สำหรับผู้ใส่ใจในการรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

ทฤษฎีทางโภชนาการอาหารมังสวิรัติ

อาหารที่ปราศจากเนื้อหรืออาหารมังสวิรัติ เป็นอาหารของคนที่ยึดถือหลักการทฤษฎีทางโภชนาการหรือศีลธรรม ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ หรืออาหารที่ได้มาจากสัตว์ ซึ่งมีนักมังสวิรัติอยู่หลายประเภท ดังนี้อาหารมังสวิรัติ

เวแกน(Vegan) หรือนักมังสวิรัติบริสุทธิ์และเคร่งครัด หมายถึง ผู้ที่รับประทานเฉพาะอาหารที่ได้มากจากพืชเท่านั้น ซึ่งมีอยู่ 4 กลุ่มหลักๆ คือ ผัก ผลไม้ ธัญพืชชนิดต่างๆ ถั่วชนิดต่างๆ และเมล็ดพืช

แล็คโต-เวเจแทเรียน (Lacto-vegetarian) รับประทานอาหารเช่นเดียวกับพวกเวแกน แต่เพิ่มผลิตภัณฑ์อาหารที่ได้จากนมต่างๆ ครีม เนยและเนยแข็ง แต่จะไม่รับประทานไขมันในสัดส่วนที่คิดเป็นแคลอรี่แล้วสูงเกินไปนัก

แล็คโต-โอโว-เวเจแทเรียน (Lacto-ovo-vegetarian) รับประทานอาหารเหมือนพวกแล็คโต-เวเจแทเรียน แต่รับประทานไข่ด้วย และต้องควบคุมการบริโภคไขมันและคอเลสเตอรอลให้เหมาะสม

ฟรุตแทเรียน (Fruitarian) หมายถึง นักมังสวิรัติที่รับประทานเฉพาะผลไม้ดิบหรือสดเท่านั้น หรืออาจนิยามว่ารับประทานเมล็ดพืชควบคู่ไปกับผลไม้และผักด้วย และอาจรับประทานถั่วงอกกับธัญพืชที่เพาะให้งอกแล้ว(แต่ไม่กินข้าวหรือธัญพืชธรรมดา) รูปแบบของฟรุตแทเรียนที่เคร่งจะไม่ใช้ไขมัน น้ำมัน น้ำตาล เกลือ หรือเครื่องปรุงรส หรืออาจเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า ผู้รับประทานอาหารดิบ(คือไม่มีการปรุงให้สุก)

การรับประทานอาหารมังสวิรัติยังมีวัฒนธรรมอีกหลายประเภท เช่น ไม่รับประทานเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ และผักที่มีกลิ่นฉุน เช่น กระเทียม หอมทั้งชนิดต้นและหัว ผักชี กุยช่าย คึ่นไช่ ฯลฯ

นักมังสวิรัติบางพวกมีเงื่อนไขว่าจะไม่รับประทานสิ่งที่มีลูกนัยน์ตา ซึ่งหมายความว่า สัตว์พวกหอย แมงกะพรุน ฯลฯ ก็ยังรับประทานได้

ไม่ใช่เรื่องใหม่เกี่ยวกับแนวความคิดในเรื่องการกินอาหารมังสวิรัติ ยังมีพวกที่เชื่ออำนาจภูติผีตามคัมภีร์ไบเบิลอย่างพวกเอ็สซีนส์(Escenes) ก็เป็นนักมังสวิรัติ นักมังสวิรัติสังคมใหญ่อย่างฮินดูก็ยังถือเอาการกินอาหารในรูปแบบนี้เป็นแนวปฏิบัติมานับพันๆ ปีแล้ว

ในช่วงทศวรรษที่ 1960 การกินอาหารมังสวิรัติก็เริ่มได้รับความนิยมขึ้นในสหรัฐฯ เริ่มมีการระวังตัวและดำเนินชีวิตในแบบที่จะทำให้มีสุขภาพดีมากขึ้น ทุกวันนี้อาหารแบบที่จะช่วยรักษาโรคมากมายหลายสูตรเพื่อต่อสู้กับมะเร็งและโรคที่ทำให้ด้อยสมรรถภาพอื่นๆ เช่น อาหารสูตรข้าวจ้าวของเคมป์เนอร์ และอาหารสูตรแม็คดูกัล ก็เป็นอาหารมังสวิรัติเช่นกัน

ควรเริ่มฝึกรับประทานอาหารมังสวิรัติอย่างช้าๆ อาจต้องใช้เวลาสักหน่อยเพื่อทำให้ปุ่มรับรสคุ้นกับการรับรู้อาหารในรูปแบบใหม่ที่ต่างออกไป และต้องใช้เวลาในการปรับระบบย่อยอาหารให้เข้ากับอาหารที่มีเส้นใยเพิ่มมากขึ้น การย่อยอาหารจะเริ่มต้นขึ้นในปากจึงควรเคี้ยวผลไม้ ผักดิบและธัญพืชต่างๆ ให้ละเอียดด้วย

การรับประทานอาหารสูตรมังสวิรัติ ควรเลือกอาหารที่เหมาะสมและให้มีความหลากหลายของชนิดอาหารให้มากที่สุดในแต่ละกลุ่มอาหาร ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงการขาดสารอาหารและไม่ให้เกิดการสร้างสารพิษขึ้นมาในร่างกาย

การดำเนินชีวิตตามแบบนักมังสวิรัติ ตำราปรุงอาหาร ก็มีหนังสืออยู่มากมายให้ศึกษาค้นคว้า เช่น ห้องสมุด ร้านขายหนังสือ หรือตามร้านขายอาหารสุขภาพอาจจะมีการสอนปรุงอาหารมังสวิรัติกันอยู่บ่อยๆ

ส่วนใหญ่จะพบว่า ผู้ที่กินอาหารมังสวิรัติจะลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และโรคอ้วน

ผลการวิจัยทั้งในและต่างประเทศ พบผู้ที่กินอาหารมังสวิรัติอย่างเคร่งครัดมีภาวะพร่องของวิตามินบี 12 และแร่ธาตุเหล็ก โดยเฉพาะในรายที่กินมังสวิรัติอย่างเคร่งครัดเป็นเวลานานๆ และมีผลต่อการเจริญเติบโตของเด็กด้วย

เรียบเรียงโดย:สุวิชญ์ ปรัชญาปารมิตา

↑ กลับสู่ส่วนบนของหน้า