สำหรับผู้ใส่ใจในการรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

แก้ปวดหัวโดยไม่ต้องกินยา

ทุกวันนี้มีโรงพยาบาลและคลินิกจำนวนไม่น้อยเลย ที่สอนคนไข้ให้แก้ ปัญหาตนเอง โดยการใช้จินตนาการ จนเป็นที่คาดกันว่า ในอีกสิบปีข้างหน้า การจินตนาการจะเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างหนึ่งในการรักษาโรค

ผู้เขียนเคยใช้เทคนิคทางจิตด้านจินตนา การรักษาคนไข้ได้ผลมาแล้ว เป็นจำนวนมากในช่วง ๒๐ ปีที่ผ่านมา

เพื่อให้กระจ่างขึ้น จะได้นำโรคปวดที่เป็นกันอยู่ทั่วไปมาสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่าง คือ โรคปวดหัว มีวิธีแก้ตามขั้นตอนดังนี้

แก้ปวดหัวโดยไม่ต้องทานยา

๑. นอนในห้องที่สงัด พักผ่อนตามสบาย ทำใจให้ขาดจากสิ่งกังวลและสิ่งรบกวนต่างๆ

๒. สร้างภาพความเจ็บปวดขึ้นมา ให้เป็นภาพของสิ่งที่จับต้องได้ อย่างหนึ่ง ที่สามารถวาดเป็นภาพหรือถ่ายเป็นฟิล์มได้ อย่างที่คุณเคยเห็นในทีวีที่โฆษณายาแก้ปวด อาจจะนึกถึงภาพศีรษะของคุณถูกกระหน่ำด้วยตะลุมพุก ถูกหนีบด้วยคีมปากคีบใหญ่ หรือถูกสายฟ้าฟาด ให้ได้ภาพที่ชัดที่สุดเท่าที่จะชัดได้ เพ่งใจไปสัมผัสกับความเจ็บปวดนั้น จนรู้สึกได้ว่ามันปวดหนึบๆ ปวดจนหน้าเหย เอี้ยวคอไม่ได้ แน่นไปหมด ปวดเหมือนหัวจะระเบิด เป็นต้น คนเราจะสร้างภาพการปวดหัวของตัวเองได้ตามความรู้สึกต่างๆ ดังนี้
“เหมือนมีค้อนขนาดใหญ่ตีลงกลางกระหม่อม”
“เหมือนมีเชือกหรือลวดรัดหัวและคอให้แน่นเข้าทุกที”
“เหมือนมีของเหลวดันอยู่ข้างใน ใกล้จะระเบิดเต็มทีแล้ว”
Wเหมือนมีเส้นลวดตะปุ่มตะป่ำเสียบทะลุศีรษะ”
“กล้ามเนื้อคอเหมือนถูกรัด ทำให้ปวดหัวแทบระเบิด”
ให้ภาพต่างๆ แต่ละอย่างที่คุณนึก ค้างอยู่ในความทรงจำประมาณ ๒
นาที

๓. แสดงปฏิกิริยาแก้ไข เมื่อ ๒ นาทีผ่านไป ค่อยๆ เปลี่ยนภาพความ เจ็บปวดนั้นให้เป็นรูปอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งจะทำให้ความเจ็บปวดน้อยหรือบรรเทาลง นับเป็นปฏิกิริยาที่ถูกต้องต่อสถานการณ์ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว จะต้องเกิดขึ้นเพื่อจะทำให้ความเจ็บปวดหายไป หรือควบคุมความไม่สบายนั้นได้ ให้สิ่งที่เปลี่ยนไปนั้นเป็นประโยชน์ต่อคุณจึงจะใช้ได้

