สำหรับผู้ใส่ใจในการรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

การรักษาโรคโดยยึดหลักโภชนาการอย่างจริงจังแบบเกอร์สัน

การรักษาโรคตามแบบของเกอร์สัน(Gerson Therapy)
เป็นกลไกการเยียวยารักษาตัวเองของร่างกายไปต่อสู้กับความป่วยไข้เรื้อรังที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอด้วยการบำบัดรักษาแบบธรรมชาติ

นายแพทย์แม็กซ์ เกอร์สัน ซึ่งมีชีวิตอยู่ระหว่างปี ค.ศ.1881-1959 เรียนจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแพทย์อัลเบิร์ต-ลุดวิกส์(Albert-Ludwigs Universitaet Medizinsche Faultaet) ในเมืองฟรีเบิร์ก แคว้นบาเดน ประเทศเยอรมนี ได้เป็นผู้ริเริ่มการรักษาโรคตามแบบของเกอร์สัน ในปี ค.ศ.1909 ได้เรียนจบจากโรงเรียนแพทย์มาใหม่ๆ สมัยที่เป็นนายแพทย์หนุ่มเขามีอาการปวดศีรษะไมเกรนเป็นประจำประมาณสัปดาห์ละ 3 วัน อาการที่เป็นรุนแรงมากถึงกับต้องนอนคลื่นไส้อยู่แต่ในห้องมืดๆ และไม่สามารถทำอะไรได้เลย

เขาได้รับการบอกเล่าจากอาจารย์และศาสตราจารย์ในโรงเรียนแพทย์ที่ได้ชื่อว่ามีความรู้ในเรื่องนี้ดีว่า ไม่มีทางที่จะรักษาไมเกรนได้ แต่พออายุได้ 45 หรือ 55 อาการก็จะดีไปเอง

เมื่อเป็นเช่นนั้นนายแพทย์เกอร์สันจึงตระหนักว่าเขาคงจะต้องช่วยตัวเอง จึงเริ่มศึกษาเรื่องโภชนาการซึ่งในสมัยนั้นมีข้อมูลเรื่องนี้อยู่น้อย เขาได้ทำการทดลองอย่างแรกกับนมซึ่งคิดจากหลักเหตุผลว่านมเป็นอาหารอย่างแรกที่เด็กทารกสามารถย่อยได้ ถ้าเขาทานแต่นมก็อาจจะช่วยเขาได้เพราะย่อยง่าย แต่ผลที่ปรากฏออกมาก็ยังใช้ไม่ได้ผล

นายแพทย์เกอร์สันจึงเริ่มตระหนักว่า สัตว์ที่เติบโตเต็มที่แล้วโดยธรรมชาติไม่ได้ยังชีวิตอยู่ด้วยนม แต่นมจะทำให้ร่างกายเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและเหมาะกับเมตาโบลิซึ่มของทารกเท่านั้น และเมื่อพิจารณาถึงลิงที่ไม่มีหางทั้งหลายจะเห็นว่า ลิงจะดำรงชีวิตอยู่ด้วยการกินผลไม้และถั่วนัตชนิดต่างๆ เป็นหลัก ควบไปกับผักชนิดต่างๆ และพืชสีเขียว และเชื่อว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่ถูกต้อง เกอร์สันจึงได้เริ่มรับประทานแต่แอปเปิ้ล และภายในชั่วระยะเวลาอันสั้นก็สามารถทำให้เขาหายจากไมเกรนได้

ดร.เกอร์สันในฐานะแพทย์ประจำบ้านและผู้เชี่ยวชาญด้านโรคประสาท ได้เริ่มให้การรักษาผู้ป่วยในเยอรมัน เขาได้เสนอให้ผู้ป่วยไมเกรนคนหนึ่งที่มาพบเขาทดลองรับประทานอาหารตามแบบที่เขาคิดขึ้น และมีรายงานจากผู้ป่วยรายนั้นในเวลาไม่นานว่า จะรู้สึกสบายดีเมื่อได้รับประทานอาหารตามแบบที่เกอร์สันบอก แต่อาการปวดศีรษะไมเกรนจะกลับมาอีกเมื่อไม่ได้รับประทานอาหารนั้น

