สำหรับผู้ใส่ใจในการรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

ปลายประสาทอักเสบ(Peripheral neuropathy)

หรือปลายประสาทเสื่อม เป็นความผิดปกติของประสาทส่วนปลาย อาจเกิดกับประสาทเส้นเดียวหรือหลายเส้นพร้อมกันก็ได้ มักทำให้ส่วนปลายของแขนขามีอาการชาและอ่อนแรง พบโรคนี้ได้มากในวัยกลางคนที่ดื่มแอลกอฮอล์จัด หรือเป็นโรคเบาหวานประสาทเสื่อม

สาเหตุ
ประสาทส่วนปลายเสื่อมเนื่องจากสาเหตุจากการขาดอาหาร เบาหวาน พิษของยา พิษจากสารเคมี โรคติดเชื้อ เอสแอลอี มะเร็ง เนื้องอกที่กดทับเส้นประสาท ภาวะบีบรัดเส้นประสาท หรือเส้นประสาทได้รับบาดเจ็บ เป็นต้น

อาการ
ตามปลายมือปลายเท้าจะมีอาการชา รู้สึกซู่ซ่า ปวดแสบปวดร้อน อาการมักเกิดขึ้นช้าๆ กินเวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี มักมีอาการมากขึ้นในตอนกลางคืนหรือเมื่อสัมผัสถูก ถ้าเป็นมากจะรู้สึกชา ไม่รู้สึกเจ็บ คล้ายกับใส่ถุงมือถุงเท้าบริเวณปลายมือปลายเท้า ปลายมือและปลายเท้าจะอ่อนแรงถ้าเป็นมากอาจเป็นอัมพาตได้ เช่น มือเท้าตก หรือแขนขาเป็นอัมพาต กล้ามเนื้อลีบ เดินเซ ในบางรายจะมีความดันตกในท่ายืน หย่อนสมรรถภาพทางเพศ กลั้นปัสสาวะและอุจจาระไม่อยู่ ท้องเดิน ในผู้ป่วยเบาหวานอาจมีอาการเห็นภาพซ้อนเนื่องจากประสาทเลี้ยงกล้ามเนื้อเคลื่อนไหวลูกตาเกิดการอักเสบหรือเสื่อมนอกเหนือจากอาการชาที่ปลายมือและปลายเท้าแล้ว

สิ่งตรวจพบ
มักตรวจพบมีอาการชา ไม่รู้สึกเจ็บ หรือเจ็บเพียงเล็กน้อยที่ปลายแขนและปลายขา มือตก เท้าตก ตรวจไม่พบรีเฟล็กซ์ของข้อ หรือมีลดลง

ภาวะแทรกซ้อน
เนื่องจากไม่มีความรู้สึกอาจทำให้เกิดบาดแผลได้ง่าย และอาจทำให้แขนขาเป็นอัมพาตถ้าเป็นแบบรุนแรง

การรักษา
ควรส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจหาสาเหตุ เช่น ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ เอกซเรย์ หรือตรวจพิเศษอื่นๆ เพื่อค้นหาสาเหตุที่แท้จริงและให้การรักษาตามสาเหตุที่พบ เช่น รักษาเบาหวาน ตะกั่วเป็นพิษ โรคเหน็บชา โรคพิษสุราเรื้อรัง เป็นต้น อาจให้การรักษาทางกายภาพบำบัดร่วมด้วยถ้ามีอาการแขนขาอ่อนแรง

ถ้ารักษาตั้งแต่ระยะเริ่มแรกที่เป็นก่อนที่ประสาทจะเสื่อมอย่างถาวร และแก้ไขสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคได้การรักษาก็มักได้ผลดีหรือหายขาดได้ โดยจะค่อยๆ ฟื้นตัวใน 6-12 เดือน อาการชามักจะหายก่อนแล้วตามมาด้วยอาการของกล้ามเนื้ออ่อนแรง แต่ในผู้ป่วยเบาหวานที่เป็นมานานและประสาทเสื่อมอย่างถาวรการรักษาก็มักไม่ค่อยได้ผล ผู้ป่วยมักมีอาการชาอย่างถาวรต้องระวังไม่ให้เกิดบากแผลที่เท้า

ข้อแนะนำ
1. ยังมีสาเหตุอื่นๆ ได้อีกมากนอกจากโรคเหน็บชาจากอาการชาปลายมือปลายเท้าแล้ว ควรส่งตรวจเพื่อหาสาเหตุของโรคที่แท้จริงหากได้รับวิตามินบี 1 หรือบีรวมแล้วอาการไม่ดีขึ้น

2. ควรระมัดระวังการเกิดบาดแผลที่ปลายมือปลายเท้าในผู้ป่วยที่เป็นโรคปลายประสาทอักเสบ ถ้าพบบาดแผลหรือฟกช้ำควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อให้การรักษาเสียตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะถ้าปล่อยไว้แผลอาจลุกลามและทำให้รักษายากยิ่งขึ้น

3. ควรให้ผู้ป่วยเลิกดื่มแอลกอฮอล์ และฉีดวิตามินบีรวม 50 มก. หรือวิตามินบี 1 ขนาด 100 มก. วันละ 1 ครั้ง นาน 5-7 วัน ในรายที่มีสาเหตุจากโรคพิษสุรา หรือให้กินไดอะซีแพม 5-10 มก. ทุก 6-8 ชั่วโมงหากมีอาการหงุดหงิด

↑ กลับสู่ส่วนบนของหน้า