ โรซีนจึงเชื่อว่าสามารถนำอาหารต่างๆ มาจำแนกประเภทตามหน้าที่ของมันได้ เนื่องจากอาหารบางอย่างมีผลต่อร่างกายในแบบเฉพาะ จึงนำมารักษาโรคได้

เจนเซนได้ฟังคำบรรยายของวิคเตอร์ โรซิน ในทศวรรษที่ 1930 เขาได้สมัครเป็นศิษย์เพราะประทับใจสิ่งที่โรซีนพูดมาก ใน 10 ปีต่อมาเจนเซนก็ได้ศึกษาเรื่องอาหารและโภชนาการกับโรซีนในโอคแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ที่ชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ และที่เมืองพอร์ตแลนด์ ในรัฐโอเรกอน และการเรียนการสอนได้กลายมาเป็นมิตรภาพที่ยืนนานและเป็นความสัมพันธ์ในด้านวิชาชีพด้วย

ดร.เจนเซนได้นำการวิจัยด้านโภชนาการของเขา และสิ่งที่ได้เรียนรู้มาจากงานของฮิปโปเครตีส และที่ได้เรียนมาจากโรซีน นำมาขัดเกลาตกแต่งเพื่อถ่ายทอดไปทั่วโลก

การเยียวยารักษาด้วยอาหารมีหลักสำคัญพื้นฐานบนความจริงที่ว่า อาหารประกอบด้วยสารอินทรีย์เช่นเดียวกับมนุษย์ ปัจจัยทางเคมีที่พบในอาหารก็ได้มาจากดินและได้นำมาใช้ด้วยสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งโดยเฉพาะ เมื่อร่างกายเกิดโรคภัยหรือได้รับบาดเจ็บก็มีอาหารอย่างเดียวเท่านั้นที่จะเสริมสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ได้รับความเสียหายได้ ไม่มียาชนิดใดหรือวิธีทางการแพทย์ใดสามารถทำหน้าที่อันนี้ได้สำเร็จ

เมื่อบริโภคอาหารที่ได้จากพืชสดที่ปลูกโดยไม่ใช้ยาฆ่าแมลงอย่างครบถ้วน และไม่ได้ผ่านการปรุงแต่งใดๆ เนื้อสัตว์ที่รับประทานก็ไม่ใช้สารเคมีใดๆ ก็จะได้รับแหล่งธาตุเคมีธรรมชาติที่บริสุทธิ์ที่สุด โดยไม่มีพิษที่เป็นอันตรายจากการบริโภคอาหารทางนิเวศน์วิทยา

พืชสีเขียวอยู่ส่วนล่างสุดของสายโยงอาหารที่กินต่อๆ กันมาเป็นลูกโซ่ ยิ่งกินอาหารในสายโยงขั้นต่ำหรือล่างเพียงไรก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น ยิ่งเรากินอาหารธรรมชาติบริสุทธิ์ สด ครบถ้วน เราก็มีโอกาสที่จะมีสุขภาพที่ดีและปลอดภัยจากโรคภัยไข้เจ็บได้มากเพียงนั้น

ดร. เจนเซนได้แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีผัก 60% ผลไม้ 20% แป้ง 10% โปรตีน 10% ในอาหารเหล่านี้ควรเป็นอาหารดิบ 60% (เนื่องจากกระปรุงหรือแปรรูปจะทำลายสารอาหารและเอ็นไซม์ต่างๆ)อาหารปรุงสุก 40% เพราะจะสร้างอัตราส่วนด่างและกรดให้อยู่ในระดับ 80 กับ 20 เปอร์เซ็นต์ในร่างกายซึ่งเป็นโภชนาการที่ดี เป็นการป้องกันโรค

เราจำเป็นต้องรับประทานอาหารที่เหมาะสมซึ่งให้สารอาหารที่จำเป็นในปริมาณที่ถูกต้อง เพื่อให้มีสุขภาพดีและรักษาภาวะที่มีสุขภาพดีที่สุดเอาไว้ และควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดโทษ เช่น อาหารรมควัน ใส่เกลือหรือทอดน้ำมัน อาหารที่มีน้ำตาลสูง น้ำส้มสายชู อาหารที่มีกลิ่นเหม็นหืน ฯลฯ

ประโยชน์ของโภชนาการที่เหมาะสมจะช่วยรักษาโรคและทำให้มีพลังงานและมีชีวิตชีวาเพิ่มขึ้น ร่างกายสุขสบายยิ่งขึ้น และทำให้อวัยวะ เนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย

ดร.เจนเซนได้อธิบายไว้อย่างละเอียดว่า ความผิดปกติของสุขภาพในแบบต่างๆ นั้นจะสามารถรักษาและเยียวยาได้ด้วยอาหารอย่างใดบ้าง ซึ่งสามารถหาซื้อและนำมาอ่านได้จากหนังสือเรื่อง Foods That Heal: A Guide to Understanding and Using the Healing Powers of Natural Foods หรือ อาหารที่รักษาโรค:คำแนะนำเพื่อการทำความเข้าใจและการใช้อำนาจในการเยียวยาของอาหารธรรมชาติ ที่มีขายตามร้านหนังสือทั่วไป หรือห้องสมุด

และยังมีหนังสือ เทปคาสเซตและวีดีโอตลอดจนอาหารเสริมจำหน่ายด้วย และได้จัดโปรแกรมการสัมมนาเชิงให้การศึกษาแบบพักอยู่ในสถานที่ด้วย ชื่อว่า Radiant Health ที่ไร่ฟีเธอร์ด ไพพ์ (Feathered Pipe Ranch) ซึ่งอยู่ใกล้กับเฮเลนา ในรัฐมอนตาน่าของสหรัฐอเมริกา

เรียบเรียงโดย:สุวิชญ์ ปรัชญาปารมิตา

↑ กลับสู่ส่วนบนของหน้า