สำหรับผู้ใส่ใจในการรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

การนวดเพื่อรักษาพังผืด(Structural Integration)

เป็นเทคนิคการนวดที่จะปรับแนวการวางตัวของระบบกล้ามเนื้อกับส่วนพังผืดของร่างกายอีกแบบหนึ่ง พังผืดเป็นระบบที่ต่อเนื่องกันเป็นผืนเดียวทั่วร่างกาย แผ่คลุมไปถึงอวัยวะภายใน เกี่ยวพันเป็นพิเศษกับกล้ามเนื้อ ช่วยยึดประคองให้ร่างกายประกันเป็นองคาพยพเดียวกันทั้งหมด

พังผืดจะแผ่คลุมมาตั้งแต่ส่วนบนสุดของศีรษะไปจนถึงปลายนิ้วเท้า บทบาทสำคัญคือช่วยค้ำจุนร่างกาย ในพังผืดจะประกอบไปด้วยเส้นใย 2 ชนิด คือ เส้นใยชนิดที่เป็นคอลลาเจน หรือคอลลาเจนัสไฟเบอร์ เป็นเส้นใยที่เหนียวและมีความสามารถในการยืดตัวน้อย ส่วนอีกชนิดหนึ่งเป็นเส้นฝนชนิดยืดหยุ่น เรียกว่า เส้นใยอีลาสติค หรืออีลาสติคไฟเบอร์ ซึ่งมีความยืดหยุ่นได้มาก

พังผืดจะผ่อนคลายและมีความสามารถในการเคลื่อนขยับได้โดยไม่มีขีดจำกัดในภาวะที่มีสุขภาพดีตามปกติ แต่พังผืดจะสูญเสียความยืดหยุ่นและปรับตัวหนาขึ้นและแข็งตัวขึ้นทำให้เกิดอาการขัด เคลื่อนไหวได้ไม่เต็มที่ และปวดเมื่อมีการกระทำที่ส่งผลในเชิงสะสมต่อพังผืด เช่น เมื่อร่างกายต้องประสบกับท่าการทรงตัวที่ผิดท่าหรือไม่ถูกต้องจนเป็นนิสัย หรือเมื่อร่างกายเกิดเป็นโรค ได้รับบาดเจ็บ หรือถูกนำไปใช้ในแบบแผนที่ซ้ำซากอย่างคนที่ใช้ร่างกายทำงานด้วยการเคลื่อนไหวแบบซ้ำซาก เป็นต้นว่าพวกที่ทำงานเคาะแป้นคีย์บอร์ดติดต่อกันเป็นเวลานานๆ รวมไปถึงการผ่าตัด ความสะเทือนใจ และปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย

การเหยียดร่างกายของคนอายุมากหรือผู้ใหญ่มักจะทำไม่ได้มากเหมือนเด็กๆ พังผืดของคนเราอาจจะส่งผลทำให้อวัยวะภายในทำงานได้ไม่ดีโดยที่เราไม่รู้ตัวก็ได้ ซึ่งบางคนอาจจะยกแขนชูขึ้นเหนือศีรษะเต็มที่ไม่ได้ด้วยซ้ำ

การนวดเพื่อรักษาพังผืด อาศัยหลักการที่ว่าเนื้อเยื่อเกี่ยวพันของเรามีโครงสร้างที่เหมือนกับวุ้น หากใช้พลังงานกำกับลงไปจะสามารถทำให้อยู่ในรูปทรงไหนๆ ก็ได้ เราจะสามารถจัดแนวการวางท่าทรงตัว หรือจัดให้อยู่ในรูปทรงที่ต้องการได้ระหว่างที่อยู่ในสภาพที่เป็นวุ้น และเมื่อหยุดให้พลังงานพังผืดนั้นก็จะแข็งตัวรักษารูปทรงใหม่ที่ดีเอาไว้

ดร.ไอดา โรล์ฟ(Ida Rolf) เป็นคนที่คิดแนวเรื่องการจัดรูปทรงใหม่นี้ขึ้นมาเป็นคนแรก ดร.โรล์ฟ เป็นปรมาจารย์ในแขนงของการนวดและกายภาพบำบัด เป็นคนที่พัฒนาวิธีการนวดที่เรียกว่า โรล์ฟฟิ่ง(Rolfing) และมีการนำหลักการของเธอไปปรับแต่งเป็นวิธีการนวดใหม่ๆ มากมายโดยลูกศิษย์ลูกหาของเธอเอง

เป้าหมายของวิธีการนี้ คือ ทำให้พังผืดอ่อนตัวลงและจัดแนวการวางตัวของพังผืดเสียใหม่ เพื่อเป็นการผ่อนคลายแรงกด หรือความตึงให้ออกไปจากกล้ามเนื้อ เส้นโลหิต ช่องทางของน้ำเหลือง และประสาท

ร่างกายจะสามารถเคลื่อนไหวได้อิสระขึ้น ประสานกันได้ดีขึ้น นุ่มนวลยิ่งขึ้น คล่องขึ้น และใช้แรงน้อยลงเมื่อพังผืดหายแข็งแล้ว และสามารถทำให้ร่างกายมีพลังงานและความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นด้วย

