สำหรับผู้ใส่ใจในการรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

การออกกำลังกายแบบแอโรบิค

การเต้นแอโรบิค(Aerobic Dance)
เป็นการออกกำลังกายที่ทำให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวออกแรงและทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น มีการสูบฉีดของโลหิตไปทั่วร่างกายมากขึ้น ทำให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายได้รับออกซิเจนหล่อเลี้ยงเพิ่มมากขึ้น และมีการระบายของเสียออกได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งในตำราต่างๆ มักจะมีคำแนะนำให้ออกกำลังกายแบบนี้ควบคู่กันไปด้วย โดยทั่วไปจะมีคำแนะนำสำหรับเวลาที่ใช้ในการออกกำลังกายแบบแอโรบิคประมาณ 20-30 นาทีเพื่อให้กล้ามเนื้อหัวใจทำงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแอโรบิค

การออกกำลังกายแบบแอโรบิค สามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ เช่น การวิ่งเหยาะ การเดินเร็ว การว่ายน้ำ การขี่จักรยาน ฯลฯ รวมทั้งการเต้นรำแบบแอโรบิค หรือแอโรบิคส์ แดนซ์(Aerobic Dance) ซึ่งจะทำให้มีร่างกายที่สมส่วนขึ้น

โปรแกรมการสร้างสุขภาพที่สมบูรณ์ในรูปแบบการเต้นรำแบบแอโรบิค จัดทำขึ้นเพื่อความสนุกสนานและเบิกบานใจ เป็นแบบกิจกรรมต่อเนื่อง มีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงสภาพร่างกายและทรวดทรง แต่จะไม่เหมือนกับการออกกำลังกายเพื่อความแข็งแรงและความอ่อนช้อยสง่างามชนิดที่มีการหยุดและเริ่มต้นใหม่หลายหนที่มีการออกกำลังกายกับเฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย

ร่างกายจะได้ผ่านการทดสอบอย่างพิถีพิถัน และมีการฟิตซ้อมแบบค่อยเป็นค่อยไปในการเต้นแบบแอโรบิค เพื่อเสริมสร้างและพัฒนาระบบการหมุนเวียนของอากาศในหลอดเลือดหัวใจในขณะที่รักษาทรวดทรงและกระชับกล้ามเนื้อไปด้วย การออกกำลังกายจะเกิดขึ้นกับทุกส่วนของร่างกาย

แอโรบิค แปลว่า “มีออกซิเจน” ในเวลาเต้นแอโรบิคจะมีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง หัวใจและปอดจะได้รับการกระตุ้นและเสริมสร้างให้เกิดความแข็งแรง ซึ่งเหมือนเป็นการปรับปรุงความสามารถของร่างกายให้ขนส่งและใช้ประโยชน์จากออกซิเจนอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดพลังงานและมีชีวิตชีวามากขึ้น

การเต้นแอโรคบิคเป็นแบบแผนที่กำหนดขึ้นมาอย่างพิถีพิถัน และนำมาประกอบให้เข้ากับจังหวะดนตรี สามารถเลือกใช้ดนตรีหรือเพลงที่เหมาะสมได้หลายอย่างในแต่ละแบบแผน มิใช่เป็นเพียงการออกกำลังกายให้เข้ากับจังหวะดนตรีหรือเป็นการออกกำลังกายด้วยการเต้นรำตามแบบเท่านั้น

การเต้นแอโรบิคสามารถทำให้เป็นประสบการณ์ที่เร้าใจและสนุกได้ ด้วยการออกแบบลีลาท่าเต้นให้เข้ากับอารมณ์ และจังหวะดนตรีเฉพาะเพลง เพื่อทำให้ผู้ร่วมการเต้นกลายเป็นส่วนหนึ่งของดนตีในขณะที่เต้นได้

แจ็คกี้ ซอเรนเซน(Jacki Sorensen) ผู้สร้างสรรค์การเต้นรำแบบแอโรบิค เป็นผู้ที่ชอบเต้นรำเป็นชีวิตจิตใจมาตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ตอนเป็นเด็กครูสอนเต้นรำชี้ให้เธอเห็นว่า เธอหอบและหายใจแรงๆ มากเกินไป ซอเรนเซนจึงเพิ่มความอดทนของร่างกายด้วยการกระโดดเชือกและเต้นแท็บคราวละเป็นชั่วโมงๆ ในระหว่างการฝึกซ้อมเต้นรำ และในเวลาไม่นานเธอก็สามารถฝึกเต้นรำได้อย่างดูเป็นเรื่องง่ายๆ สบายๆ และนี่คือจุดเริ่มต้นของโปรแกรมการฟิตซ้อมร่างกายจนตลอดชีวิตของเธอ

เมื่อแจ็คกี้ ซอเรนเซน มีอายุได้ 26 ปีในปี ค.ศ.1969 เธอได้รับการร้องขอให้เป็นพิธีกรในรายการออกกำลังกายทางโทรทัศน์สำหรับฐานทัพอากาศของสหรัฐฯ ในเปอร์โตริโก้ เธอได้ศึกษาโปรแกรมการออกกำลังกายแบบแอโรบิคของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ในขณะที่เตรียมการสำหรับการแสดงครั้งนี้ และตัดสินใจประเมินความแข็งแรงของหัวใจและหลอดเลือดของตัวเอง ซึ่งเธอได้ทดสอบด้วยการวิ่ง 12 นาที ทั้งๆ ที่ไม่เคยวิ่งมาก่อน และเธอก็ทำคะแนนได้ดีเยี่ยม เธอจึงสรุปว่า จากการฝึกเต้นรำมาเป็นเวลาหลายปีไม่เพียงแต่ทำให้เธอมีทรวดทรงดีเท่านั้น แต่หัวใจและปอดของเธอก็ยังมีสภาพที่ดีขึ้นด้วย

