สำหรับผู้ใส่ใจในการรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำกับโรคเบาหวาน

ภาวะนํ้าตาลในเลือดตํ่า ซึ่งมีความรุนแรงตั้งแต่รุนแรงน้อยจนถึงรุนแรงมากถึงขั้นสมองพิการ อาจกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราหรือเจ้าชายนิทราได้ มาทำความรู้จักกับภาวะนํ้าตาลในเลือดตํ่าในโรคเบาหวานและหาวีธีป้องกันภาวะนํ้าตาลในเลือดตํ่ากันเถอะ

สาเหตุของภาวะนํ้าตาลในเลือดตํ่าอาจเกิดจาก

1.  การได้รับยาลดระดับนํ้าตาลในเลือดมากเกินขนาด

2.  การฉีดยาหรือรับประทานยาเบาหวานไม่ถูกเวลา

3.  การได้รับอาหารไม่เพียงพอเนื่องจากเกิดความเจ็บป่วย      และยังคง รับประทานยาลดระดับนํ้าตาลในเลือดอยู่

4.  การงดรับประทานอาหารในบางมื้อในขณะที่รับประทานยาลดระดับนํ้าตาลในเลือดอยู่

5.  การใช้แรงหรือออกกำลังกายมากเกินไป

6.การดื่มสุราขณะท้องว่าง

อาการของภาวะนํ้าตาลในเลือดตํ่าได้แก่

อาการใจสั่น ตาลาย ปวดศีรษะ มึนงง ไม่มีสมาธิ หาวบ่อย เหงื่อออก ตัวเย็น อาการจะเหมือนเวลาหิวข้าวมากๆ ถ้าหากไม่ได้รับการแก้ไขอาจมีอาการชักเกร็ง สับสน ไม่รู้สึกตัวและหมดสติได้

วิธีแก้ไขเมื่อเกิดอาการนํ้าตาลในเลือดตํ่า

ทั้งผู้ที่เป็นโรคเบาหวานและคนใกล้ชิดควรเรียนรู้วิธีแก้ไข เพื่อจะได้ช่วยเหลือได้ถูกวิธีดังนี้

1 .รับประทานอาหารให้ตรงเวลา ปริมาณอาหารควรใกล้เคียงกันทุกวัน เพื่อรักษาระดับนํ้าตาลในเลือดให้สมํ่าเสมอ

2.  เมื่อมีกิจกรรมที่ต้องใช้แรงงานมากกว่าปกติ หรือออกกำลังกายมากขึ้น กว่าเดิมควรรับประทานอาหารว่างเพิ่มขึ้น ก่อนใช้แรงงานประมาณ 30 นาที

3.  ควรมีนํ้าตาลก้อนหรือลูกอมพกติดตัวไว้       เมื่อเกิดอาการให้รับประทานทันที ข้อควรระวังคือปริมาณนํ้าตาลที่รับประทานไม่ควรมากเกินไป เพราะอาจเกิดภาวะนํ้าตาลในเลือดสูงในภายหลังได้ ปริมาณนํ้าตาลที่เหมาะสมโดยเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้คือ

–                                            นํ้าตาลทราย 2 – 4 ช้อนชา หรือ 1 ช้อนโต๊ะ หรือ

–                                            นํ้าตาลก้อนสำหรับชงกาแฟ 2 ก้อน หรือ

–                                            ทอฟฟี่ 2 เม็ด หรือ

–                                            นํ้าหวาน นม นํ้าผลไม้ หรือนํ้าอัดลม ครึ่งแก้ว หรือ

–                                            ส้ม หรือกล้วยนํ้าว้า 1 – 2 ผล เป็นต้น

หลังจากรับประทานของหวานแล้วให้นั่งพักสักครู่ ถ้าอาการไม่ดีขึ้นภายใน 15นาทีให้รับประทานของหวานซ้ำ ถ้ายังไม่ดีขึ้นอีกควรรีบให้คนพาไปพบแพทย์

หากอาการเป็นถึงขั้นเป็นลมหมดสติ ผู้ช่วยเหลือควรช่วยประคองผู้ป่วย ให้นั่งหรือยกศรีษะให้สูง แล้วใช้นํ้าหวานข้นๆ หรือนํ้าเชื่อม 2 – 4 ช้อนชาหยอดใส่ปากทีละน้อยอย่างช้าๆ ระวังอย่าให้สำลัก ถ้ายังไม่ฟื้นคืนสติภายใน 15 นาที ให้รีบนำส่งโรงพยาบาล

สำหรับผู้ป่วยเบาหวานที่ประสบปัญหาภาวะนํ้าตาลในเลือดตํ่าและสามารถแก้ไขได้ เมื่อท่านไปพบแพทย์ตามนัด อย่าลืมเล่าอาการให้แพทย์หรือพยาบาลฟังว่าเกิดอาการนํ้าตาลในเลือดตํ่าขณะอยู่ที่บ้านบ่อยมากน้อย เพียงใด ขณะเกิดอาการผู้ป่วยกำลังทำอะไรอยู่ และคิดว่ามีสาเหตุใดที่ทำให้เกิดอาการนํ้าตาลในเลือดตํ่า เพื่อแพทย์จะได้ปรับการรักษาให้เหมาะสมต่อไป

การป้องกันภาวะนํ้าตาลในเลือดตํ่ามีวิธีด้งนี้

1.  รับประทานอาหารให้ตรงเวลา

2.  ใช้ยาให้ถูกขนาดและถูกเวลา

3.  ถ้าเจ็บป่วยมากจนรับประทานอาหารไม่ได้   มีอาการคลื่นไส้อาเจียนมาก ควรงดรับประทานยา และปรึกษาแพทย์

4.  ถ้าท่านต้องใช้แรงหรือออกกำลังกายมากกว่าปกติควรรับประทานของว่างเพิ่มก่อนออกแรง หรือเตรียมของหวานไว้ให้พร้อมถ้าเกิดอาการจะได้แก้ไขได้ทันที

5.  ควรพกนํ้าตาลหรือทอฟฟี่ติดตัวไว้เสมอ       เวลาออกนอกบ้าน สำหรับ เอาไว้รับประทานถ้าเกิดภาวะนํ้าตาลในเลือดตํ่า

ควรเรียนรู้วิธีแก้ไขภาวะนํ้าตาลในเลือดตํ่าด้วยเพื่อจะได้ช่วยเหลือผู้ป่วยได้เมื่อเกิด อาการ

ภาวนา  กีรตยุตวงศ์

,

↑ กลับสู่ส่วนบนของหน้า