และเมื่อมีคนไข้อีกคนหนึ่งมาหา เขาก็แนะนำให้กินอาหารแบบเดิม แต่คนไข้รายนี้กลับมารายงานเขาว่า ผู้ป่วยไม่ได้หายเฉพาะโรคไมเกรนเท่านั้น แต่โรคลูปัส(Lupus) หรือวัณโรคที่ผิวหนังก็พลอยหายไปด้วย นายแพทย์เกอร์สันไม่ได้เชื่อในสิ่งที่ผู้ป่วยรายงาน เพราะไม่มีหนทางใดที่จะรักษาโรคลูปัสได้ จะต้องมีสาเหตุมาจากสิ่งอื่นที่ไม่ใช่การรับประทานอาหารตามตำรับของเขาเป็นแน่

เกอร์สันได้ทดลองให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคลูปัสแต่ไม่ได้เป็นไมเกรนกินอาหารตามสูตรของเขา และปรากฏว่าผู้ป่วยได้หายจากโรคลูปัส เกอร์สันจึงสรุปว่า การมีโภชนาการที่ถูกต้องร่างกายก็จะสามารถฆ่าเชื้อของโรคลูปัสได้เอง และเขาก็ได้ประยุกต์วิธีการรักษากับวัณโรคชนิดอื่นๆ ปรากฏว่าก็ได้ผลเช่นเดียวกัน ดร.เกอร์สันได้รักษาภรรยาของนายแพทย์อัลเบิร์ต ชไวต์เซอร์ ที่ป่วยหนักด้วยวัณโรค ในปี ค.ศ.1928 และการอาหารตามสูตรของเขาก็สามารถทำให้หายจากโรคได้

และคนไข้อื่นๆ ของหมอเกอร์สันก็ได้หายจากวัณโรคอื่นๆ ทุกรูปแบบ รวมทั้งปัญหาเกี่ยวกับ โรคเส้นโลหิตแข็งกระด้าง(arteriosclerosis) ข้ออักเสบ และโรคอื่นๆ ด้วยวิธีการรักษาแบบเดียวกัน เกอร์สันจึงได้ตระหนักว่า พื้นฐานของการรักษาโรคตามแนวนี้ คือ เมื่อฟื้นฟูความสามารถของร่างกายในการรักษาโรคได้แล้ว ร่างกายก็จะเยียวยาตัวเองจนหายป่วยจากทุกโรคไปได้เอง

ดร.เกอร์สัน ได้พาครอบครัวหนีภัยนาซีไปอยู่ที่ นิวยอร์คซิตี้ ในปี ค.ศ.1936 และได้เปิดคลินิกรักษาโรคขึ้นในปี ค.ศ.1938 เขาประสบความสำเร็จในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งขั้นสุดท้าย หรือมะเร็งชนิดที่ไม่มีทางรักษาให้หายได้เป็นจำนวนมาก และ ดร.อัลเบิร์ต ชไวต์เซอร์ ซึ่งไม่มีแรงและต้องใช้อินซูลินเพราะเป็นเบาหวานอยู่เมื่ออายุได้ 75 ปี ได้มาพบแพทย์เกอร์สัน และได้รับการรักษาตามแบบของเกอร์สันจนสามารถงดการใช้อินซูลินได้ และกลับมีแรงทำงานและใช้ชีวิตได้อย่างกระฉับกระเฉงได้จนถึงอายุ 92 ปี

โรคที่เกี่ยวข้องกับความเสื่อมของสังขาร เป็นเพียงความเสื่อมของร่างกายที่เกิดขึ้นเพราะบริโภคอาหาร อากาศ และน้ำที่เป็นพิษและไม่มีคุณภาพเข้าไปในร่างกาย และนี่คือการพิจารณาของนายแพทย์เกอร์สัน

การรักษาโรคแบบเกอร์สันมีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูให้ร่างกายกลับเข้าสู่ความมีสุขภาพที่ดี ด้วยวิธีธรรมชาติที่เสริมบำรุงจากอาหารง่ายๆ น้ำผลไม้ และยาที่ปราศจากพิษ

