สำหรับผู้ใส่ใจในการรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

โรคตาแดง

ตาแดง เป็นโรคที่ติดต่อได้ง่ายทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ส่วนใหญ่จะพบในเด็กเพราะขาดการ ระมัดระวัง มักพบระบาดตามโรงเรียน ที่ทำงาน ในบ้าน ในโรงงาน หรือตามหมู่บ้าน

สาเหตุ เกิดจากเยื่อตาอักเสบเนื่องจากเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรีย

เชื้อที่ทำให้เกิดโรค

1.โรคตาแดงระบาด (Epidemic Keratoconjunctivitis) หรือโรคเยื่อตาขาวอักเสบอันเกิด จากการติดเชื้อไวรัส

2.โรคเยื่อตาอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย      เกิดจากเชื้อแบคทีเรียหลายชนิดเช่นสะแต๊ป ไฟโลค๊อกคัส สะแต๊ปโตค๊อกคัส สะแต๊ปนิวโมค๊อกคัสฯ

แหล่งของโรค ได้แก่มนุษย์หรือผู้ป่วย

การติดต่อ ตาแดงเป็นโรคติดต่อชนิดรวดเร็ว สามารถติดต่อได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยผู้ป่วยเป็นผู้แพร่เชื้อ

การติดต่อทางตรง โดยการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย เช่น หากไปสัมผัสมือผู้ป่วยแล้วขยี้ตา ตัวเองก็อาจติดเชื้อเป็นตาแดงได้ นอกจากนั้นยังมีเชื้อโรคอยู่ในข้าวของเครื่องใช้ หนองน้ำตา ละอองนํ้ามูก นํ้าลายของผู้ป่วย

การติดต่อทางอ้อม โดยการใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วยเช่น ผ้าเช็ดหน้า เสื้อผ้า โดยเฉพาะสบู่ ยาหยอดตา หรือเมื่อแมลงหวี่ตอมตาผู้ป่วยแล้วบินมาตอมตาคนปกติก็มีสิทธิ์ติดเชื้อโรคได้

ระยะฟักตัวของโรค ประมาณ 1-3 วัน

ระยะติดต่อ ช่วงที่ผู้ป่วยมีอาการของโรคตาแดง

ความไวต่อโรคและความต้านทาน ผู้ได้รับเชื้อมีโอกาสเป็นโรคได้ทุกคน

อาการ

1.โรคตาแดงระบาด (Epidemic Keratoconjunctivitis) หรือโรคเยื่อตาขาวอักเสบอันเกิด จากการติดเชื้อไวรัส มักระบาดในช่วงฤดูหนาว หรือราวเดือนมิถุนายนถึงเดือนธันวาคม

ผู้ป่วยมักมีอาการไม่รุนแรง เพียงแต่รู้สึกเคืองตาหลังจากรับเชื้อประมาณ 1-2 วัน มี อาการตาแดง มีน้ำตาไหล หรือตาขาวอาจเป็นสีแดงคล้ายเส้นเลือดฝอยแตก หนังตาอาจบวม เล็กน้อย ขี้ตามีไมมาก อาจเริ่มที่ตาข้างหนึ่งก่อนแล้วจึงลามไปยังอีกข้างหนึ่ง จึงมักพบเป็น ทั้งสองข้าง

โรคนี้มักหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ พบการระบาดมากในหมู่เด็กๆมีเพียงส่วน น้อยทีเกิดอาการแทรกซ้อน เช่น มีการอักเสบของกระจกตาดำ ทำให้มีอาการปวดตา ตามัว

2.โรคเยื่อตาอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย       ผู้ป่วยจะมีอาการตาแดง หนังตาบวม มีขี้ตาและ ตาแฉะ จะมีขี้ตาปนหนองสีเหลืองหรือสีเขียว ทำให้ตาติดกันโดยเฉพาะตอนตื่นนอนจะลืมตาไม่ ค่อยได้ อาจเป็นพร้อมกันทั้งสองข้าง ในช่วงที่หนังตาบวม ตาคนไข้จะรู้สึกกลัวแสง และมี หนองปนขี้ตาออกมา จึงควรใส่แว่นตาดำป้องกันแสงหากต้องออกนอกบ้าน มักพบระบาดใน ช่วงฤดูร้อน

นอกจากนั้นยังมีโรคเกี่ยวกับตาที่สามารถติดต่อไปถึงผู้อื่นได้ คือ

1.โรคริดสีดวงตา     เป็นโรคติดต่อเรื้อรัง เชื้อโรคจะออกมากับนํ้าตา นํ้าหนองจากตา หรือ นํ้ามูก นํ้าหนองจากจมูก ติดต่อทางการสัมผัส ระยะฟักตัวประมาณ 5-12 วัน

