สำหรับผู้ใส่ใจในการรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

ฝีในคัมภีร์ทิพยมาลา

ลักษณะวัณโรคภายในที่มิได้อยู่ในเบื้องต้น 10 ประการ ในคัมภีร์ทิพยมาลา แต่กล่าวด้วยวัณโรค 8 ประการ คือ สุวรรณเศียร ทันตกุถัง ทันตะมูลา ราหูกลืนจันทร์ ฟองสมุทร ครีบกรด อุรักกะวาต อัคนีสันทวาต 8 ประการ

เป็นกลุ่มของวัณโรคที่เรียกว่าฝีเช่นกัน แต่จะเป็นกลุ่มอาการที่ในปัจจุบันเรียกว่า มะเร็ง เพราะเป็นเนื้องอกชนิดร้ายแรง ยกเว้นพวกฝีอุรักกะวาต ฝีสุนทรวาต ฝีฟองสมุทร แต่ที่อาจเป็นได้ทั้ง Miliary tuberculosis หรือมะเร็งที่กระจายทั่วตัว คือ ฝีดาวดาดฟ้า

ในคัมภีร์มักเรียกเป็นชื่ออื่น แม้จะมีลักษณะที่เป็นเม็ดยอดแล้วแตกออก จึงทำให้มีความสับสนยิ่งขึ้น เช่น มะเร็งคุด มะเร็งลาม มะเร็งเพลิง มะเร็งโร ในที่นี้มะเร็งคุด มะเร็งลาม จะมีอาการคล้ายกับมะเร็งในปัจจุบัน ซึ่งมีอาการติดเชื้ออักเสบเข้าสู่กระแสเลือด ส่วนมะเร็งเพลิง และมะเร็งโร เป็นการอักเสบเรื้อรังของผิวหนังจากการแพ้ คำว่ามะเร็งหรือ Cancer ในแผนปัจจุบันจึงมีความหมายแคบกว่าในแผนโบราณ เพราะ Cancer เป็นแค่ส่วนหนึ่งของมะเร็ง แต่ในแผนโบราณจะรวมถึงโรคที่มีตุ่มหรือแผลลามเรื้อรัง ซึ่งมีทั้งชนิดที่รักษาได้และรักษาไม่ได้

และนอกจากนี้ก็ยังมีโรคผิวหนังอื่นๆ อีก เช่น คชราด กลากและเกลื้อน ซึ่งคดราชก็แบ่งออกได้อีก 2 จำพวก คือ คชราดบอน และคชราชหูด

คชราชบอน เกิดจากอาโปธาตุ ตอนแรกจะมีเม็ดผุดขึ้นมาคล้ายดอกดาวเรือง และทำให้คันมาก เมื่อเกาก็ทำให้เป็นแผลเปื่อยมีน้ำเหลืองไหล อาการไม่ร้ายแรงนัก

คชราชหูด เกิดจากปัถวีธาตุและวาโยธาตุ เม็ดผื่นที่ผุดขึ้นมาตอนแรกนั้นที่หัวจะแข็ง คล้ายกับหิด ทำให้คัน ไม่มีอาการร้ายแรงแต่อย่างใด และจะไม่แตกออกเมื่อเกา มักเกิดขึ้นได้บ่อยๆ เพราะลมเป็นพิษ คชราดทั้งสองชนิดโบราณว่าสามารถรักษาให้หายได้

ส่วนกลากและเกลื้อนจะมีความหมายที่ตรงกันกับแผนปัจจุบัน

ชื่ออีกกลุ่มหนึ่งที่ทำความสับสนเช่นกันคือ คำว่า โรคเรื้อน โบราณเชื่อว่า ในวิถีกุฎโรค มีโรคกลุ่มหนึ่งเกิดด้วยกิมิชาติอันเบียดเบียนกันอยู่ในอัฐิและชิ้นเนื้อของตนเองให้เป็นเหตุ ถ้าเกิดในอัฐิ เรียกว่า กุฎฐัง เป็นอติสัยโรค อาการตัด(ตาย) ถ้าเกิดในชิ้นเนื้อเรียกว่า โรคเรื้อน เป็นอสาทยโรครักษายากนัก อาการไม่ตัด คำว่า โรคเรื้อน ในคัมภีร์มีรายละเอียดว่า นอกจาก Leprosy แล้ว ยังรวมโรคผิวหนังอื่นๆ ด้วยเช่น เรื้อนกวาง เรื้อนมูลนก เรื้อนวิลา เป็นต้น ส่วนกุฎฐัง ที่เป็นอติสัยโรค มีอาการตัด(ตาย)จะเป็น Leprosy แน่นอน ในสมัยก่อนทำให้ผู้คนเสียชีวิตไปมากมาย แต่สามารถรักษาให้หายขาดได้แล้วในปัจจุบันนี้

ที่มา:จากหนังสือวิทยาศาสตร์ในการแพทย์แผนไทย
โดยอาจารย์แพทย์หญิงเพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ
รองอธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก

↑ กลับสู่ส่วนบนของหน้า