เมื่อมีพลังงานเพิ่มมากขึ้น ก็ทำให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีความสบายมากขึ้น มีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น และจะส่งดีต่อทุกระบบในร่างกาย ทำให้ปัญหาสุขภาพในด้านต่างๆ รวมทั้งความปวดเมื่อยเรื้อรังที่เคยมีก็จะหายไปได้เอง และทำให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้น

การนวดเพื่อรักษาพังผืด ผู้ให้การบำบัดจะใช้การกด การนวด และความร้อนจากมือเพื่อทำให้พังผืดที่แข็งหนากลับมีความยืดหยุ่นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ทำให้กล้ามเนื้อสามารถยืดตัวออกได้และกลับเข้าสู่สภาพปกติ ทำให้ร่างกายมีความสมดุล เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระภายในสภาพที่ต้องต้านกับแรงโน้มถ่วงหรือแรงดึงดูดของโลก

เมื่อตอนที่วิธีการนี้ได้พัฒนาขึ้นมาใหม่ๆ ได้มีการกำหนดมาตรฐานในการนวดเพื่อรักษาพังผืดเอาไว้ 10 ครั้งๆ ละ 1 ชั่วโมง แต่ต่อมาการนวดพังผืดนี้ก็ได้เพิ่มเวลาขึ้นเป็น 15 ครั้ง ครั้งละ 1 ชั่วโมง เนื่องจากการเคลื่อนไหวที่ไม่สะดวกของคนเราก่อนที่มานวดรักษาพังผืดนี้ อาจจะมีการสะสมมาชั่วชีวิต และมีมานานถึง 20, 30 หรือ 40 ปีหรืออาจจะนานกว่านั้นไปแล้ว จึงทำให้พังผืดไปเชื่อมติดกันจนร่างกายเคลื่อนไหวไม่สะดวก และไปสมทบเข้ากับนิสัยการเคลื่อนไหวที่เปลี่ยนแปลงได้ยากมากนี้ด้วย

ในสมัยแรกๆ การนวดเพื่อรักษาพังผืดจะใช้วิธีการออกแรงดันมากเพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ซึ่งทำให้เกิดความเจ็บปวดขึ้นบ่อยครั้ง แต่ปัญหานี้ก็ไม่ได้เกิดจากเหตุผลนี้เพียงอย่างเดียว แต่อาจเกิดจากการที่เนื้อเยื่อของผู้ป่วยถูกยืดหรือดึงให้ตึงแล้วปล่อยให้หดกลับมาอย่างเร็วเกินไป และไม่สามารถจะรับหรือคล้อยตามการเปลี่ยนแปลงได้ อาการตึงขัดก็จะดีขึ้นเพียงระยะหนึ่งและจะกลับไปเป็นอย่างเดิม เพราะผู้ป่วยจะกลับไปเคลื่อนไหว หรือใช้ร่างกายอย่างเดิมอย่างที่เคยทำมาเป็นนิสัย ความปวดความเคล็ดขัดที่หายไปชั่วคราวก็จะกลับมาใหม่

การนวดรักษาพังผืดได้มีการปรับปรุงขึ้นใหม่ในปัจจุบัน และมีเป้าหมายเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างถาวร ดังนั้นจึงต้องนวดกันไปเรื่อยๆ โดยใช้การนวดแบบที่ต้องทำให้ระดับลึกเพียงแค่ระยะหนึ่ง และมีการทำต่อเนื่องกันไปเพื่อรักษาสุขภาพในรูปแบบการนวดอย่างเบาๆ

มีหลักฐานยืนยันถึงการนวดเพื่อรักษาพังผืดนี้ว่ามีประสิทธิภาพในการรักษาโรคมากมาย เช่น โรคข้ออักเสบ สโคลิโอซิส(Scoliosis)หรือสภาพกระดูกสันหลังบิดงอ ปวดเอว และปวดขา(ไซแอททิก้า Sciatica ที่ปวดตลอดแนวตั้งแต่ต้นขาลงไป) โรคภูมิแพ้ อาหารไม่ย่อย อาการผิดปกติที่ข้อต่อกราม (TMJ Temporomandibular joint syndrom เวลาอ้าปากหรือเคี้ยวอาหารก็จะมีอาการเจ็บหรือขัด และอาจจะมีเสียงกึ้กกั้กด้วย) ช่วยรักษาอาการคอเคล็ด แขนเคล็ด เท้าแป ปัญหาที่หัวเข่า และอื่นๆ

โรงเรียนสอนนวดมากมายในสหรัฐอเมริกามีการสอนนวดรักษาพังผืดอยู่ทั่วไป ซึ่งวิธีการนี้เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรการสอนแพทย์แผนองค์รวม หรือ Holistic Health ด้วย

เรียบเรียงโดย:สุวิชญ์ ปรัชญาปารมิตา

↑ กลับสู่ส่วนบนของหน้า