เธอจึงรู้ว่าผลลัพธ์จากการเต้นรำมานานเป็นปีๆ สามารถทำให้เธอมีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ และการเต้นรำก็สามารถจะนำมาจัดระบบเข้าเป็นโปรแกรมเพื่อสร้างความแข็งแรงสมบูรณ์ให้แก่ร่างกายตามแบบแอโรบิคได้ ผลงานของเธอได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีหลังจากที่การสาธิตลีลาเต้นรำแบบแอโรบิคออกอากาศแพร่ภาพทางโทรทัศน์แล้ว เธอตัดสินใจร่างโปรแกรมเชิงวิจัยขึ้นมาเพื่อทดสอบ โดยเปรียบเทียบความอดทนของร่างกายที่เพิ่มขึ้นจากผู้เข้าร่วมโปรแกรมแอโรบิคกับผู้เข้าร่วมโปรแกรมการวิ่งเหยาะ ในกำหนดเวลาที่เหมือนๆ กัน เป็นเวลา 12 สัปดาห์ ซึ่งปรากฏว่า การเต้นแอโรบิคเพิ่มความทนทานได้เช่นเดียวกันหรือดีกว่าการวิ่งเหยาะ และผู้ที่ร่วมโปรแกรมเต้นแอโรบิคยังมีรูปร่างที่ดีขึ้นด้วย

ในปี ค.ศ.1970 หลังจากที่ ซอเรนเซน ย้ายไปนิวเจอร์ซีแล้ว เธอก็ได้ทดสอบและปรับแต่งแบบการฝึกเต้นรำเสมอมา และในปี ค.ศ.1971 เธอต้องการทดสอบดูว่าจะได้ความสนใจชนิดไหนจากประชาชนทั่วไป ในโปรแกรมการเต้นแอโรบิคของเธอ

การสอนเต้นแอโรบิคครั้งแรกได้จัดให้มีชั้นเรียนขึ้นที่ห้องสันทนาการของโบสถ์แห่งหนึ่งในอีสต์ ออเรนจ์ มลรัฐนิวเจอร์ซี สหรัฐอเมริกา และมีสตรีผู้เข้าร่วมเพียง 6 คนเท่านั้น แต่ต่อมาไม่นานก็มีชั้นเรียนเปิดใหม่ที่โบสถ์แห่งนั้นอีก 2 ชั้น โดยมีผู้เข้าร่วมเรียน 25 คน และมีชั้นเรียนอื่นอีก 3 ชั้น เปิดขึ้นที่สมาคมวายดับบลิวซีเอ การเต้นแบบแอโรบิคจึงได้ถือกำเนิดขึ้นมาตั้งแต่บัดนั้น

การออกกำลังกายด้วยการเต้นแอโรบิค เริ่มด้วยการสร้างความยืดหยุ่น ของกล้ามเนื้ออย่างนุ่มนวล เพื่อให้ร่างกายพร้อมที่จะออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงต่อไป ในขั้นเริ่มต้นนี้จะไม่ได้จัดลีลาท่าทางให้เป็นแบบแผน และมิใช่เป็นการเต้นรำด้วย

ขั้นต่อไปเป็นการวอร์มอัพ หรืออบอุ่นร่างกาย ซึ่งได้เอาการเหยียดยืดตัวและการเคลื่อนไหวที่สร้างความยืดหยุ่นมาเป็นการเต้นรำ การเต้นขั้นนี้มุ่งเพื่อเพิ่มอุณหภูมิให้กับกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อกับสมองเกิดปฏิกิริยาทางเคมีที่เป็นไปได้สะดวกขึ้น เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจขึ้นทีละน้อยๆ

ขั้นต่อจากนั้นก็เป็นการเต้นแอโรบิคแท้ๆ มีจังหวะก้าว มีแบบแผน และการเต้นรำที่จัดลีลาท่าทางอย่างสมบูรณ์ ขั้นนี้ใช้เวลาระหว่าง 15-30 นาที การเต้นในขั้นนี้ได้รับการปรับให้เข้ากับสไตล์ดนตรีประเภทต่างๆ อย่างกว้างขวาง โดยเน้นการเคลื่อนไหวที่มีอย่างต่อเนื่อง

ในขั้นตอนสุดท้าย เป็นการลดความเร่าร้อนลง จะประกอบด้วยการเต้นรำอย่างช้าๆ มีการเคลื่อนไหวแบบเหยียดตัวอย่างอ่อนช้อย โดยลดการออกกำลังกายแบบหนักให้ผ่อนลงทีละน้อยๆ ให้ร่างกายคลายตัวลง เพื่อให้อัตราการเต้นของหัวใจค่อยๆ กลับเข้าสู่ระดับปกติอย่างช้าๆ

การเต้นแอโรบิคมีสอนกันอย่างกว้างขวางทั่วโลกในทุกวันนี้ มีชั้นเรียนเปิดขึ้นสำหรับคนแทบจะทุกกลุ่มอายุมากมาย สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากหนังสือดีเยี่ยมของแจ็คกี้ ซอเรนเซน ซึ่งได้อธิบายถึงโปรแกรมนี้ไว้อย่างละเอียด มีชื่อหนังสือว่า Aerobic Dancing

เรียบเรียงโดย:สุวิชญ์ ปรัชญาปารมิตา

↑ กลับสู่ส่วนบนของหน้า