ดูตัวอย่างต่อไปนี้

เมื่อคุณนึกภาพการปวดศีรษะ “เหมือนมีค้อนขนาดใหญ่ตีลงกลางกระหม่อม” ปฏิกิริยาแก้ไขควรจะเป็น “เจ้าค้อนนั้น ตีค่อยลง…ช้าลง…ช้าลง… จนตีไม่ถูกเลย เจ้าค้อนนั้น เริ่มเล็กลง…เล็กลง…จนหายไปกับตา”

ถ้าคุณจินตนาการว่ามีก้อนหินใหญ่กดทับลงตรงสมองของคุณ น้ำหนัก เป็นตัน มันสมองของคุณจะบี้แบนอยู่แล้ว จินตนาการแก้ไขควรจะเป็น ”ก้อนหินใหญ่ค่อยๆ แตกยุ่ยออกไป เหลือก้อนเล็กลง…เล็กลง…น้ำหนักเบาลงเรื่อยๆ ไม่นานคงจะเหลือเป็นเศษหิน ก้อนกรวด และเม็ดทราย ดูสิ มันกำลังหายไป”

หากคุณจินตนาการว่า มีของเหลวดันอยู่ข้างใน ใกล้จะระเบิดเต็มที แล้ว จินตนาการแก้ไขควรจะเป็น ”ข้าพเจ้ามองเห็นเส้นเลือดในสมองของข้าพเจ้าคลายตัวออก ไม่มีความเครียดอยู่เลย เส้นเลือดเหล่านั้นปล่อยให้เลือดไหลลงสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกายไปหมด ไม่เหลือความกดดันอยู่ในสมองอีกเลย สายเลือดไหลลงจากศีรษะของข้าพเจ้า เหมือนกระแสน้ำไหลเอื่อยอยู่ในลำธาร”

ในช่วงที่นึกจินตนาการแก้ไขนี้ อย่าได้นึกถึงความเจ็บปวด ขอให้นึก เฉพาะถึงสิ่งที่จะมาแก้ความเจ็บปวด หรือช่วยให้คุณทนทาน ต่อความเจ็บปวดได้ จะเป็นภาพอะไรก็แล้วแต่เทคนิคส่วนตัว ที่ยกตัวอย่างมาก็พอเป็นแนวเท่านั้น

คนไข้รายหนึ่ง เมื่อปวดศีรษะอย่างรุนแรง เธอก็จินตนาการไปว่า ในหัวสมองเธอไม่มีอะไรเลยนอกจากปุยเมฆ ชั่วอึดใจปุยเมฆชวนให้เธอรู้สึกตัวเหมือนล่องลอย จนทำให้ความเจ็บปวดบรรเทาลงมาก ดังนั้น จินตนาการถึงอะไรก็ได้ ขอให้เป็นไปในทางบวก ที่จะเป็นประโยชน์ต่อตัวคุณเป็นพอ

๔. คำแนะนำบางอย่าง อย่าได้เร่งรัดจินตนาการแก้ไขของคุณ ค่อยๆ นึกไปช้าๆ ควรจะสละเวลาอย่างน้อยสิบนาที จนกระทั่งปรากฏแก่ตัวคุณว่า ศีรษะและมันสมองของคุณคลายความปวดร้าวเข้าสู่ภาวะปกติ อย่าได้นึกว่า อาการปวดศีรษะของคุณมีลักษณะพิเศษ ไม่มีทางแก้ได้ด้วยจินตนาการ

เทคนิคทางจิตแบบจินตนาการนี้ ประยุกต์ใช้กับความเจ็บปวดทั้งหลาย ที่บังเกิดในร่างกายของคุณ ใช้ได้กับความเจ็บปวดแม้เพียงน้อยนิด ไปจนกระทั่งความเจ็บปวดที่แสนทรมาน เช่น ปวดฟัน อาการปวดก่อนประจำเดือนจะมา หรือข้อเท้าเคล็ด

ที่มา:ดร.ซัลวาตอร์ วี.ไดดาโต เขียน
ธรรมรงค์  น้อยคูณ แปล

↑ กลับสู่ส่วนบนของหน้า