ผู้ป่วยจะมีอาการอักเสบของเยื่อบุภายในเปลือกตาเกิดตุ่มเล็กๆที่เยื่อตา และอาจเป็นแผล มีเส้นโลหิตลุกลามเข้าสู่แก้วตาดำ ทำให้เกิดแผลเป็นที่เปลือกตาด้านใน ทำให้หนังตาย่น ขนตา  แยงเข้าไปในลูกตา เกิดแผลที่แก้วตาดำ อาจทำให้สายตาพิการหรือบอดได้ อาการจะยิ่งรุนแรง เมื่อมีเชื้อแบคทีเรียเข้า

การตรวจหาเชื้อและวินิจฉัยโรค ดูจากอาการ หนอง และประวัติการสัมผัสกับผู้ป่วย

การรักษาพยาบาล

ใช้ยาหยอดตาที่เข้ายาปฏิชีวนะ เช่นยาหยอดตาคลอแรมเฟนิคอล และใช้ยาป้ายตา เตทตราซัยคสินป้ายตาก่อนนอน เพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ไม่ควรใช้ยาที่เข้า สเตียรอยด์เพราะอาจทำให้โรคลุกลามเป็นอันตรายได้ ก่อนใช้ยาควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร

ส่วนใหญ่อาการตาแดงจะดีชขึ้นภายใน 4-5 วัน และจะหายขาดภายใน 1-2 สัปดาห์ หากนานกว่านี้ควรไปพบแพทย์

โรคแทรกซ้อน (ดูในหัวข้อ อาการ)

โรคอื่นๆที่มีอาการคล้ายตาแดง อาการตาแดง ตาอักเสบ นอกจากเกิดจากเชื้อไวรัสและแบคทีเรียแล้ว อาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น ผงเข้าตา เยื่อตาขาวอักเสบจากการแพ้เช่น แพ้ฝุ่น เกสรดอกไม้ เป็นต้น

การปฏิบัติตน

เมื่อเป็นหรือสงสัยว่าเป็น โรคตาแดง นอกจากการไปพบแพทย์และปฏิบัติตามคำแนะนำ เกี่ยวกับผู้ป่วยด้วยโรคติดต่อ ดังกล่าวรายละเอียดไว้ในบทนำแล้ว ยังมีข้อควรทราบเกี่ยวกับ การปฏิบัติตนเฉพาะโรคเพิ่มเติม ดังนี้

1.หากเป็นเด็กนักเรียนควรหยุดเรียน        เพราะมีโอกาสนำโรคไปแพร่ในโรงเรียนได้มาก

2.ผู้ป่วยควรนอนแยกจากพี่น้องคนอื่นๆ  และใช้ข้าวของต่างๆ เช่น จาน ชาม ช้อน แก้ว นํ้าต่างหาก เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด

3.ควรล้างมือด้วยสบู่บ่อยๆ            และควรใช้สบู่ก้อนนั้นเป็นของส่วนตัว สบู่จะสามารถแพร่ เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้หากมีการใช้ร่วมกัน ซึ่งเป็นการแพร่เชื้อที่คนส่วนใหญ่มองข้าม

4.ไม่ควรใช้มือขยี้ตา            ไม่ควรออกไปผจญลม ฝุ่น และแสงนอกบ้าน หากมีความจำเป็น ต้องออกไปควรใส่แว่นตาดำทั้งนี้เพื่อป้องกันแมลงหวี่มาตอมตาซึ่งทำให้แพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้

5.พักผ่อนให้มากๆ   ห้ามออกกำลังกายหรือทำงานหนัก และห้ามฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อ เพื่อ ป้องกันการเป็นอัมพาตแทรกซ้อน

6.ห้ามใช้ยาหยอดตา            สบู่ แว่นตา ของผู้อื่น (โดยเฉพาะยาหยอดตา ห้ามโดยเด็ดขาด)

7.ทำลายเชื้อโรคด้วยการนำสำลีที่ใช้เช็ดหนองขี้ตาผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดมือไปต้มหรือแช่ ในนํ้ายาฆ่าเชื้อโรคก่อนนำไปซักทำความสะอาดตามปกติ

8.ถ้ามีอาการปวดตารุนแรง            อาการตาพร่า ตามัว มีอาการแขนขาเป็นอัมพาต หรือ อาการตาแดงไม่ทุเลาภายใน 1 สัปดาห์ ควรไปพบแพทย์

การป้องกันและควบคุมโรค

นอกจากปฏิบัติตามคำแนะนำ เพื่อหลีกเลี่ยงและป้องกันการรับเชื้อหรือภาวะที่ทำให้เกิด โรค ดังกล่าวรายละเอียดไว้ในบทนำแล้ว ยังมีข้อควรทราบเพิ่มเติมเฉพาะโรค ดังนี้

1 .เมื่อมีการระบาดของโรคตาแดง ไม่ควรคลุกคลีหรือสัมผัสผู้ป่วย โดยเฉพาะการสัมผัสมือ

2.ไม่ควรใช้มือขยี้ตา ควรล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ

3.ไม่ควรใช้ข้าวของร่วมกับผู้ป่วย โดยเฉพาะผ้าเช็ดหน้า สบู่ แว่นตา และยาหยอดตา

 

,

↑ กลับสู่ส่วนบนของหน้า