สำหรับผู้ใส่ใจในการรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ(Lymphadenitis)

เป็นภาวะที่ลุกลามมาจากโรคติดเชื้อแบคทีเรียของผิวหนังในบริเวณใกล้เคียง เช่น บาดแผลอักเสบ ผิวหนังอักเสบ เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียกลุ่มสเตรปโตค็อกคัส และสแตฟีโลค็อกคัส

อาการ
ในรายที่ต่อมน้ำเหลืองอักเสบชนิดเฉียบพลัน จะมีอาการบวมโตของต่อมน้ำเหลือง มักพบว่าผิวหนังหรืออวัยวะใกล้เคียงก็จะมีการอักเสบขึ้น เช่น การอักเสบในบริเวณเท้ามักจะทำให้ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบอักเสบ และทอนซิลอักเสบมักจะทำให้ต่อมน้ำเหลืองใต้คางอักเสบ เป็นต้น และจะพบว่ามีรอยแดงเป็นเส้นยาวจากผิวหนังบริเวณที่อักเสบไปจนถึงต่อมน้ำเหลืองที่อักเสบถ้ามีการอักเสบของท่อน้ำเหลืองร่วมด้วย ผู้ป่วยมักมีอาการไข้สูง หนาวสั่น อ่อนเพลียร่วมด้วย

ในรายที่เป็นต่อมน้ำเหลืองอักเสบเรื้อรัง มักพบที่บริเวณใต้คางและขาหนีบ ต่อมน้ำเหลืองจะบวมโตเล็กน้อย ลักษณะค่อนข้างแข็ง จับโยกไปมาได้ ไม่เจ็บ ไม่ยึดติดกับผิวหนังหรือเนื้อเยื่อข้างใต้ ต่อมน้ำเหลืองที่เป็นก้อนเล็กๆ นี้จะบวมโตอยู่เป็นแรมเดือนแรมปีหรือตลอดไป แต่จะไม่เจ็บปวด หรือมีอันตรายแต่อย่างใด

ภาวะแทรกซ้อน
อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ถ้าไม่ได้รับการรักษาจนเชื้อโรคลุกลามเข้าสู่กระแสเลือดแล้วกลายเป็นโลหิตเป็นพิษ

การรักษา
ให้ยาแก้ปวดลดไข้ และยาปฏิชีวนะ เช่น เพนิซิลลินวี ไดคล็อกซาซิลลิน อีริโทรไมซิน หรือโคอะม็อกซิคลาฟ ในรายที่เป็นต่อมน้ำเหลืองอักเสบเฉียบพลัน ควรประคบด้วยน้ำอุ่นจัดๆ และยกแขนขาส่วนที่อักเสบให้สูง ถ้าอาการดีขึ้นควรให้ยาปฏิชีวนะต่อไปอีกจนครบ 10 วัน แต่ควรนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล ถ้าภายใน 3 วัน อาการยังไม่ดีขึ้น เพราะอาจเกิดจากสาเหตุอื่น หรือการใช้ยาดังกล่าวไม่ได้ผลก็ได้

ในรายที่เป็นต่อมน้ำเหลืองอักเสบเรื้อรัง ให้การรักษาโรคติดเชื้อในบริเวณใกล้เคียงที่เป็นต้นเหตุ เช่น แก้ไขปัญหาฟันผุ หรือคออักเสบ เป็นต้น

ข้อแนะนำ
อาจเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองก็ได้ หากพบมีต่อมน้ำเหลืองโตมีลักษณะค่อนข้างแข็ง ไม่เจ็บ ขนาดเกิน 1 ซม. โดยเฉพาะที่บริเวณคอ ไหปลาร้า รักแร้ หรืออาจเป็นอาการของโรคเอดส์ถ้าพบต่อมน้ำเหลืองในลักษณะเดียวกันที่บริเวณอื่นร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุถ้าพบว่าเป็นเรื้อรังนานเกิน 3 เดือนแล้ว

↑ กลับสู่ส่วนบนของหน้า