สำหรับผู้ใส่ใจในการรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

หิด(Scabies)

เกิดจากตัวหิดที่ทำให้เกิดการอักเสบของผิวหนังขึ้น พบโรคนี้ได้บ่อยในคนทั่วไป และมักเป็นพร้อมๆ กันหลายคน มักมีการระบาดตามวัด โรงเรียน โรงงาน หรือกองทหาร ปัจจัยสำคัญในการระบาดของโรคนี้ คือ ความยากจน ความสกปรก และการอยู่กันอย่างแออัดหิด

สาเหตุ
เกิดจากการติดเชื้อหิด ซึ่งหิดเป็นตัวไรเล็กๆ สามารถมองด้วยตาเปล่าได้เป็นจุดขาวเล็กๆ มีชื่อว่า Sarcoptes scabiei ตัวอ่อนมี 6 ขา ตัวแก่มี 8 ขา ตัวเมียเมื่อผสมพันธุ์แล้วจะขุดรูอยู่ใต้ผิวหนังชั้นนอกสุด และวางไข่วันละ 1-3 ฟอง จนครบ 25 ฟองแล้วก็ตายไป ภายใน 3-4 วันไข่จะฟักเป็นตัวอ่อน อาศัยอยู่ในรูขุมขน ทำให้รูขุมขนมีตุ่มแดงและคัน ตัวหิดสามารถมีชีวิตอยู่ภายนอกร่างกายของคนเราได้ 2-3 วัน โรคนี้ติดต่อกันได้ง่ายด้วยการสัมผัสหรือใช้ของร่วมกัน หรืออาจเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ทำให้ตรงบริเวณอวัยวะเพศเกิดตุ่มคันขึ้น จึงถือว่าโรคนี้เป็นโรคติดต่อทางเศสัมพันธ์อีกชนิดหนึ่ง

อาการ
มักจะพบว่าที่ง่ามนิ้วมือ นิ้วเท้า ข้อมือ ข้อศอก รักแร้ รอบหัวนม รอบสะดือ ก้น ข้อเท้า อวัยวะเพศ ของผู้ป่วยจะมีตุ่มน้ำใสและตุ่มหนอง คัน ขึ้นกระจายเหมือนกันทั้งสองข้างของร่างกาย ในเด็กมักพบเป็นที่หน้าและศีรษะ

อาจพบเป็นผื่นนูนแดงคดเคี้ยวยาวประมาณ 2-3 มม. ขนาดเท่าเส้นด้าย ซึ่งตัวหิดมักจะอยู่ตรงปลายสุดของเส้นนั้น ในตอนกลางคืนผู้ป่วยมักจะมีอาการคันมาก บางรายอาจเป็นตุ่มหนองพุพองหรือน้ำเหลืองไหลจากการเกาจนมีเชื้อแบคทีเรียอักเสบซ้ำเติมขึ้น

ภาวะแทรกซ้อน
ผู้ป่วยอาจกลายเป็นหน่วยไตอักเสบแทรกซ้อนได้ถ้าเกาจนกลายเป็นแผลพุพองและเกิดการติดเชื้อบีตาฮีโมไลติกสเตรปโตค็อกคัสกลุ่มเอขึ้น หรืออาจมีอาการคันจนนอนไม่พอ กินไม่ได้ และน้ำหนักลดในเด็กบางราย

การรักษา
1. อาบน้ำถูสบู่และเช็ดตัวให้แห้ง แล้วใช้เบนซิลเบนโซเอตชนิด 25% ทาให้ทั่วร่างกายตั้งแต่คอลงมารวมทั้งผิวหนังที่ยังปกติด้วย และให้ทาซ้ำอีกเมื่อครบ 24 ชั่วโมง ไม่ควรอาบน้ำและล้างมือจนกว่าจะครบ 48 ชั่วโมงนับตั้งแต่ทาครั้งแรก หลังจากนั้นจึงค่อยอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ใช้ผ้าเช็ดตัวและผ้าปูที่นอนใหม่ทั้งหมด และให้ทำซ้ำอีกครั้งในอีก 1 สัปดาห์ต่อมาถ้ายังไม่หาย

2. ให้ยาปฏิชีวนะ เช่น ไดคล็อกซาซิลลิน หรืออีริโทรไมซิน ถ้ามีตุ่มหนองพุพองหรือน้ำเหลืองไหล และให้การดูแลรักษาแบบแผลพุพอง ควรให้ยาปฏิชีวนะแก่ผู้ป่วย 10 วันเป็นอย่างน้อย

ข้อแนะนำ
1. ทุกคนในบ้านที่เป็นหรือสงสัยว่าติดโรคพร้อมกันควรได้รับการรักษา

2. ควรซักเสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว และเครื่องนอนที่ผู้ป่วยใช้และผึ่งแดดทุกวันจนกว่าจะหาย

3. เพื่อป้องกันการลุกลามไปยังที่อื่นผู้ป่วยควรพยายามอย่าเกาและตัดเล็บให้สั้น

4. เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโรคให้แก่ผู้อื่น ผู้ป่วยไม่ควรใช้เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว เครื่องนอน หรือนอนร่วมกับผู้อื่น

การป้องกัน
ไม่ควรสัมผัสใกล้ชิด ใช้เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว สิ่งของเครื่องใช้ หรือนอนเตียงเดียวกับผู้ป่วย

↑ กลับสู่ส่วนบนของหน้า