อาหารตำรับของนายแพทย์เกอร์สันมีลักษณะสำคัญที่ประกอบด้วยการจำกัดโซเดียม อาหารเสริมจำพวกโปตัสเซียม จำกัดไขมันอย่างเคร่งครัด จำกัดโปรตีนชั่วคราวเป็นระยะๆ รับประทานไวตามิน แร่ธาตุ และอาหารบำรุงที่ร่างกายต้องการเล็กน้อย บริโภคของเหลวในปริมาณมากๆ ยาที่ใช้ในตำรับยาของเกอร์สันเป็นสารที่มีกำเนิดมาจากธรรมชาติ ซึ่งพบในร่างกายและให้ในปริมาณที่เหมาะสมสำหรับการรักษาโรค เช่น พวกยาชีวนะ(biological)

วิธีการรักษาของเกอร์สัน คือ ให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มาจากธรรมชาติสดใหม่ วันละ 20 ปอนด์ ซึ่งจะถูกคั้นใส่ลงในน้ำผลไม้สดๆ 13 แก้ว และยังให้รับประทานอาหารทั้งดิบและสุกด้วย และที่สำคัญอีกส่วนหนึ่งคือ การใช้กาแฟชำระล้างแบบสวนทวารเพื่อกำจัดพิษออกจากเนื้อเยื่อของร่างกายและโลหิต ซึ่งเชื่อว่าจะมีการกระตุ้นระบบเอ็นไซม์ของผนังลำไส้และตับให้ส่งเสริมการถ่ายน้ำดีที่เป็นพิษออกไปด้วยวิธีนี้ และนายแพทย์แม็กซ์ เกอร์สันก็ได้มีคำกล่าวที่วิเศษอยู่ว่า “จงอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติเข้าไว้ แล้วกฎอันเป็นนิรันดร์ของมันจะช่วยคุ้มครองคุณ”

เป็นเวลาหลายปี ตั้งแต่ปี ค.ศ.1940 ที่สมาคมแพทย์อเมริกันไม่เห็นด้วยกับวิธีการรักษาแบบพิสดารของเกอร์สัน และโต้แย้งว่า ดร. เกอร์สันไม่สามารถและไม่ยอมบอกรายละเอียดเรื่องวิธีการบำบัดรักษาตามแบบของเขาให้วิชาชีพทางการแพทย์ได้ทราบ ทั้งที่มีการตีพิมพ์เอกสารกว่า 50 ชิ้น กับหนังสืออีก 3 เล่ม ของเกอร์สันเกี่ยวกับวิธีการรักษาด้วยอาหารแบบของเขา แม้ผลงานวิชาการมากมายของเกอร์สันจะถูกส่งไปเสนอตีพิมพ์ยังนิตยสารการแพทย์หลายฉบับก็ถูกปฏิเสธจนหมด

ในปี ค.ศ.1959 หลังจากที่นายแพทย์เกอร์สันได้ถึงแก่กรรม ชาร์ล็อต ลูกสาวของเขา และนอร์แมน ฟริตซ์ วิศวกรการบินอวกาศ ก็ได้สืบทอดการรักษาตามแบบของเขาต่อไป เพื่อให้เป็นอิสระจากอิทธิพลของสมาคมแพทย์อเมริกันที่บอยคอตวิธีการของเกอร์สันมานานนับสิบๆ ปี และในปี ค.ศ.1977 ก็ได้เปิดศูนย์การบำบัดรักษาโรคแบบเกอร์สันขึ้นที่ประเทศเม็กซิโก โดยบุคคลทั้งสองนี้

ผู้ที่มีความสนใจสามารถขอรับการบำบัดรักษาโรคตามแบบของเกอร์สันได้โดยผ่านทางศูนย์ Crntro Hospitalario International del Pacifico, S.A. ในเมืองทิฮัวนา ประเทศเม็กซิโก สามารถติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้จากสถาบันเกอร์สัน (Gerson Institute) ในสหรัฐอเมริกา ตามที่อยู่ดังนี้
Gerson Institute,
P.O. Box 430,
Bonita, CA 91908,
USA.

เรียบเรียงโดย:สุวิชญ์ ปรัชญาปารมิตา

↑ กลับสู่ส่วนบนของหน้า